พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 941 ของนัทธี
เขารู้ว่าการที่เขาเห็นคนที่ตัวเองรักถูกนิรุตต์กระทำแบบนี้ เขาอยากจะฆ่านิรุตต์ หรือให้บอดีการ์ดที่คุ้มหลังยิงนิรุตต์ให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้มากแค่ไหน
แต่เขาไม่กล้า เขากลัวว่าแค่เขาคิด นิรุตต์ก็จะลงมือฆ่าวารุณีเสียก่อน
ถึงตอนนั้น มันก็จะกลายเป็นว่าเขาได้ทำให้คนที่เขารักตายซะเอง
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเดิมพัน
นิรุตต์ฟังคำเย้ยหยันของนัทธี ยิ้มอย่างสบายใจ “กล้าหาญ?นัทธี พูดคำนี้คงไม่เหมาะมั้ง ถ้าให้เทียบกับชีวิตตัวเองแล้ว นับประสาอะไรกับความกล้าหาญ และคนอย่างนิรุตต์ก็ไม่ใช่คนที่มีน้ำใจนักกีฬาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ฉันสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ทำไมฉันจะไม่ทำล่ะ อยากจะให้ฉันปล่อยวารุณีไป ให้ตัวเองนอนรอความตายหรอ?
นัทธีไม่พูดอะไรต่อ
พงศกรที่อยู่ข้างๆเขาเอ่ย “แล้วแกจะเอายังไง?”
นิรุตต์หันไปหาเขา “ในที่สุดแกก็มาซะทีนะ”
“วารุณีคือเพื่อนของฉัน แกใช้ชีวิตเพื่อนฉันมาข่มขู่ฉัน แน่นอนฉันก็ต้องมา คนอย่างพงศกรไม่ใช่คนที่จะทนเห็นเพื่อนตัวเองได้รับอันตรายแล้วจะนิ่งนอนใจได้” พงศกรขยับแว่นตา เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
นิรุตต์หึ แล้วก้มหน้าหันไปทางวารุณีที่ตัวเองจับตัวเอาไว้ “วารุณี มีผู้ชายห่วงใยเธอขนาดนี้ วิ่งวุ่นแพราะเธอ เธอคงจะซาบซึ้งใจมากล่ะสิท่า?”
วารุณีมองด้านหลังเขาด้วยหางตา “มันแหงอยู่แล้วล่ะ แปลว่าใครๆก็รักฉันไม่ใช่หรอ? ใครจะเหมือนแก ตกต่ำซะจนใครๆก็หวังปองร้าย”
“ณี อย่ายั่วโมโหเขา” สีหน้านัทธีเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบตะโกนบอก
เขากลัวว่าวารุณีจะยั่วโมโหนิรุตต์ แล้วจะทำให้นิรุตต์อับอายโกรธแค้น ถึงตอนนั้นเขาลั่นไกยิงเธอคงไม่ดีแน่ๆ
พอเห็นท่าทีวิตกกังวลของนัทธีที่มีต่อวารุณี อยู่ๆนิรุตต์ก็หัวเราะออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “จริงๆเล้ยนัทธีเอ๊ย หลงรักเธอหัวปักหัวปำสินะ แหงล่ะ ถ้าแกไม่ได้รักเธอ แกก็คงไม่เสี่ยงอันตรายมาช่วยเธอขนาดนี้ ดังนั้น ตอนนี้แกคงกลัวว่าฉันจะโมโห จนต้องเอาชีวิตเธอเลยใช่มั้ยล่ะ?”
