พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 231 วังเสวี่ยลอยแล้ว
บทที่ 231 วังเสวี่ยลอยแล้ว
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของคนขับรถ
แม้แต่ถังต้าหลงที่เคยเรียนอยู่แถบยุโรปและเคยเห็นโลกอันกว้างใหญ่ในต่างแดนมานับไม่ถ้วน ก็ยังตกใจกับคำพูดของคนขับรถด้วยเช่นกัน
ดูถ้า แบบนี้ที่บอกว่าคฤหาสน์หรูของลู่เฉินใช้เงินเกือบ 50 ล้านหยวนเพื่อปรับปรุงและตกแต่งก็ต้องไม่ใช่เรื่องโกหกแล้วล่ะ
ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งคงไม่มากมายนัก สำคัญๆก็อยู่ที่สถานที่อำนวยความสะดวกและของประดับตกแต่งโบราณล้ำค้า จำพวกที่ต้องผ่านการประมูลเพื่อให้ได้ของเหล่านั้นมา 50 ล้านอาจไม่พอเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขามาถึงประตูคฤหาสน์ คนขับรถก็หยุดรถเพราะหลินดาไห่และหวังเสี่ยว กำลังรอต้อนรับพวกเขาอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน ดังนั้นคนขับจึงไม่ได้ขับรถเข้าไป
คนขับรถคนนี้ก็เป็นคนที่อยู่เป็นซะด้วย ในสถานการณ์แบบนี้เขารู้ดีว่าเจ้าของบ้านจะต้องพาแขกไปเยี่ยมคฤหาสน์บริเวณรอบๆก่อน เพื่อให้แขกได้เห็นและตกตะลึง
เมื่อทุกคนลงจากรถและมองไปที่กระเบื้องปูพื้นที่ส่องแสงแวววาว พวกเขาจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเพราะกลัวว่ากระเบื้องปูพื้นจะแตกและจะไม่สามารถชดเชยได้
เมื่อเห็นทุกคนดูทางทางระมัดระวัง คนขับรถก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า: “กระเบื้องปูพื้นพวกนี้นำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งหมดทำด้วยการสังเคราะห์ของเทคโนโลยีเครื่องจักร แข็งแรงมากแม้แต่ล้อรถก็ไม่สามารถสร้างร่องรอยอะไรให้มันได้หรอกครับ”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็มีปฏิกิริยาที่ดีขึ้น แต่ในในก็ตกใจไม่น้อยเลย
“เถ้าแก่ถัง เชิญๆทางนี้ นี่คือคฤหาสน์ที่ลูกเขยของฉันซื้อไว้ เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปเยี่ยมชมกันก่อน” วังเสวี่ยเดินออกมาจากทางประตูและกล่าวตอนรับด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงซะ หลังจากนี้ไปครอบครัวของเราก็จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ลูกเขยของฉันอยากจะซื้อวิลล่าให้เราอีกหลัง แต่คฤหาสน์หลังนี้ก็ใหญ่โตเหมือนปราสาท จะให้อยู่กี่สิบคนก็คงไม่มีปัญหา ดังนั้นพวกเราก็เลยยอมให้เขาซื้อมัน” วังเสวี่ยพูดเสริมด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
“หวังเสวี่ย ลูกเขยของคุณนี้เหลือเชื่อจริงๆ ฉันอิจฉาคุณจริงๆที่ได้ลูกเขยที่ดีอย่างนี้”
“ใช่แล้ว ถ้าฉันมีลูกเขยดีๆแบบคุณนะ ฉันคงมีความสุขมากเลยเชียว”
ตอนนี้ทุกคนต่างชื่นชมวังเสวี่ย และลืมไปเลยว่าพวกเขาเคยล้อเลียนลู่เฉินเรื่องที่เป็น รปภ.เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้
