พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 103 นายท่านเฉินถูกหลอกแล้ว
ได้ยินคำพูดของจางเซิงเฉียว ลู่เฉินเลิกคิ้ว มองไปทางจางเซิงเฉียว ในใจเขาค่อนข้างสนใจมาก ตาเฒ่าคนนี้จะใช้วิธีอะไรไปบีบบังคับเขา
เฉินกวงซิงและเฉินหยางทั้งสองคนกลับมองลู่เฉิน ในแววตาส่องประกายระริกอยู่สายหนึ่ง
พวกเขาสามารถแน่ใจได้แล้วว่า ในตระกูลสี่ตระกูลใหญ่มีเพียงสกุลเฉินของพวกเขาเท่านั้นที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของลู่เฉินแล้ว
“สำหรับสัญญาที่จะทำกับเทคโนโลยีอี้ฉีน่ะไม่เอาแล้ว นายเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้วกัน” เฉินหยางส่ายหัว ปฏิเสธคำแนะนะของจางเซิงเฉียวตรงๆ
ล้อเล่นหรอก ในตอนนี้สกุลเฉินของพวกเขาได้ทำสัญญาปากเปล่าราคาเกือบหมื่นล้านกับเทคโนโลยีอี้ฉีไปแล้ว แม้ว่าทั้งสามตระกูลจาง จั่ว และหลิวจะบังคับลู่เฉินออกมา ให้ส่วนแบ่งกับพวกเขา มันจะได้เท่าไหร่กันอีก?
เค้กมันก็แค่ชิ้นเดียว สกุลเฉินของพวกเขาได้สัญญาหมื่นล้านไปแล้ว ส่วนที่ยังเหลืออยู่ก็แค่เศษส่วนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
พูดอีกรอบ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของบ้านเฉินกับลู่เฉินเป็นความความสัมพันธ์แบบพันธมิตรกัน ถ้าหากเขารับข้อเสนอของจางเซิงเฉียว นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการตบหน้าลู่เฉินหรอกหรือ
“งั้นนายต้องการอะไร?” จางเซิงเฉียวถาม
“เกาะสีเขียวที่ใหม่นั่นน่ะ” เฉินหยางพูดตอบ
เกาะสีเขียวที่ใหม่เป็นพื้นที่เขตพัฒนาแห่งใหม่ที่บ้านจางเอามันมาได้ เงินลงทุนรวมไปกว่าสามพันล้าน อนาคตจะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ เป็นที่ที่จะทำเงินได้ไม่ขาด
“ได้ งั้นก็ตกลงตามนี้” จางเซิงเฉียวตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรแล้ว เพราะเขามีความมั่นใจต่อฝีมือของคนที่เขาได้พามา
ผู้คนก็เริ่มล้อมรอบเข้ามาแล้ว ใคร่รู้ในการเดิมพันของนายท่านใหญ่ทั้งสองซึ่งผลสุดท้ายแล้วจะออกมาเป็นยังไง
ทว่าในพริบตาต่อมา เฉินหยางกลับเปลี่ยนใจพูดออกมาว่า “ตกลงอะไรล่ะ แล้วฉันก็ยังไม่ได้ตกลงเอาจือหรานมาเป็นเดิมพัน ในเมื่อนายเอาเกาะสีเขียวที่ใหม่แห่งนั้นออกมาวางแล้ว งั้นบ้านเฉินของฉันก็จะเอาของเดิมพันในระดับเดียวกันออกมา นายสนใจที่ตรงไหนของตระกูลเฉินของเราก็ว่ามาเถอะ”
เฉินหยางก็ไม่ได้โง่ จางเซิงเฉียวมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ยอดฝีมือที่ชื่อฮันเทียนที่เขาพามาจะต้องเก่งกาจอย่างมาก ถ้าลูกศิษย์ของเขาพ่ายแพ้แล้ว นั่นก็ไม่ใช่ว่าพ่ายแพ้สูญเสียความสุขของหลานสาวสุดที่รักของเขาหรือ?