นัทธีจ้องปืนในมือนิรุตต์ ปากบางเม้มแน่น ไม่ได้ตอบกลับไป
นิรุตต์เอ่ยต่อ “อยากจะช่วยชีวิตเธอก็ได้ แต่แกต้องให้คนของแกวางปืนลงก่อน”
“ไม่ได้!” วารุณีตะโกนตอบกลับไปในทันที
หลังจากนั้นเธอก็โดนนิรุตต์ใช้ปืนตบที่ขมับ
ทันใด วารุณีรู้สึกว่าได้ยินเสียงหึ่งในหัว เกือบจะเป็นลมสงบไปด้วยความเจ็บ
“เธอไม่มีสิทธิ์พูด!” นิรุตต์เตือนวารุณีด้วยสายตาเย็นเฉียบ
เห็นวารุณีถูกตี นัทธีก็เกือบจะทนไม่ไหว สั่งให้คนของเขาลั่นไกยิงนิรุตต์ในทันที
โชคดีที่สุดท้ายเขาบังคับตัวเองให้มีสติกลับคืนมาได้ ไม่ได้กระทำการอะไรลงไปให้ตัวเองต้องเสียใจไปตลอดชีวิต
แต่นิรุตต์กล้าทำร้ายคนของเขา ข้อนี้ เขาจำได้แม่น
“นิรุตต์ แกห้ามแตะต้องเธอเป็นอันขาด” นัทธีตะเบ็ง
นิรุตต์เห็นอารมณ์ฉุนเฉียวของเขาแล้ว เหยียดยิ้มออกมา “ทำไม เจ็บปวดหรอ?แหงล่ะ แกรักเธอขนาดนั้น พอเห็นฉันทำร้ายเธอ แกก็ต้องเจ็บปวดใจแน่นอน เจ็บปวดก็ดีสิ ถ้าเจ็บปวดแล้ว แกก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอไงล่ะ”
“งั้นแกอยากให้ฉันทำอะไร?” นัทธียกมือ โบกไปทางข้างหลัง ส่งสัญญาณให้บอร์ดี้การ์ดที่คุ้มหลังอยู่ วางปืนลง
แม้ว่าการวางปืนลงในตอนนี้จะทำให้ทุกคนเสียเปรียบ
แต่เพื่อไม่ให้นิรุตต์ทำร้ายวารุณี พวกเขาจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้
ทว่าในจังหวะที่นัทธีกำลังโบกมือ นิ้วหัวแม่โป้งได้ทำสัญลักษณ์ด้วยความรวดเร็ว
คนที่ได้สัญญาณนี้ ต่างก็เข้าใจได้ในทันที
โดยเฉพาะพงศกร เขาค่อยๆเดินย่องไปข้างหลังนัทธี จนกระทั่งหลังจากที่ถูกนัทธีบังตัวเขาไว้เกือบครึ่ง เขาก็หยิบไฟฉายสะท้อนแสงเล็กๆโดยทันที ส่องเข้าไปในป่าที่อยู่ไม่ไกล
และแน่นอน เพื่อไม่ให้นิรุตต์จับได้ เขาส่องแค่แวบเดียว แล้วก็รีบปิดลงทันที
แต่เขาเชื่อว่า นักลอบสังหารที่ซุ่มอยู่ คงเห็นสัญญาณตำแหน่งที่เขาได้ส่งไปให้แล้ว และคงเล็งลำกล้องไว้ได้อย่างรวดเร็ว
และสิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้ ก็คือการประวิงเวลาเอาไว้
“อะแฮ่ม” พอทำเสร็จแล้ว พงศกรก็แกล้งทำเป็นไม่พอใจ ไอขึ้นมา
นัทธีได้ยินแล้ว ส่งสายตา วางมือที่โบกไปมาลง
“แกให้ฉันสั่งให้พวกเขาวางปืนลง ฉันก็ทำแล้ว ว่ามา แกต้องให้ฉันทำยังไง แกถึงจะยอมปล่อยเมียฉันไป” นัทธีมองดูวารุณี จากนั้นก็จับสายตาไปที่นิรุตต์
นิรุตต์ส่งสายตาให้ลูกน้องเพียงคนเดียวของเขาที่คุ้มกันอยู่ข้างหลัง
คนนั้นมองเขา แล้วพยักหน้า ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋า
พอเห็นปืนด้ามนั้น คนคุ้มกันที่อยู่ข้างหลังนัทธี เกือบจะยกปืนขึ้นมา
แต่โชคดีที่นัทธีไหวตัวได้เร็ว รีบสั่งให้พวกเขาวางปืนลง
“อ่ะ รับไว้” คนที่ล้วงปืนออกมา หลังจากตะโกนบอกนัทธีจบ ก็โยนปืนไปทางนัทธี
นัทธีรับไว้โดยอัตโนมัติ “หมายความว่ายังไง?”
