พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 233 ยอมแพ้แล้ว
บทที่ 233 ยอมแพ้แล้ว
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์หวังว่านและคนอื่น ๆ ก็รีบลงจากรถและเมื่อเห็นการตกแต่งที่หรูหรา พวกเธอก็เหมือนกับที่คุณยายหลิวเข้าสวนอุทยาน
“มากันแล้วเหรอ เชิญๆๆ เดี๋ยวฉันพาพวกเธอไปเดินดูรอบบๆนะ” วังเสวี่ยรู้ว่าตระกูลวังกำลังจะมาเธอจึงขอให้ หลินดาไห่ไปกับถังชิงซานและคนอื่น ๆ ส่วนเธอก็จะพาครอบครัวของเธอไปเยี่ยมชมที่คฤหาสน์ ไม่สิ เพื่อที่เธอจะได้โอ้อวดกับพวกเข้าได้
วันนี้วังเสวี่ยดูอารมณ์ดีและดูสดชื่นมาก ไม่มีอะไรระงับความเย่อหยิ่งของเธอได้เลย
เธอไม่สนใจว่าคฤหาสน์หลังนี้จะเป็นของเธอหรือไม่เลยด้วยซ้ำ
แต่สำคัญกว่าสิ่งใดคือเธอสามารถโอ้อวด ถังชิงซานกับครอบครัววังได้
“พี่สอง คฤหาสน์หรูนี้ลู่เฉินซื้อมันเท่าไหร่เหรอ? ฉันได้ยินมาจากอี้จุนว่าราคาต่ำสุดที่นี่คือ 50 ล้านหยวน คฤหาสน์ของพี่ใหญ่กว่าหลังอื่นเป็นไม่รู้กี่เท่า หนึ่งร้อยล้านหยวนก็ไม่พอซื้อบ้านหลังนี้สินะ “วังจินกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“หนึ่งร้อยล้านเหรอ? คฤหาสน์นี้เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในยวี่โจว ลู่เฉินของเราซื้อมันด้วยเงินสองสามร้อยล้าน” วังเสวี่ยพูดเกินจริง
ในความเป็นจริงแล้วหากขายวิลล่าหลังนี้จะมีราคาเพียง 120 ถึง 150 ล้านหยวนแน่นอนว่าก่อนการปรับปรุงใหม่ แต่หากลู่เฉินขายตอนนี้ต้องมีคนรวยจำนวนมากยอมทุ่มเงินถึง200 ล้านเพื่อซื้อมัน โดยเฉพาะสี่ครอบครัวมหาอำนาจ
ทันทีที่จิงหลงหูเปิดตัว ก็ถูกยกให้เป็นพื้นที่ไฮท์คลาสของยวี่โจว ใครที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ต้องรู้สึกเป็นเกียรติมากอยู่แล้ว และแม้แต่สี่ครอบครัวมหาอำนาจก็ยังซื้อวิลล่าที่นี่
แน่นอนว่าช่วงที่ออกแบบคฤหาสน์ ถูกออกแบบไว้สำหรับสี่ตระกูลมหาอำนาจเป็นที่สองรองจากลู่เฉิน ถึงแม้ว่าได้รับการออกแบบตามความต้องการของสี่ตระกูลมหาอำนาจก็ตาม แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่จะมีคฤหาสน์ของตัวเองที่นี่ แต่เนื่องจากกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย ได้รับการขนานนามว่าเป็นที่อยู่อาศัยของคนชั้นสูง ต่อให้พวกเขาจะอยู่ไม่ได้แต่ก็ไม่ปล่อยทิ้งร้างไว้
“สองถึงสามร้อยล้าน?” ทุกคนไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่มองดูการตกแต่งที่หรูหราในคฤหาสน์ก็ไม่กล้าตั้งข้อสงสัยใดๆอีกเลย
เพราะทุกครั้งที่พวกเขาเกิดสงสัย พวกเขาก็มักจะถูกตอกหน้ากลับครั้งแล้วครั้งเล่า
วังเสวี่ยพาทุกคนจากตระกูลวังไปเยี่ยมชมคฤหาสน์ และในที่สุดทุกคนในตระกูลวังก็ต่างตะลึงและมึนงง
และวันนี้พวกเขาก็ได้เห็นแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าล่องลึก
