พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 108 มีคนสร้างความวุ่นวาย
บทที่ 108 มีคนสร้างความวุ่นวาย
วันที่สองในตอนเช้าหลังจากที่ลู่เฉินส่งฉีฉีไปโรงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินก็เลยไปที่ เซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ต
เซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ลู่เฉินซื้อกิจการมาจากบ้านหูแล้วมาเปลี่ยนชื่อทีหลัง นอกจากแผ่นป้ายโฆษณาใหญ่ตรงทางเข้าและชื่อที่ถูกเปลี่ยนแล้ว ภายในซูเปอร์มาร์เก็ตล้วนไม่ได้ตกแต่งเปลี่ยนแปลงใหม่ ยังคงดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆ
ไม่กี่วันนี้ลู่เฉินก็โยนกิจการแห่งนี้ให้อู๋เล่ยดูแลต่อ จะได้ดูไปในตัวเลยว่าอู๋เล่ยมีพรสวรรค์ด้านนี้หรือไม่
ถึงแม้อู๋เล่ยจะเคยเป็นพวกลูกคนรวยมาก่อน แต่หลังจากผ่านโศกนาฏกรรมสังหารหมู่ครอบครัว แน่นอนว่าจิตใจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ลู่เฉินคิดว่าเขาก็มีจิตใจที่แน่วแน่กว่าเมื่อก่อนแล้ว
ลู่เฉินเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ล้วนไม่มีพนักงานคนไหนสังเกตุเห็นเขา เขาลองเดินรอบๆ ก็พบว่าอู๋เล่ยเองก็กำลังสอดส่องดูแลอย่างละเอียดรอบคอบ มีบางครั้งที่เห็นว่าตรงไหนยุ่ง เขาก็พุ่งเข้าไปช่วยเหลือ นับว่าเข้าถึงพนักงาน
“พี่เฉิน มาแล้วเหรอ” อู๋เล่ยมองเห็นลู่เฉินก็เดินมาทักทายตรงหน้า
“หัวหน้าลู่” พนักงานไม่กี่คนด้านข้างเองก็สังเกตุเห็นลู่เฉินแล้ว ต่างค่อยๆมาเดินทักทายตรงหน้า
ลู่เฉินพยักหน้ากับพวกเขา แล้วก็มองไปทางอู๋เล่ยพลางถาม “ช่วงนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เริ่มคุ้นเคยกับงานนี้แล้วใช่มั้ย”
“ก็คุ้นเคยครับ ผมได้พูดคุยกับพนักงานเหล่านี้เป็นการส่วนตัวแล้ว ก็ยังคืบหน้าต่อไปได้ ผมกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ทำให้พี่ทำเงินไม่ได้” อู๋เล่ยพูดพลางหัวเราะ
“นายดูแลพนักงานดีๆก็ใช้ได้แล้ว นายเองก็หาคนช่วยได้นะ ทางที่ดีก็หาคนที่ทำฝ่ายการตลาด ให้เขาได้ช่วยนายคิดโปรโมชั่นออกมาเยอะหน่อย ต่อมาก็จะค่อยๆเป็นที่รู้จักเอง” ลู่เฉินพูดพลางพยักหน้า
เขาให้อู๋เล่ยมาจัดการดูแลซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ประเด็นหลักก็ยังคงเป็นช่วยเหลืออู๋เล่ยอยู่ ในส่วนที่ว่าอู๋เล่ยมีความสามารถด้านนี้หรือไม่ เขาเองก็ไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้
เหมือนที่เขาเพิ่งจะออกความเห็นมานั่นล่ะ คิดมาเพื่ออู๋เล่ย และก็จะได้เพื่อให้เขาลดความกดดันลง
“อย่างนั้นก็จะมีการจ่ายเงินเดือนเพิ่มอีกตำแหน่งนะครับ” อู๋เล่ยพูดอย่างรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง
“ไม่เป็นไร หลังจากที่มีคนเข้ามาเยอะๆแล้ว ส่วนที่จ่ายไปเกินก็ได้แทนเข้ามาแล้วล่ะ” ลู่เฉินส่ายหัวกล่าว
“อย่างนี้แล้วกันครับ ผมว่าให้ผมเป็นคนคิดวิธีเองก่อน ถ้าสุดท้ายแล้วล้มเหลว ก็ค่อยหาฝ่ายวางแผนที่มีความสามารถมาแล้วกันนะครับ” อู๋เล่ยคิดแล้วก็พูดออกมา