“หมายความง่ายๆ การต่อสู้ระหว่างพวกเรา แกกับฉันต้องตายกันไปข้าง ฉันรู้ว่าวันนี้ฉันคงไม่รอด แต่ขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่ยอมจากไปคนเดียว ฉันต้องการลากแกนัทธีไปกับฉันด้วย เข้าใจมั้ย? ขอแค่แกยอมฆ่าตัวตาย ฉันก็จะปล่อยวารุณีไป เป็นไง” นิรุตต์มองนัทธีพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย
ได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างพากันหน้าถอดสี
เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดไม่ถึงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของนิรุตต์คือสิ่งนี้
ในชั่วอึดใจ ทุกคนต่างมองไปที่นัทธี อยากรู้คำตอบของเขาว่าเขาจะเลือกเช่นไร
นัทธีไม่พูดอะไร กำปืนพกมองไปที่วารุณี
วารุณีตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยน้ำตา ส่ายหน้ากับเขาไม่หยุด “นัทธี ไม่ได้นะ คุณห้ามรับปากเเด็ดขาด ห้ามโดยเด็ดขาด ได้ยินมั้ย คุณห้ามรับปากเขานะ ถ้าคุณรับปากฉันจะเกลียดคุณ ฉันจะเกลียดคุณจริงๆนะ!”
เธอไม่มีทางยอมให้นัทธีใช้ชีวิตของตัวเองแลกกับเธอ
แบบนั้นถึงแม้ว่าเธอจะรอด เธอก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอยู่ดี
คิดได้ดังนั้น วารุณีตะโกนบอกทางนิรุตต์ที่อยู่ข้างหลังด้วยความวู่วาม “นิรุตต์ แกอย่าหวังว่าจะใช้ฉันข่มขู่เขาได้ แผนของแกจะไม่มีวันสำเร็จ ฉันยอมตายเองซะดีกว่า ที่จะยอมให้เขาแลกกับฉัน”
พูดจบ เธอก็ตะโกนบอกกับนัทธี “นัทธี คุณได้ยินมั้ย ห้ามรับปากเขาโดยเด็ดขาด นี่คือความตั้งใจของฉัน ดังนั้นคุณไม่ต้องสนใจฉัน ยิงเลย ได้ยินมั้ย ยิงเลย!”
“เงียบไปเลย!” นัทธีตะเบ็งบอกเธออย่างโมโห “ผมจะไม่มีทางเหนี่ยวไก ผมมาที่นี่ก็เพื่อช่วยชีวิตคุณออกไป ถ้าหากผมทำไม่ได้ แถมยังจะฆ่าคุณเพียงเพราะถูกนิรุตต์บีบบังคับ คุณคิดว่าผมยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ย?”
ปากแดงของวารุณีอ้าออกเล็กน้อย เงียบ แต่น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
นิรุตต์จ้องมองพวกเขา “ดังนั้นนัทธี แกจะไม่ยอมฆ่าตัวตายใช่มะ?”
พูดถึงตรงนี้ เขาหันไปมองวารุณี “วารุณีเธอเห็นรึยัง?นี่ก็คือคนที่ปากบอกว่ารักเธอ ผลสุดท้าย กลับไม่กล้าตายเพื่อเธอ คนแบบนี้ มันรักเธอจริงๆหรอ?”
“แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” วารุณีหวีดร้องด้วยหัวใจสลาย “เขารักฉันมาก นัทธีเขารักฉันมาก เป็นฉันเองที่ไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้ ความรักระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องให้แกมาซักไซ้”
“สรุปมันเป็นความสงสัยของฉัน หรือว่าฉันพูดแทงใจดำล่ะ?” นิรุตต์หึ แล้วก็หันไปมองนัทธี “นัทธี ฉันจะถามแกอีกครั้ง แกจะยอมเหนี่ยวไกมั้ย ถ้าแกไม่ยอม ก็อย่ามาโทษฉันละกัน ไหนๆฉันก็ไม่รอดอยู่แล้ว เอาวารุณีไปด้วยก็ไม่เลว แกก็รู้ว่าฉันก็รักเธอมากเหมือนกัน ถ้าพวกเราได้ตายไปพร้อมกัน ก็ไม่แนะน้าว่าพวกเราอาจจะได้อยู่ด้วยกันก็ได้”
เขายิ้มเยาะ
“ไร้ยางอายสิ้นดี!” วารุณีตาแดงก่ำ กัดฟันตอบไป “ถึงฉันจะตายไป ฉันก็จะไม่มีวันอยู่กับแก”