แม้ว่าการแสดงออกของวังเสวี่ยจะทำให้เสี่ยวฟางและหวังว่านไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อมีระยะห่างกว้างเกินไป พวกเขาจะไม่ยอมก็ไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่บ้านหรูหลังนี้ แม้ว่าบริษัท ของเสี่ยวจี้จะมาถูกทางแล้ว แต่ก็กลัวว่ามันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ได้ภายในเวลาสิบหรือยี่สิบปีนี้แน่นอน
นับประสาอะไรกับตระกูลวังของพวกเขา
เวลานี้ทัศนคติของหวังว่านและเสี่ยวฟางที่มีต่อวังเสวี่ยก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือและน้ำเสียงหรือแม้กระทั้งคำพูดของพวกเขาก็เต็มไปด้วยถ้อยคำเยินยอ
ต่อมาระหว่างทานอาหารกันอยู่ ก็พบกับลู่เฉิน หวังว่านที่ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เขย ก็กลับพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
การย้านบ้านในครั้งนี้ลู่เฉินเชิญคนมาไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนที่เขาเชิญมาเองไม่กี่คน แต่ในทางกลับกัน วังเสวี่ยได้รับเชิญแขกของเธอมามากที่สุด ทั้งหมดก็แค่สี่โต๊ะเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามลู่เฉินยังเชิญเชฟจากโรงแรมระดับห้าดาวมาทำอาหารด้วยตัวเองในวันนี้อีกด้วย ถ้าหากทานในโรงแรมห้าดาวโต๊ะหนึ่งก็สูงกว่าหนึ่งแสน
เนื่องจากคนที่มาต่างก็มีของขวัญมาให้ทั้งนั้น แต่สุดท้ายไม่ว่าจะให้มากน้อยแค่ไหนลู่เฉินก็ยังให้อั่งเปาทุกคน ในอั่งเปาเป็นบัตรธนาคารทั้งหมดและแต่ละใบก็มีรหัสผ่านอยู่ด้านในด้วย
เมื่อทุกคนกลับแล้ว ก็รีบไปที่ธนาคารด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพื่อตรวจสอบว่าในบัตรจะมีเงินเท่าไหร่ พวกเขาถึงกับอ้าปากค้างไปเลย
เพราะในบัตรต่างก็มีเงินฝากในนั้นห้าหมื่นหยวนเหมือนกันทุกบัตร
ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลวังหรือถังชิงซานและคนอื่น ๆ พวกเขาต่างชื่นชมความใจกว้างของลู่เฉิน
โดยเฉพาะถังชิงซาน เขาไม่ยอมรับและไม่เชื่อตั้งแต่แรกว่าลู่เฉินจะมีเงินมากมายและสามารถซื้อคฤหาสน์ชั้นหนึ่งนี้ได้ แต่ในเวลานี้เมื่อมองไปที่เงินฝากห้าหมื่นในบัตร เขาก็ถอนหายใจ ในที่สุดเข้าก็เชื่อในตัวลู่เฉินอย่างสนิทใจแล้ว
“ต้าหลง แกได้ถามลู่เฉินไหมว่าเขาทำงานอะไร?” ถังชิงซานถามถังต้าหลงลูกชายของเขา
“มีอะไรเหรอครับ?” ถังต้าหลงถามอย่างงงๆ
“แกเห็นลู่เฉินซื้อคฤหาสน์เป็นหลังๆได้แบบนี้ เขาต้องเป็นมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน เขาแย้งผู้หญิงที่เดิมเป็นของแกไป ในใจเขาก็คงรู้สึกผิดอยู่บ้างแหละ ถ้าแกไปขอร้องให้เขาช่วยแก บางทีแกอาจไม่จำเป็นต้องเป็นพนักงานออฟฟิศอย่างนี้ แกอาจจะได้เป็นนายคนก็ได้นะ”ถังชิงซานกล่าว
ถังต้าหลงถึงกับพูดไม่ออก เขาลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว และทำไมลู่เฉินต้องช่วยเขาด้วย
นอกจากนี้ตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการที่เทคโนโลยีอี้ฉี ได้เงินเดือนปีละหนึ่งล้านซึ่งถือว่าไม่แย่เลย
“และหลินอี้จุนก็ยังคงเป็นน้องสาวต่างสายเลือดของแก หรือฉันจะขอให้แม่แกไปคุยกับหลินอี้จุนดีนะ เพราะแม่ของแกก็ดีกับเธอมาตลอด ยังไงแล้วเธอต้องจำความสัมพันดีๆกับแม่แกแน่นอน ” ถังชิงซานพูดขึ้น