“ตาแก่เฉิน ฉันเพิ่งเห็นว่านายทำไมเปลี่ยนไปเป็นจู้จี้จุกจิกแบบนี้แล้วล่ะ? นายมีความมั่นใจหน่อยมั้ยล่ะ?” จางเซิงเฉียวพูดยั่วยุ
เฉินหยางขมวดคิ้วไม่พูดอะไร ยิ่งจางเซิงเฉียวเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งไม่มั่นใจ
“จือหรานเอ้ย คุณปู่ของหนูดูท่าจะเป็นเต่าหดหัวในกระดองแล้วนะ” จางเซิงเฉียวหันไปพูดพลางหัวเราะกับเฉินจือหราน
เขามองดูเฉินจือหรานเติบโต นิยมชมชอบเฉินจือหรานมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคืออยากได้เฉินจือหรานมาเป็นหลานสะใภ้ ดังนั้นครั้งนี้ เขาจะต้องบังคับเฉินหยางให้เอาเฉินจือหรานมาแต่งกับหลายชายเขาให้ได้
“คุณปู่ หนูเชื่อคุณปู่ค่ะ เชื่อในแรงของพี่ๆทุกคน” ถูกจางเซิงเฉียวพูดยั่วยุแล้ว เฉินจือหรานก็พลันไม่สบอารมณ์แล้ว เธอจะไม่ยอมให้คนอื่นดูถูกคุณปู่ของเธอได้
เธอเชื่อว่าวันนี้ถ้าคุณปู่ของเธอไม่ตกลงในเงื่อนไขของจางเซิงเฉียว คุณปู่ของเธอจะต้องอับอายอย่างมากแน่นอน
และด้วยนิสัยของจางเซิงเฉียว เมื่อออกไปด้านนอกแล้วจะต้องร้องป่าวประกาศ ยิ่งทำให้คุณปู่ของเธอก้าวออกจากบ้านไม่ได้แน่ๆ
“ได้ ฉันตกลง” นายท่านเฉินแต่เดิมก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าเป็นเต่าหดหัวในกระดอง เขาเองก็เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่งเหมือนกัน
ยิ่งบวกกับที่หลานสาวพูดอย่างนี้ ก็เลยตอบลงในเงื่อนไขของจางเซิงเฉียวทันที
ประเด็นสำคัญคือ เขาเองก็ไม่เชื่อว่าศิษย์ของตนเองจะไม่เก่งเท่าคนอื่น
“ฮ่าๆๆ นี่ถึงจะเป็นคุณชายเฉินที่กล้าหาญชาญชัยล่ะ” จางเซิงเฉียวพอใจกับแผนชั่วร้ายของตน พูดเสียงหัวเราะ
ผู้คนเห็นว่าการเดิมพันการต่อสู้ของสองนายท่านตระกูลใหญ่ตกลงได้แล้ว ก็ล้วนตื่นตาตื่นใจ ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจกังฟู แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดูของพวกเขา
“นายท่านเฉินถูกหลอกแล้ว” ลู่เฉินพูดข้างๆเฉินกวงซิง
“น้องลู่หมายถึงฮันเทียนคนนั้นเก่งมาก?” เฉินกวงซิงมองสีหน้าเย็นชาของฮันเทียนพลางพูดถาม
“อืม ลูกศิษย์ของนายท่านเฉินเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย” ลู่เฉินพยักหน้า ฮันเทียนคนนั้นลมหายใจนิ่งสม่ำเสมอ ลงมือแข็งแรงหนักแน่น ให้สิบเต็มสิบ เพียงแค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ฝึกจริงจัง คนทั่วไปจะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ยังไง
ใช่แล้ว ในสายตาของเขา ลูกศิษย์เหล่านั้นของเฉินหยางไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา
ถ้าพวกเขาเป็นกังฟูอย่างเก่งกาจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นลมหายใจคงไม่รัวเร็วแบบนี้
ลู่เฉินมั่นใจว่าพวกเขาขึ้นไปพร้อมกันก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของฮันเทียนได้
“เหอะ คุณกล้าฟันธงได้ยังไงว่าศิษย์พี่ๆเหล่านั้นของฉันล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้านั่น?” เฉินจือหรานได้ยินที่ลู่เฉินพูด กล่าวอย่างสงสัยไม่ยอมแพ้
การต่อสู้นี้เกี่ยวพันกับความสุขของเธอนะ จะแพ้ได้ยังไง
ลู่เฉินกลั้วยิ้ม พูดว่า “ผมเดาน่ะ”
เฉินจือหรานกรอกตามองบน รู้สึกไม่อยากจะพูดขัดกับลู่เฉิน กลัวคุณปู่และพ่อของเธอที่ล้วนยกยอลู่เฉินมาก เธอไม่สามารถทำอะไรได้มากมายแล้ว
“แล้วแน่นอนว่าถ้าคุณไม่อยากแต่งงานกับจางดาวเรน ก็สามารถให้ผมช่วยได้นะ” เห็นเฉินจือหรานมีท่าทางฉุนโกรธ ลู่เฉินก็พูดยิ้มๆเสียงเรียบ
“คุณช่วยฉัน? ถ้าศิษย์พี่ๆเหล่านั้นของฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮันเทียนนั่น คุณจะชนะเขาเหรอ? ถ้าเกิดว่าคุณเกิดบาดเจ็บพิการขึ้นมา บ้านเฉินของฉันก็รับผิดชอบภาระนี้ไม่ไหวหรอกนะ” ในใจเฉินจือหรานรู้สึกรังเกียจอยู่หน่อยๆ แต่เธอก็พยายามเต็มที่ที่จะควบคุมน้ำเสียงและคำพูดของตน
ลู่เฉินยิ้มแล้วไม่กล่าวอะไร เฉินกวงซิงกลับมีแววตาวาบวับ ถามว่า “น้องลู่เคยเรียนกังฟูมาก่อน?”
