พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 111 เอาอาหารให้โจร
ตำรวจข้างๆก็หันไปมองลู่เฉิน เพื่อจะดูว่าคนนี้ไม่กลัวตายจริงๆ หรือแค่พูดเล่นเฉยๆ
ลู่เฉินสังเกตไปดูพวกตำรวจ หัวเราะพร้อมพูดว่า”เสี่ยวซัวจุน ไม่ใช่ว่าฉันจะทำให้คุณต้องเสียหน้าต้องพูดตามจริง ลูกน้องของคุณกลุ่มนี้ เข้าแถวมาต่อสู้กับฉันทีละคนล้วนไม่สามารถชนะฉันได้หรอก
ไม่ใช่ว่าเขาอวบอวด ถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่สองฝ่ายล้วนไม่ใช้ปืน เขาจะมั่นใจในฝีมือการต่อสู้ของตนเอง
เพราะยังไงก็ได้เรียนวิชากับหยุนลาวมาสิบกว่าปี แม้กระทั่งคนเก่งอย่างหยุนลาวก็ต้องชื่นชมพรสวรรค์ของเขา การฝึกฝึนอย่างขยันมาหลายสิบปีนั้น ไม่ได้เล่นๆนะ
ลู่เฉินมั่นใจว่าจะสามารถต่อสู้กับกองกำลังพิเศษเจ็ดแปดคนด้วยคนเดียวได้
เสี่ยวซัวจุนยิ้มอย่างขมขื่น เขาก็ไม่รู้ว่าลู่เฉินโม้หรือเปล่า จึงรู้สึกลำบากใจ
แต่คำพูดของลู่เฉินทำให้ตำรวจข้างๆโกรธขึ้นมาทันที
“พี่น้องชื่ออะไร รอให้เรื่องวันนี้จบสิ้นลง พวกเราลองกันไหม?”ตำรวจผู้ชายคนหนึ่งที่มั่นใจในความสามารถของตนเองมองไปที่ลู่เฉิน และพูดอย่างดูถูก
“ไม่ต้องลองกันหรอก ปีนั้นฉันเรียนวิชาการต่อสู้ แค่เพราะว่ามันน่าสนใจอ ไม่ใช่เรียนเพื่อจะมาต่อสู้กับคนอื่น”ลู่เฉินยิ้มและปฏิเสธคำชักชวนของตำรวจ
ปีนั้นที่เขาเลือกที่จะเรียนวิชาต่อสู้กับหยุนลาว สิ่งสำคัญที่สุดก็เพราะเกิดจากความสนใจ จากนั้นถึงจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากคุณพ่อ
แม้ว่าเขาไม่เคยได้เห็นคุณพ่อลงมือ แต่จากที่หยุนลาวพูด ความสามารถของคุณพ่อไม่ต่ำกว่าหยุนลาวด้วยซ้ำ
นี่ก็คือเหตุผลที่ตอนเด็กๆเขายอมเรียนทุกๆอย่างกับหยุนลาว
“เชอะ”ตำรวจผู้หญิงคนนั้นมองมาที่ลู่เฉินอย่างดูถูก จากนั้นก็ย้ายสายตาไปที่ประตูธนาคาร เห็นได้ชัดว่าในสายตาของเธอลู่เฉินเป็นคนชอบโม้
ตำรวจผู้ชายยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรต่อ น่าจะเป็นเพราะว่าลู่เฉินกับเสี่ยวซัวจุนรู้จักกัน เขาก็แค่ส่ายหน้าอย่างรังเกียจ จากนั้นก็หันหัวกลับไป
“ผู้อำนวยการเสี่ยว ถ้าคุณอยากให้ตัวประกันทุกคนได้ออกมาอย่างปลอดภัย คุณก็อย่าลังเลอีก แถมคุณก็รู้ว่าฉันเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองมั่นใจ ฉันจะเอาชีวิตของตัวเองมาพูดเล่นหรือ?”ลู่เฉินพูดโน้มน้าวใจ
เสี่ยวซัวจุนลังเลเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดของลู่เฉินก็มีเหตุมีผลอยู่ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าหากลู่เฉินไม่มั่นใจในตัว เขาจะไม่เอาชีวิตของตนเองมาพูดเล่นหรอก
ต้องพูดว่าขอให้เป็นคน ล้วนจะไม่เอาชีวิตชองตัวเองมาล้อเล่นหรอก
“คุณมั่นใจว่าสามารถให้ตัวประกันทั้งหมดเอามาอย่างปลอดภัยหรือ?”เสี่ยวซัวจุนถาม
“ไม่ใช่ว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยโอกาสที่ฉันทำได้มากกว่าคนของคุณหน่อยนึง”ลู่เฉินยิ้มและพูด
คำพูดของเขาขัดใจตำรวจคนอื่นทันที เวลาที่ตำรวจแต่ละคนมองมาทางเขา สายตาล้วนเต็มไปด้วยความดูถูก เยาะเย้ย
ถ้าไม่ใช่คิดอยู่ในใจว่าไอ้นี่รู้จักผู้อำนวยการเสี่ยว พวกเขาคงระบายความโกรธออกมาตั้งนานแล้ว
แต่ตำรวจผู้หญิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะเสียดสีออกมา”คนที่แม้กระทั่งการท้าทายของเจียงเฉิงยังไม่กล้ารับเลย มีสิทธิ์อะไรมาพูดโม้ที่นี่?”