เมื่อเห็นแววตาที่มีแต่ความอิจฉาของทุกคน เธอรู้สึกมีความสุขมากจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังล่องลอยอยู่เหนือเมฆ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเราชอบคุยโวโอ้อวด
เพราะเมื่อได้โอ้อวดแล้ว มันทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉาอย่างช่วยไม่ได้ มันช่างเป็นความรู้สึกดีเสียจริง
“หึ มีเงินแล้วยังไงล่ะ ต้องมาเสแสร้งอะไรกันอีก ทุกคนก็คนกันเองทั้งนั้น อะไรจะสำคัญไปกว่าอีกล่ะ? นอกจากนี้ยังมีพวกนี้ที่เคยพูดประจบประแจงฉันอย่างไร้ยางอายเพื่อเอาใจฉัน และยังขอให้ลูกชายฉันช่วยหางานให้ลูกชายเขา แต่ตอนนี้พวกเขาเหมือนหมาปั๊กช่างน่าขยะแขยงซ่ะจริงๆ” ถังชิงซานมองไปที่วังเสวี่ยที่กำลังดูมีความสุขอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงในน้ำลึก ในใจก็รู้สึกโกรธอยู่บ้าง
ไม่หยุดที่จะพึมพำในใจ
เขาเป็นก็คนแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน เขาจะยอมรับได้ที่ชีวิตของคุณดีไม่เท่าเขา แต่ถ้าวันหนึ่งจู่ๆคุณมีชีวิตที่ดีกว่าเขา เขาจึงรับมันไม่ได้
แต่ตอนนี้เขาแค่ไม่มีแรงที่จะต่อต้านเท่านั้น เขาจึงต้องยอมรับความจริงที่ไม่อาจยอมรับได้เช่นนี้
ทุกคนเดินตามวังเสวี่ยและหลินดาไห่เข้าไปเพื่อเยี่ยมชมคฤหาสน์ เมื่อพวกเขาได้เห็นด้วยตาตัวเองก็รู้ว่าสิ่งที่คนขับรถพูดก่อนหน้านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การคุยโม้เท่านั้น การได้เห็นคฤหาสน์ของ ลู่เฉินด้วยตัวเอง คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหราสูงส่ง ที่ไม่ใช่ใช้เพียงคำพูดไม่กี่คำอธิบายมันออกมาได้
ในขณะที่ทางนี้กำลังเยี่ยมคฤหาสน์อยู่นั้น ครอบครัวของวังเสวี่ยก็มาถึงบ้านของเธอแล้วเช่นกัน หลังจากได้รับโทรศัพท์จากวังไก วังเสวี่ยก็ขอให้ลู่เฉินไปรับพวกเขามา
แต่ลู่เฉินกำลังพาตู้เฟย เสี้ยจุน วังเหว่ยและเสี่ยวซูถิงเยี่ยมชมคฤหาสน์ของเขาอยู่ และหลินอี้จุนจึงจะลงไปต้อนรับพวกเขาเอง
เนื่องจากการจ้างบอดี้การ์ดเข้ามา หลินอี้จุนได้เปลี่ยนไปใช้รถสำหรับนักธุรกิจ Cadillac มูลค่ามากกว่า 1.5 ล้าน มันดูดีมาเลยล่ะ
ส่วนครอบครัวเจียก็มี วังไก เสี่ยวฟาง หวังว่าน เสี่ยวจี้ และวังจิน รถคันนั้นคัดเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขา
“พวกเขาซื้อบ้านไว้ที่ไหนพวกเขาก็ไม่ได้บอกไว้ก่อน ต้องให้พวกเรารอมารอที่นี่นานขนาดนี้” ครอบครัววังรออยู่ที่ประตูหมู่บ้านของวังเสวี่ยวเป็นเวลานาน และเสี่ยวฟางก็รู้สึกไม่พอใจซักเท่าไหร
ครั้งล่าสุดที่วังเสวี่ยและคนอื่น ๆ ไปที่เมืองฉีเจียง เธอก็ได้คุยโวโอ้อวดต่อหน้าวังเสวี่ยและคนอื่น ๆไว้ ไม่คาดคิดว่าผ่านไม่นานวังเสวี่ยจะเชิญพวกเธอมาฉลองย้ายเข้าบ้านใหม่แล้ว ทำให้พวกเธอไม่ค่อยพอใจมากนัก
จริงๆแล้วเธอไม่ได้อยากมาเลย แต่พอได้ยินหวังว่านบอกว่าบ้านที่วังเสวี่ยซื้อคงไม่น่าจะใหญ่โตเท่าไหร่ เสี่ยวฟางจึงยอมมา