เขาเข้าใจความหมายของลู่เฉิน ในใจเองก็ตื้นตันที่ลู่เฉินยังจดจำมิตรภาพระหว่างพวกเขาในหลายปีนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรบกวนให้ลู่เฉินช่วยเหลือในเรื่องต่างๆจริงๆ
ลู่เฉินเห็นสีหน้าจริงจังของอู๋เล่ย คิดแล้วก็พูดว่า “ได้ งั้นนายก็ไปลงมือทำก่อน สำเร็จดีที่สุด แต่ถ้าล้มเหลวก็ไม่ต้องกดดันอะไรไป พูดตรงๆกับนายนะ ฉันไม่คิดหาเงินจากซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้อยู่แล้ว แต่ถ้านายทำให้มันใหญ่ขึ้นมาได้จริงๆ ฉันรับรองได้ว่าจะทำให้นายกลายเป็นพ่อค้าขายปลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยวี่โจวหรือแม้แต่กระทั่งในประเทศได้”
“พี่หมายถึงถ้าเซิ่งซื่อซูเปอร์มาร์เก็ตเติบโตมาได้ก็จะเปิดเป็นธุรกิจแฟรนไชส์?” อู๋เล่ยตาเป็นประกาย หลังจากที่บ้านอู๋ของเขาถูกฆ่าล้างไป เขาก็กลายเป็นขอทานตัวจริง ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น เขาเองก็คิดหวังว่าจะมีวันนี้ เหมือนกับพ่อของเขาในปีนั้น เป็นคนมีหน้ามีตาในยวี่โจว
ถ้ามีสักวันที่เขาจะได้เป็นพ่อค้าขายปลีกที่ยิ่งใหญ่จริงๆ การที่เขาจะลงมือแก้แค้นด้วยตัวเองก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ใช่ แต่เงื่อนไขคือ เซิ่งซื่อจะต้องเซิ่งซื่อ (เซิ่งซื่อแปลว่ารุ่งเรือง)จริงๆ” ลู่เฉินผงกหัวอย่างจริงจัง เพียงอู๋เล่ยมีความสามารถนี้ เขาก็จะมีกำลังเงินและความสัมพันธ์
และก็ในเวลานี้เอง ตรงทางเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นมา ลู่เฉินขมวดคิ้วแล้วเดินออกไป
มาถึงตรงทางเข้านี้ ก็พบคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังล้อมอยู่ กำลังถกเถียงบางอย่างกับพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต
ลู่เฉินมอง ไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังไม่ได้แสดงอะไรออกไป เขาอยากจะดูว่าอู๋เล่ยจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง
“เกิดอะไรขึ้น?” อู๋เล่ยตรงเข้าไปถามพนักงาน
“ผู้จัดการอู๋ คุณมาพอดีเลย คนพวกนี้ตั้งใจสร้างความวุ่นวาย” แคชเชียร์หญิงคนหนึ่งพูด
“อะไรคือบอกว่าพวกเราสร้างความวุ่นวาย? เห็นชัดๆว่าของที่พวกคุณขายเป็นสินค้าเกรดบี พวกเรายังขออธิบายไม่ได้อีก” คุณป้าคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ
“ใช่ๆ เมื่อวานตอนบ่ายฉันเพิ่งซื้อเตาไฟฟ้า เมื่อวานตอนค่ำเพิ่งจะทำอาหารได้แค่อย่างเดียวก็พังแล้ว ฉันก็ไม่ได้ขอให้เตาไฟฟ้าของพวกคุณจะใช้งานได้สองสามปีหรอกนะ แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้ได้สักปีครึ่งมั้ยล่ะ นี่เพิ่งจะใช้ก็พังแล้ว ถ้าไม่ใช่ปัญหาที่เตาไฟฟ้าของพวกคุณงั้นปัญหามันคืออะไร?” คุณป้าอีกคนเองก็พูดตะพึดตะพือขึ้นมา
“เมื่อวานฉันก็ซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเหมือนกัน ข้าวยังไม่ทันสุกดี มันก็กระตุกดับไปเอง วันนี้จะต้องคืนสินค้าให้ได้” และก็เป็นคุณป้าอีกคนที่เอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้าวางบนโต๊ะคิดเงินเสียงดังปัง
