พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 235 บ้าบอคอแตก
บทที่ 235 บ้าบอคอแตก
เมื่อหยูลี่กลับมาอีกครั้ง ยังไปเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งมาโดยเฉพาะ เมื่อเห็นว่าหยูลี่กลับมาอย่างหยิ่งผยอง หลี่หงเหม่ยก็ใจสั่นขึ้นมา และรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย
“แกยังคิดจะทำอะไรอีก?”พอหลี่หงเหม่ยได้เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตกใจทันที จึงรีบปกป้องลูกชายไว้
“ทำอะไร?”หยูลี่หัวเราะเยาะ และพูดว่า”ลูกชายของแกเป็นโจรขโมยแกยังไม่ยอมรับอีก ฉันว่าพวกแกสองแม่ลูกล้วนเป็นภาวะของสังคม ถ้าไม่สั่งสอนเขาสักหน่อย โตขึ้นจะเลวร้ายกว่านี้”
พอเธอพูดเสร็จ ก็สะกิดให้ผู้รักษาความปลอดภัยดึงหลี่หงเหม่ยออก เดิมทีขาของหลี่หงเหม่ยก็ไม่ดี พอถูกผู้รักษาความปลอดภัยดึงออกอย่างแรง ก็สูญเสียแรงโน้มถ่วงในตัวทันที จึงล้มลงไปกับพื้น
“แม่!”เสี่ยวเป่าตกใจจนร้องไห้ขึ้นมา และคิดจะวิ่งเข้าไปหาหลี่หงเหม่ย
และในขณะนี้หยูลี่เดินขึ้นไป จับตัวเสี่ยวเป่าไว้ และตบหน้าเสี่ยวเป่าทันที
ตามด้วยเสียงปัง เสี่ยวเป่าถูกตบจนนิ่งอึ้งไปหลายวินาที แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“อายุยังน้อยอยู่เลยก็เป็นโจรขโมยเสียแล้ว เรื่องดีไม่ทำ กลับไปทำเรื่องเลวร้าย คนที่เลวร้ายอย่างแกนะก็เป็นภาวะของสังคม พ่อแม่แกไม่สั่งสอน ฉันจะมาสั่งสอนแทนพ่อแม่ของแก”หยูลี่ไม่สนว่าเสี่ยวเป่ายังเป็นเด็กน้อยที่อายุเพียง6ขวบ ระหว่างที่พูดก็ขึ้นมาตบหน้าเสี่ยวเป่าอีกทีอย่างโกรธขรึม
แม้ว่าแรงของเธอไม่มากนัก แต่เสี่ยวเป่าเป็นแค่เด็กน้อย จะทนไหวได้ยังไงล่ะ นอกจากร้องไห้ สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ไร้ขอบเขต ยังไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงยังไงต่อจิตใจของเขาเลย
คนอื่นเห็นว่าหยูลี่รังแกเด็กน้อยเช่นนี้ ไม่มีใครรู้สึกสงสารเด็กเลย ในทางตรงข้าม ในสายตาของพวกเขาเด็กคนนี้สมควรจะโดนตบอยู่แล้ว
ถ้าพูดตามตรง หลี่หงเหม่ยเป็นคนที่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการแต่งกาย แถมยังพาลูกชายมาทำงานด้วย พวกเขาก็ทนหลี่หงเหม่ยมานานแล้ว ขยะเช่นนี้ มีสิทธิ์อะไรที่มาทำงานร่วมกันอยู่ในบริษัทเดียวกันกับพวกเขาล่ะ ถ้าพูดออกไปแล้วก็จะทำให้คนข้างนอกดูแคลนนะเว้ย
“ไอ้ขยะสังคม ฉันจะลองดูว่าทีหลังแกยังกล้าไปขโมยของของคนอื่นหรือเปล่า”หยูลี่พูดอย่างโมโห ระหว่างที่พูดก็ตบหน้าเขาอีกที ทีนี้เธอใช้แรงมากกว่าเดิม ทำให้มุมปากของเสี่ยวเป่ามีเลือดไหลออกมาด้วย
เมื่อเห็นว่ามุมปากของเสี่ยวเป่าถูกเธอตบจนเลือดไหลออกมา ในใจของหยูลี่เกิดความโกลาหลอลหม่านเล็กน้อย เพราะยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กน้อย ผู้ใหญ่อย่างเธอมาตบเด็กอีก แม้ว่าเป็นโจรขโมยจริงๆ เธอก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา
“แกรีบหยุดตบเลย ฉันยอมรับก็ได้!”เมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองกลัวจนไม่กล้าร้องไห้ มุมปากยิ่งถูกตบจนมีเลือดออกมา หลี่หงเหม่ยร้องอย่างเศร้าโศก เธอคลานมาถึงต่อหน้าหยูลี่ และกราบขอให้เธอเมตตา
“หยูลี่ ขอร้องคุณเถอะ เขายังเป็นแค่เด็กเอง คุณอยากตบก็มาตบฉันแทนเถอะ ขอร้องเลย!”หลี่หงเหม่ยร้องไห้อย่างหนัก ในใจหมดหวังถึงขีดสุด
เธอรู้ว่าหยูลี่จะให้เธอยอมรับว่าลูกชายของเธอเป็นโจรขโมย ขอให้เธอยอมรับ บริษัทก็มีเหตุผลมาไล่เธอออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอไม่ยอมรับ สาเหตุแรกคือลูกชายเธอไม่ได้ขโมยของด้วยซ้ำ สาเหตุที่สองคือตอนนี้เธออยู่สภาพที่ไม่มีที่พักอาศัย เทคโนโลยีอี้ฉีให้หอพักเดี่ยวแก่เธอ เธอก็ไม่ยอมจากไป
แต่นับป่านนี้ เมื่อเห็นความโหดร้ายของหยูลี่ และความไร้น้ำใจของคนรอบข้าง เธอได้สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“จะยอมรับแล้วหรือ นั้นแกก็ว่ามาสิ ฉันอัพเสียงไว้อยู่”หยูลี่พูดด้วยเสียงที่เย็นชา
ใจของหลี่หงเหม่ยเจ็บราวถูกมีดบาด แต่เธอยังคงพูดอย่างอ่อนแรง”หยูลี่ ขอโทษ ลูกของฉันก็คือโจรขโมย เป็นเขาเองที่ขโมยลิปสติกของคุณไป ฉันจะคิดวิธีซื้อมาคืนคุณใหม่ ขอร้องคุณ ปล่อยเขาไปเถอะ เขายังเป็นแค่เด็กเอง!”
ระหว่างที่เธอพูดก็ได้กราบหยูลี่ไปเรื่อยๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ผู้จัดการหนูครับ ในเมื่อที่เธอยอมรับความผิดแล้ว ฉันรู้สึกว่าแจ้งความไปเลย ให้ตำรวจมาจัดการดีกว่า คนเลวร้ายแบบนี้ สมควรที่จะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย”พนักงานผู้ชายที่แอบชอบหยูลี่เสนอขึ้นมา
พอเขาเพิ่งพูดเสร็จ หลี่หงเหม่ยก็หวาดกลัวจนตัวอ่อน ถ้าถูกตำรวจพาตัวไป นั้นเรื่องด่างพร้อยเรื่องนี้ก็ไม่มีวันถูกล้างออกจากชีวิตของลูกชายอีกแล้ว
แต่คนพวกหยูลี่กลับมองผู้ชายคนนั้นอย่างกับมองคนบ้า
ผู้ชายคนนั้นรู้สึกตัวมาทัน เลยรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที
แต่เสี่ยวเป่าเป็นแค่เด็กเล็กคนหนึ่ง แม้ว่าเสี่ยวเป่าเป็นโจรขโมยจริงๆ ตำรวจจะทำอะไรเขาได้ล่ะ อย่างมากก็แค่ให้หลี่หงเหม่ยสั่งสอนลูกตัวเองให้ดีแค่นั้นเอง
แถมเรื่องนี้ยังเป็นแผนที่หยูลี่ทำขึ้นมาเอง ถ้าพอถึงเวลานั้นถูกตำรวจค้นพบเรื่องจริง นั้นเธอก็ต้องซวยแล้ว
“พวกแกสองคนรีบออกไปให้พ้นตาฉันเดี๋ยวนี้ บริษัทจะไล่แกออกในไม่นานนี้ ทีหลังยังมาปรากฏตัวให้ฉันได้เห็นที่บริษัทอีก ไม่นั้นฉันเห็นพวกแกครั้งหนึ่งก็จะตบครั้งหนึ่ง”หยูลี่บรรลุเป้าหมาย และเตรียมที่จะเอาที่อัพเสียงไว้ขึ้นไปให้เสี่ยวจื่อเหิง
หลี่หงเหม่ยดึงลูกชายตัวเองไว้อย่างอ่อนแรง และเดินออกไปจากนอกบริษัทอย่างสิ้นหวัง
“พี่หลี่ คุณจะเดินไปไหน?”พอดีในเวลานี้ มีคนหนึ่งปรากฏอยู่หน้าหลี่หงเหม่ย และขมวดคิ้วถามเธอ