ตอนที่วังเสวี่ยเชิญทุกคนมานั้นเธอไม่ได้บอกไปว่าเป็นบ้านของลู่เฉิน คนในครอบครัววังจึงคิดว่าวังเสวี่ยจะซื้อบ้านธรรมดาไม่ใหญ่โตอะไร
หวังว่านและเสี่ยวจี้ก็ทำตามมาด้วน เพราะว่าต้องการให้ พ่อของเธอยืมเงินจากลู่เฉิน
“ทุกคนว่า บ้านใหม่ป้าสองจะใช่ลู่เฉินซื้อให้เขาไหม?” หวังว่านพูดขึ้น
“ไม่หน้าจะใช่นะ ขนาดบ้านของเข้าเองเขายังไม่เปลี่ยนเลย แล้วเขาจะไปซื้อบ้านให้ป้าสองได้ยังไงกัน?” เสี่ยวฟางสายหัว พร้อมพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
ลู่เฉินมีเงินก็จริง แต่เขาไม่คิดว่าลู่เฉินจะเหมือนเสี่ยวจี้ที่ซื้อบ้านให้กับพวกเธอได้
ไม่นานนักหลินอี้จุนก็มาถึงหมู่บ้าน และเมื่อเห็นคนของครอบครัววัง หลินอี้จุนจึงให้คนขับรถขับเข้าไปหาพวกเขา
“น้าใหญ่ น้าสาม พวกคุณก็มาด้วยหรือนี้” หลินอี้จุนเปิดประตูรถ และกล่าวทักทายเพียงวังไกและวังจิน
ครั้งที่แล้วที่ถูกเสี่ยวฟางกับหวังว่านทำให้เธอเสียความรู้สึกจนแทบทนไม่ได้นั้น ทำให้เธอไม่อยากที่จะทักพวกเขาก่อน จริงๆแล้วเธอไม่อยากเชิญครอบครัววังเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะวังเสวี่ยอยากู้หน้า เธอจึงไม่รู้จะทำยังไง
“อ่าวพี่อี้จุนเปลี่ยนรถอีกแล้วเหรอ นี่คือ Cadillac และ ฉันได้ยินมาว่า Cadillac ราคาค่อนข้างแพง ” เพื่อที่จะทำยืมเงินลู่เฉินได้ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดหลินอี้จุน แต่เธอก็ต้องแสร้งทำเป็นปล่องอคติของเธอและพูดด้วยท่าทางที่อบอุ่น
“ใช่แล้ว ไม่กี่วันก่อนลู่เฉินเพิ่งซื้อให้พี่น่ะ ราคาก็ 1.5 ล้าน”หลินอี้จุนพยักหน้า และรู้สึกแปลกใจที่ท่าทีของหวังว่านเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เธอก็เป็นคนแบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่ทำให้เธอลำบากใจ เธอก็จะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอนเช่นเดียวกัน
เช่นเดียวกับหลิวหยานฉี๋ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้หลิวหยานฉี๋จะจำให้เธอรู้สึกไม่ดีบางอย่าง แต่หลังจากที่หลิวหยานฉี๋เปลี่ยนแปลงตัวเอง เธอก็เลือที่จะให้อภัยเขาก่อน
“พี่ลู่นี้รวยจริงๆเลย” เสี่ยวจี้ก็เอ่ยชม
คำพูดของเขานั่นพูดมาจากใจ
ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด รถของลู่เฉินเองก็ราคามากกว่าสามล้านหยวนแล้ว และตอนนี้เขายังซื้อรถราคา1.5 ล้านให้หลินอี้จุนอีก คนธรรมดาที่ไหนจะใจกว้างขนาดนี้
หลินอี้จุนหัวเราะและไม่ได้พูดถ่อมตนแต่อย่างใด ลู่เฉินไม่ใช่คนรวยธรรมดาๆดังนั้นเธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นถ่อมตนในเรื่องนี้
“เชิญขึ้นรถกันก่อนดีกว่าค่ะ แขกคนอื่นๆก็หน้าจะถึงกันแล้ว เลยแค่พวกเราแล้ว”หลินอี้จุนพูดขึ้น
เมื่อทุกคนขึ้นรถแล้ว หลินอี้จุนจึ้งสั่งให้ออกรถได้ ทางด้านของเสี่ยวฟางจึ้งได้ถามขึ้นมาว่า “อี้จุน แม่ของเธอเขาซื้อบ้านไว้ที่ไหนเหรอ?”