ถึงแม้ว่าถังต้าหลงจะรู้สึกใจเต้นแรง แต่เขาก็ยังยิ้มอย่างขมขื่น: “ผมไม่ได้ถาม เอาไว้เราค่อยมาคุยกันทีหลังเถอะครับ”
คุณพ่อขอให้เขาถามลู่เฉินตอนนี้ เขาก็เสียหน้าเหมือนกัน
เขากับหลินอี้จุนก็สนิทกันอยู่บ้าง แต่ไม่คุ้นเคยกับลู่เฉิน และพวกเขาเคยเป็นคู่แข่งเรื่องความรักกันมาก่อน แม้ว่าเขาจะปล่อยวางไปแล้ว และเขาเองก็รู้สึกว่า ลู่เฉินก็ไม่ได้จริงจังกับกับเรื่องราวที่ผ่านมาแต่อย่างใด แต่เรื่องแบบนี้ ตอนนี้เขายังไม่สามารถแบกหน้าไปขอร้องลู่เฉินได้
เมื่อเห็นลูกชายของเขาพูดจบและขึ้นรถไป ถังชิงซานในใจก็ถอนหายใจ และไม่พูดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม ในใจเขามีความคิดอยู่แล้วว่าหลังจากที่เขากลับมาเขาจะปรึกษาเรื่องนี้กับภรรยาของเขา มีทรัพยากรที่ดีอย่างลู่เฉิน พวกเขาไม่ใช้ประโยชน์จากเขา ก็จะคงสูญเปล่าไม่ใช่เหรอ?
แม้ว่าลูกชายของเขามีเงินเดือนสูงอยู่แล้วโดยมีเงินเดือนปีละหนึ่งล้าน แต่หากมีทางออกที่ดีกว่านี้ ใครกันจะไม่อยากไต่เต้าให้สูงขึ้น
“เซียวว่าน ในบัตรมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถึงพันรึเปล่า?” เสี่ยวฟางถามหวังว่านที่กำลังเช็คเงินในบัตรที่ลู่เฉินมอบให้
วังไกและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่หวังว่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลู่เฉินมอบอั่งเปา แต่เขาออกบัตรธนาคารให้พวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับอั่งเปาแบบนี้และพวกเขาเองก็อยากรู้มากว่าในบัตรจะมีเงินซักเท่าไหร่กัน
“เป็นไปได้ยังไง ที่จะไม่ถึงพันหยวน พี่ลู่เฉินให้บัตรแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นหมื่นเลยใครจะไปรู้ ไม่งั้นสู้เขาเอาเงินสดให้ไม่ดีกว่าหรือ” เสี่ยวจี้พูดขึ้น ตอนนี้เข้าก็ยอมแพ้ให้ลู่ฉันแล้ว ครั้งก่อนที่วังไกหน้าด้านไปขอยืมเงินที่ลู่เฉิน ลู่เฉินไม่ได้ให้พวกเขายืมโดยตรงแต่ก็ได้ให้สัญญาว่าอีกไม่กี่วันจะไปลงทุนที่บริษัทเขา ส่วนจะลงทุนเท่าไหรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแผนการบริษัทในอนาคตของเขา ตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนหนังสือวางแผนอย่างไรดีเพื่อเอาให้ลู่เฉินดู
เขาไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าลู่เฉินยอมลงทุนมากกว่า 10 ล้านหยวนเขาคงจะมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะทำให้บริษัทเขาเติบโตขึ้น
แต่จะเขียนหนังสือวางแผนเล่มนี้ให้ดีได้อย่างไรกันล่ะ เขาต้องกลับไปขอให้อาจารย์มืออาชีพวางแผนให้เขาและยังต้องคุยกับพ่อของเขาอีกคนด้วย
“ในบัตรของฉันมีห้าหมื่น แม่ค่ะ รีบเอาของแม่มาหนูจะชาวยดูให้ค่ะ” หวังว่านกล่าวด้วยความประหลาดใจหลังจากที่เช็คบัตร
ห้าหมื่น?
ทุกคนในตระกูลวังต่างก็ตกใจไม่น้อยกับจำนวนเงินในบัตรที่อยู่ในอั่งเปา แม้แต่เสี่ยวจี้เอง ก็อดที่ชื่นชมไม่ได้