ก็คือลู่เฉินนั่นเอง
เมื่อได้เห็นลู่เฉิน น้ำตาของหลี่หงเหม่ยก็อดไม่ได้ที่จะไหลออกมา เธอพูดอย่างละอายใจ”ท่านผู้มีพระคุณคะ ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณต้องเสียให้ไปด้วย”
เธอเป็นคนที่ลู่เฉินแนะนำมา แต่ในที่สุดเธอกลับถูกบริษัทไล่ออก เธอรู้สึกขอโทษลู่เฉินเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเธอไม่มีความรู้อะไรมากนัก แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองทำให้ลู่เฉินเสียหน้าไปด้วย
“พี่หลี่ เกิดอะไรขึ้น?แล้วรอยนิ้วมือบนหน้าของเสี่ยวเป่าถูกใครตบ?”ลู่เฉินขมวดคิ้ว แม้กระทั่งเด็กยังไม่ปล่อยไปเลย ทันใดนั้นเขาก็โกรธขรึมขึ้นมา
ไม่ว่าเป็นคนในบริษัทหรือเปล่า คนที่แม้กระทั่งเด็กยังไม่ปล่อยนั้น เขาจะเอามันให้น่าดูแน่ๆ
“ท่านผู้มีบุญคุณคะ ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ฉันถูกบริษัทไล่ออกแล้ว ฉันจะพาเสี่ยวเป่าออกจากบริษัทเดี่ยวนี้เลยค่ะ”หลี่หงเหม่ยรู้สึกว่าเกรงใจ ไม่ อยากรบกวนลู่เฉินอีกแล้ว ลู่เฉินช่วยเขามาเยอะมากแล้ว แถมลู่เฉินก็ไม่ใช่ญาติพี่น้องกับเธอด้วยซ้ำ เธอจะรบกวนลู่เฉินทุกอย่างได้ยังไงล่ะ
ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่ว่าถูกหยูลี่ข่มขู่ ทำให้เธอมีความหวาดกลัว เธอก็คงไม่โทรไปให้ลู่เฉินหรอก
“คุณเป็นใคร มาที่บริษัทพวกเราทำอะไร?”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นมาสอบถามลู่เฉิน
ลู่เฉินมองไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ย้ายสายตาไปที่คนพวกหยูลี่
“ลู่เฉิน นี่เป็นเรื่องของบริษัทพวกเรา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับแกเลย แกอย่ามายุ่งนะเว้ย”หยูลี่เห็นลู่เฉินมาถึง ก่อนอื่นรู้สึกเป็นห่วงว่าเขาจะจับผิดได้ แต่พอนึกถึงคำพูดที่เสี่ยวจื่อเหิงพูดกับเธอก่อนหน้านี้ เธอก็พยายามใจเย็นลงมาได้
ลู่เฉินมองไปที่หยูลี่อย่างเย็นชา ไม่ได้สนใจเธอ แต่ได้พูดกับหลี่หงเหม่ยว่า”พี่หลี่ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นขอให้คุณยังเชื่อใจฉันได้ ก็บอกความจริงให้ฉันเลย ฉันจะตัดสินความเป็นธรรมให้คุณ ขอให้คุณไม่ได้ทำผิด ไม่ว่าเขาเป็นใคร เป็นตำแหน่งอะไรอยู่ในบริษัท ฉันล้วนจะตัดสินความเป็นธรรมให้คุณได้”
หลี่หงเหม่ยยังคิดจะพูดอะไรอีก แต่เห็นสายตาที่ขมขู่ของหยูลี่ เธอก็ส่ายหน้า และพูดว่า”ช่างเถอะ เรื่องเล็กๆเอง”
“แกต้องเชื่อฉัน ฉันสามารถตัดสินให้คุณได้จริงๆ”ลู่เฉินเห็นความหวาดกลัวในสายตาของหลี่หงเหม่ย จึงพูดอย่างแน่วแน่
“แกสามารถตัดสินความเป็นธรรมให้เธอได้หรือ?”
เพท่อนร่วมงานผู้ชายที่อยู่ข้างๆของหนูลี่พอได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะเยาะออกมาทันที”คนบ้าที่ไหนวะ แกนึกว่าแกเป็นใครหรือ?แม้กระทั้งเรื่องในบริษัทของพวกเรายังตัดสินได้หรือ?”