“ตอนเล็กๆเคยเรียนอยู่ไม่กี่ปีครับ” ลู่เฉินพูดไปไม่หมด
“เอาเถอะ ถือว่าผมไม่ได้ถาม” เฉินกวงซิงหัวเราะ ลู่เฉินก็เรียนแค่ไม่กี่ปี ซ้ำยังเรียนตอนเด็กอีก ฉับพลันนั้นเขาก็ไม่ได้โอบอุ้มความมั่นใจอะไรไว้อีก
เหล่าลูกศิษย์ของพ่อเขากลุ่มนี้เองก็ได้ฝึกฝนกับพ่อมาเป็นสิบปีแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮันเทียน งั้นลู่เฉินก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเขาเช่นกัน
ในเวลาอันรวดเร็วในลานส่วนนึงก็เรียบโล่ง และภายใตสัญญาณของจางเซิงเฉียว ฮันเทียนก็ก้าวเข้าไปยืนตรงกลางในพื้นที่โล่งนั้น
เขามองไปทางลูกศิษย์ของเฉินหยางด้วยแววตาจองหองครั้งหนึ่ง ในดวงตาแสดงความดูถูก แล้วก็เสตามองไปที่ท้องฟ้า ไม่เคยเอาพวกเขามาวางไว้ในสายตา
เฉินหยางและคนอื่นๆเห็นดังนั้น ในใจก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ ฮันเทียนคนนี้เย้อหยิ่งอวดตัวเกินไปแล้วจริงๆ วันนี้ไม่ทำให้เขาพ่ายแพ้ บ้านเฉินก็หน้าแตกยับแล้ว
“เจ้าคนนี้นี่ไม่ง่ายเลย แกขึ้นไปแล้วก็ลองหยั่งเชิงเขาก่อน แล้วค่อยทุ่มไปให้สุดแรง” เฉินหยางพูดกับลูกศิษย์คนแรกที่จะขึ้นไป
นี่ไม่ใช่การแข่งขันรอบเดียวตัดสินแพ้ชนะ จางเซิงเฉียวเองก็พูดแล้วว่าลูกศิษย์ของเขาสามารถหมุนวนกันขึ้นไปแข่งกับฮันเทียนได้ เพื่อความสุขของหลานสาวแล้ว เขาจะพ่ายแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
ดังนั้นถึงแม้การหมุนวนแข่งขันจะน่าขายหน้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
รอบแรกเขาส่งลูกศิษย์คนที่สามของเขาขึ้นไป ไม่ใช่ศิษย์คนโตที่แข็งแรงที่สุด ก็เพื่อลองหยั่งเชิงความสามารถของฮันเทียนดู จะได้ค่อยให้ศิษย์คนโตขึ้นไป ออกแรงต่อสู้ หลังจากนั้นจึงจะได้จบการแข็งขันอย่างสมบูรณ์
“อาจารย์วางใจได้ ถึงผมจะไม่ใช่คู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อของเขา ก็ไม่ให้เขาเอาชนะได้ง่ายๆ” ลูกศิษย์คนที่สามของเฉินหยางพูดอย่างมั่นใจ แล้วก็เดินไปทางฮันเทียนที่ยืนเย้อหยิ่งมองท้องฟ้าอยู่
“ผู้น้อย…” ลูกศิษย์คนที่สามของเฉินหยางเดินไปใกล้เบื้องหน้าของฮันเทียน สองมือคำนับ เตรียมตัวแนะนำตนเอง
“อย่าพูดมาก เตรียมตัวเสร็จหรือยัง ผมจะเริ่มออกท่าแล้ว” ฮันเทียนมองลูกศิษย์คนที่สามของเฉินหยางนิ่งๆ พูดเสียงเย็นชา
“เหอะ ไอ้คนอวดดี!” ลูกศิษย์คนที่สามของเฉินหยางโกรธจนหน้าตาดูไม่ได้ หมัดหนึ่งของเขายื่นมาจะกระทบใบหน้าของฮันเทียน
เขาลงมือเร็วมาก มีพลัง แต่ไม่ได้ใช้สุดกำลัง อีกเดียวก็ถูกใบหน้าของฮันเทียนดังผัวะ
แต่ว่าในพริบตานั้นเอง
ปึง!
แต่ฮันเทียนกลับมาเป็นฝ่ายได้ลงมือก่อน หมัดหนึ่งลงตูมที่หน้าอกของลูกศิษย์คนที่สามของเฉินหยาง ต่อมามีเสียงดังอึกเสียงหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่ถูกกระทบจนลอยไปไกลมากกว่าสองเมตร