ในตอนนี้คนที่มาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ต่างล้อมรอบเข้ามา มองดูคุณป้าทั้งสามคน คนหนึ่งเตาไฟฟ้า คนหนึ่งหม้อหุงข้าวไฟฟ้า อีกคนคือกาต้มน้ำ ล้วนเป็นของที่เมื่อวานซื้อมาและเสียพร้อมกัน คิดๆดูแล้วถึงแม้มันจะแปลก แต่คนที่มุงดูอยู่ส่วนมากก็ยังสงสัยว่าคุณภาพสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตมีปัญหา
“บัดซบ ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้มันอะไรเนี่ย สินค้าห่วยแตกแบบนี้ก็ยังเอาออกมาขาย นี่จะหลอกพวกเราผู้บริโภคเหรอ”
“ใช่ๆ ฉันจำได้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตนี้เมื่อก่อนบ้านหูเป็นคนเปิด ก็เพราะสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ล้วนเป็นสินค้าเกรดบี ทำให้ผู้บริโภคไม่พอใจ ก็เลยไปลงในอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นบ้านหูทำกิจการต่อไม่ไหวก็เลยเปลี่ยนมือ ไม่คิดว่าเจ้าของคนใหม่เองก็เป็นพวกเอาเปรียบขี้งกเหมือนกัน”
“ใช่เลย ฉันว่าทุกคนต่อไปอย่ามาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ต่อเลย เดินมากหน่อย ไปซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอื่นที่ดีกว่า อย่างน้อยซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นก็ไม่มีปัญหาเรื่องคุณภาพ”
ลู่เฉินมองคนหนุ่มในกลุ่มคนไม่กี่คนที่จงใจทำเรื่องให้ใหญ่โตขึ้น แล้วยังพูดบ้านหูบ่อยๆอีก สายตาเหล่ล่อกแล่ก
เขาได้กลิ่นตุๆของแผนการเลวนี้แล้ว
เขากล้าฟันธง คนกลุ่มนี้อย่างน้อยมีครึ่งหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้บริโภคจริงๆ
เพียงแค่ ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเขา
บ้านหู?
ลู่เฉินส่ายหัว พ่อลูกหูหงคงไม่กล้ามาหาเรื่องเขาอีกครั้ง
คนเบื้องหลังนี้ จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเขาเอาซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ในมือบ้านหูมาได้ยังไง เขาจะต้องอยากใส่ร้ายบ้านหู
“ขอโทษนะคะ ซูเปอร์มาร์เก็ตของพวกเราไม่รับคืนสินค้า แต่สามารถนำของใหม่มาเปลี่ยนให้พวกคุณได้ค่ะ” พนักงานพูดกับคุณป้าทั้งสาม
“ใครจะกล้าใช้สินค้าของร้านพวกคุณอีกล่ะ ฉันเปลี่ยนเป็นอันใหม่แล้วคุณกล้ารับรองว่าจะไม่เกิดปัญหาอีกไหม?” คุณป้าคนหนึ่งกล่าว
พนักงานเป็นใบ้ไม่มีคำพูด
พูดจริงๆแล้ว เธอเองในตอนนี้ก็ไม่กล้าฟังธงว่าเตาไฟฟ้าหม้อ หุงข้าวไฟฟ้านี้มีปัญหาที่คุณภาพจริงๆหรือไม่ แล้วถ้าเกิดเตาไฟฟ้า หม้อหุงข้าวไฟฟ้าชุดนี้ล้วนมีปัญหาล่ะ
“ทุกๆท่านครับ รบกวนเงียบสักครู่ก่อนนะครับ ผมเป็นผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากสินค้าทั้งสามชิ้นนี้ของพวกเราทำให้พวกคุณเกิดความไม่สะดวกและยุ่งยาก ผมขอโทษจากใจจริง พวกคุณต้องการคืนสินค้า ผมเองก็ยินยอมให้พวกคุณคืนสินค้า ในขณะเดียวกันผมก็ขอมอบบัตรกำนัลหนึ่งร้อยหยวนหนึ่งใบให้แก่พวกคุณ ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้ที่พวกคุณซื้อของที่นี่ บัตรกำนัลนี้แทนเงินสดหนึ่งร้อยหยวน”
เห็นคนที่ล้อมรอบยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ อู๋เล่ยรีบเดินขึ้นไปพูด
เห็นว่าอู๋เล่ยยินยอมให้คืนสินค้า ทั้งยังมอบบัตรกำนัลหนึ่งร้อยหยวน คุณป้าทั้งสามก็พยักหน้าอย่างพอใจในที่สุด