“ช่างเถอะ ยุ่งกับเขาทำไมล่ะ ตอนนี้สิ่งสพคัญสุดคือคิดวิธีช่วยตัวประกันออกมาก่อน”ตำรวจที่จะท้าทายลู่เฉินก่อนหน้านี้ส่ายหน้าและพูด
“ใช่ อย่าไปรบกวนสมาธิของผู้อำนวยการเสี่ยวและผู้บัญชาการหลิว ถ้าปล่อยให้เวลามันผ่านไปแบบนี้พวกโจรก็จะเริ่มฆ่าตัวประกันแล้ว”ตำรวจผู้หญิงพยักหน้า เพื่อเตือนเสี่ยวซัวจุนให้รีบคิดวิธี เวลาไม่มากแล้ว
เสี่ยวซัวจุนมองไปดูเวลา ยังมีอีกเจ็ดนาที ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำตามความต้องการของโจร โจรก็จะเริ่มฆ่าตัวประกันแล้ว
ในฐานะที่เป็นคนที่เผชิญกับพวกโจรมาหลายปี เสี่ยวซัวจุนไม่ได้สงสัยคำพูดของโจรแม้แต่นิด พวกเขาบอกว่าผ่านไปทุกสิบห้านาทีก็จะฆ่าคนคนหนึ่งก็จะต้องทำได้แน่นอน
“โอเค คุณลู่ นั้นฉันก็จะเขื่อใจคุณสักครั้งหนึ่ง เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของตัวประกันหลายสิบคน หวังว่าคุณจะระมัดระวังให้ดีนะ”เสี่ยวซัวจุนพูดพร้อมพยักหน้า
“ผู้อำนวยการเสี่ยว คุณแน่ใจว่าจะให้เขาไปตายหรือ?”ผู้บัญชาการหลิวและตำรวจที่อยู่ข้างๆหลายคนล้วนมองไปทางเสี่ยวซัวจุนอย่างประหลาดใจ ไม่ค่อยจะเชื่อว่าเสี่ยวซัวจุนจะตัดสินใจบ้าๆแบบนี้
คิ้วของเสี่ยวซัวจุนหงายขึ้นมา และพูดกับตำรวจผู้หญิงอย่างกะทันหัน”เฉินจิง คุณเข้าไปกับเขา”
ในใจของเขายังไม่ค่อยเชื่อลู่เฉิน เฉินจิงเป็นตำรวจที่เก่งคนหนึ่งในสถานี เขาเชื่อใจเฉินจิง
ถึงยามจำเป็น เฉินจิงยังสามารถปกป้องลู่เฉินได้
ตำรวจผู้หญิงเฉินจิงก็เข้าใจความหมายของเสี่ยวซัวจุน คงจะให้เธอลงมือปกป้องลู่เฉินในยามจำเป็น เธอจึงมองไปที่ลู่เฉินอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็พยักหน้าเดินมา
“ผู้อำนวยการเสี่ยว ฉันก็ไปด้วยละกัน”เจียงเฉิงก็ขึ้นมาพูด
“ไม่ได้ สองคนมาก็พอแล้ว ถ้าคนไปมากกว่านี้ ฝั่งโจรต้องสงสัยทันที”ผู้บัญชาการหลิวยังไม่ทันได้คิดก็ปฏิเสธทันที
“ฉันรู้สึกว่าคนสองฝั่งโจรก็จะสงสัยด้วย ฉันไปคนเดียวดีกว่า”ลู่เฉินพูดต่อ
“คุณไปคนเดียว?คุณนึกว่าคุณจะสามารถทำได้หรือ?ถ้าทำไม่ได้ไปปกป้องคุณ ฉันกลัวว่าคนยังไม่ทันได้เข้าประตูธนาคาร ก็จะทุกคนเขายิงตายทันที”เฉินจิงหัวเราะเยาะออกมา
ถ้าพูดตามตรง หากไม่ใช่ดูจากหน้าของเสี่ยวซัวจุน เธอยังไม่ยอมตามลู่เฉินเข้าไปเลย
“คุณลู่ พวกคุณสองคนเข้าไปดีกว่า สามารถดูแลกันได้ด้วย”เสี่ยวซัวจุนพูด
ลู่เฉินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถือถุงอาหารที่พวกเขาเตรียมเสร็จในก่อนหน้านี้และก็เดินไปทางประตูธนาคาร
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินเดินไปทางประตูธนาคารก่อน ตำรวจข้างหลังล้วนรู้สึกตกใจ
กล้าไปจริงหรือ?
ไอ้นี่ยังมีความกล้าหาญในตัวนะ
แต่เขานึกว่าแค่มีความกล้าหาญก็พอหรือ?
ทุกคนล้วนส่ายหน้ากัน ไม่พอใจอย่างยิ่งกับการจัดการแบบนี้ของเสี่ยวซัวจุน
ถ้าโจรโกรธขึ้นมา นั้นงานการช่วยตัวประกันของพวกเขาในวันนี้ก็จะไม่สำเร็จ
เฉินจิงก็วางปืนในมือลง และเดินตามไป
เมื่อเห็นว่ารอยเท้าการเดินของลู่เฉินมั่นคงมาก ไม่เหมือนเป็นการไปเจรจากับโจร กลับเหมือนเป็นการไปส่งอาหารจริงๆ ในใจของเฉินจิงค่อนข้างจะประหลาดใจ
ตามหลักจริงแล้ว ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ แม้ว่าเป็นตำรวจอย่างพวกเธอก็ควรจะระมัดระวังอย่างยิ่ง ยังไงในใจก็จะขาดความมั่นใจหน่อย
เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกโจรจะยิงปืนทันทีหรือเปล่า
แต่ดูจากสกายภาพที่สงบและสบายๆของลู่เฉิน ทำให้เธอรู้สึกนับถือในความกล้าหาญของลู่เฉิน
นี่น่าจะเป็นผู้ชายใจกว้างตามตำนานที่ว่านะ
เฉินจิงคิดแบบนี้อยู่ในใจ จากนั้นทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าประตูธนาคาร
“พี่ครับ เรามาเอาอาหารมาให้พวกคุณแล้วครับ พวกคุณจะออกมาเอาเอง หรือจะให้พวกเราส่งเข้าไป?”
ลู่เฉินหยุดลงในหน้าประตูธนาคาร และตะโกนพูดออกมา
ผ่านไปอีกหลายวินาที ข้างในมีเสียงตวาดส่งออกมา”เอาเข้ามา”
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็ไม่ได้โง่ เวลาแบบนี้จะเปิดเผยตัวเองให้พวกตำรวจที่อยู่ข้างนอกเห็นได้ยังไงล่ะ
ประตูหมุนของธนาคารเปิด ลู่เฉินเดินขึ้นมาก่อน ผลักประตูกระจกและเดินเข้าไป เฉินจิงตามอยู่ข้างหลัง
ตามคำสั่งของโจร ลู่เฉินยืนอยู่ที่เดิมยกมือขึ้นและหมุนตัวรอบหนึ่ง เฉินจิงก็เช่นกัน
ขณะที่โจนแน่ใจว่าทั้งสองคนล้วนไม่ได้พกพาอาวุธเข้ามา ลู่เฉินถึงจะสังเกตสถานการณ์ในธนาคารขึ้นมา
กลุ่มชายหญิงล้วนถูกรวมตัวกันในมุมหนึ่งของห้องโถง มีโจรสองคนเฝ้าอยู่ ในมือของพวกเขาคนหนึ่งถือปืนพก ส่วนอีกคนหนึ่งถือปืนไรเฟิลอยู่ ลู่เฉินไม่แน่ใจว่าเป็นAKหรือเปล่า
ส่วนอีกสองคน กลับมีความหวาดกลัวหน่อยนึงและมองสำรวจมาที่ลู่เฉินสองคน
แม้ว่าในมือของพวกเขาก็มีปืน แถมปากปืนก็ได้เล็งไปที่ลู่เฉินและเฉินจิง
แต่ลู่เฉินยังสามารถเห็นความหวาดกลัวเล็กน้อยจากสายตาของพวกเขาได้