พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 236 คุณไม่มีสิทธิ์
บทที่ 236 คุณไม่มีสิทธิ์
หยูลี่เองก็หัวเราะเยาะลู่เฉินแล้วพูดว่า “ลู่เฉิน แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?กล้ามาหาเรื่องที่บริษัทเราได้ยังไง?”
ลู่เฉินไม่สนใจคนอื่นๆ เขาจ้องมองไปที่หยูลี่และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า “พี่หลี่ครับ ถ้าพี่ไม่พูดความจริงออกมา ผมก็จะช่วยพี่ไม่ได้แล้วนะ อีกอย่างเสี่ยวเป่าอายุแค่นี้เอง พี่ทนเห็นเขาถูกคนอื่นรังแกได้เหรอ? ถ้าในวันนี้พี่ไม่ทำอะไรเพื่อเขาสักอย่าง จะต้องเกิดปมในใจของเขาแน่ๆ พี่ต้องรู้นะว่าเด็กเล็กๆเขาจะมีปมติดตัวไปจนโต พี่คงไม่อยากให้เขากลายเป็นคนไม่มีความมั่นใจใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน หลี่หงเหม่ยก็เริ่มหวั่นไหว
สามีของเธอถือว่าหมดประโยชน์ไปแล้วคนหนึ่ง ลูกของเธอเป็นเพียงความหวังเดียวในชีวิตนี้ เธอหวังว่าเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
“คุณลู่คะ หยูลี่ใส่ร้ายเสี่ยวเป่าค่ะ เธอบอกว่าเสี่ยวเป่าขโมยลิปสติกของเธอไป แต่ที่จริงแล้วเสี่ยวเป่าไม่ได้ขโมยไปนะคะ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะทำให้ฉันยอมรับให้ได้ว่าเสี่ยวเป่าเป็นขโมยและไปเอาลิปสติกของเธอมา เพราะฉันไม่ยอมรับเธอก็ทำร้ายเสี่ยวเป่าจนกระทั่งเสี่ยวเป่าเลือดออกปากเลย ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี จึงทำได้แต่เพียงยอมรับว่าเสี่ยวเป่าเป็นขโมย เธออัดเสียงไว้เป็นหลักฐาน บอกว่าจะเอาไปให้ผู้จัดการดูและไล่ฉันออกค่ะ”หลี่หงเหม่ยเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ลู่เฉินฟัง
เพื่อเสี่ยวเป่าแล้ว เธอยอมสละทุกอย่าง ขอเพียงแค่เขาเติบโตเป็นคนที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ต่อให้มีปัญหากับหยูลี่ก็ไม่เป็นไร
แววตาของลู่เฉินโมโหมาก หยูลี่ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร? เขามองเธอผิดไปมากจริงๆ
กับเด็กอายุแค่ 6 ขวบเธอก็ยังลงมือได้สินะ!
ต่อให้เสี่ยวเป่าขโมยลิปสติกของเธอจริงๆ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะลงไม้ลงมือกับเด็กอายุขนาดนี้หรอก
“หลี่หงเหม่ย ฉันให้แกสั่งสอนลูกชายแกให้ดี ต่อไปเขาจะได้ไม่มาขโมยของคนอื่นอีก เพราะถ้าถึงตอนนั้นโดนจับไปก็คงต้องเข้าคุก แต่แกไม่รู้สำนึกถึงบุญคุณของฉัน และยังบอกว่าฉันเป็นคนจิตใจชั่วร้ายอีกอย่างนั้นเหรอ?” หยูลี่พูดด้วยความโมโห
เมื่อหลี่หงเหม่ยพูดออกมาต่อหน้าทุกคนว่าหยูลี่ตีลูกของเธอนั้น หยูลี่ต่อให้จะหน้าด้านสักเพียงใด ในใจก็ยังรู้สึกอายเป็นธรรมดา
หากว่าเธอไม่มีความจำเป็นจะต้องบังคับให้หลี่หงเหม่ยยอมรับว่าเสี่ยวเป่าเป็นขโมยละก็ เธอคงไม่ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่มีการศึกษา
“เพี๊ยะ!”
ลู่เฉินตบเข้าที่หน้าของเธออย่างจังแล้วพูดว่า “หยูลี่ คุณทำให้ผมผิดหวังมาก!”
ก่อนหน้านี้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าหยูลี่จะตามจีบเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าหยูลี่เป็นคนที่มีจิตใจคับแคบอำมหิตแบบนี้ แม้แต่เด็กเล็กๆก็ยังไม่ปล่อยวาง
การที่เธอทำแบบนี้มันโหดร้ายเกินไป ไม่ควรจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
“ลู่เฉิน แกกล้าตบฉันเหรอ?” หยูลี่ถูกลู่เฉินตบเข้าไปเต็มเปาก็ตกตะลึง เพราะเธอคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะกล้าลงมือกับเธอ
เธอนำมือขึ้นมากุมหน้าเอาไว้ เธอโมโหอย่างสุดขีด อีกทั้งเจ็บปวดเนื่องจากเธอเคยชอบลู่เฉินมาก่อน แม้ว่าลู่เฉินจะไม่ได้ตอบรับความรักจากเธอ แต่ครั้งนั้นก็ถือว่าเป็นรักครั้งแรกซึ่งเธอยังจดจำอยู่ในใจตลอดมา
ภายในใจลู่เฉินรู้สึกผิดหวังมาก ตอนนี้หยูลี่ยังไม่รู้ตัวว่าเธอทำผิดตรงไหนอีก!
อีกทั้งยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องตบหน้าเธอ!
ในขณะที่ลู่เฉินถูกตบหน้านั้น พนักงานผู้ชายหลายๆคนก็พูดขึ้นว่า
“ไอ้หมอนี่ แกรนหาที่ตายเหรอ?กล้ามาทำอวดเก่งที่บริษัทเรา!”
“รปภ.ครับ ยังรออะไรอยู่รีบเอาตัวมันไปได้แล้ว”
เพื่อนร่วมงานผู้ชายหลายๆคนที่ชอบพอหยูลี่ เมื่อเห็นว่าลู่เฉินลงไม้ลงมือกับลู่เฉิน พวกเขาก็รู้สึกว่าเวลาที่จะได้เผยความสามารถของตนมาถึงแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกเขาก็พากันเตรียมจะลงไม้ลงมือและกำหมัดพุ่งมาทางลู่เฉิน
หลี่หงเหม่ยตกตะลึง เธอรีบกอดเสี่ยวเป่าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็เตรียมตัวจะลงมือ
คนนอกเพียงคนเดียวกล้าเข้ามาทำร้ายพนักงานในบริษัท หากพวกเขายืนมองไม่ทำอะไรล่ะก็ สุดท้ายแล้วรู้ดีว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ว่าพวกพนักงานเงินเดือนที่นั่งตามออฟฟิศอย่างพวกเขานี้ จะไปเป็นคู่ต่อสู้ของลู่เฉินได้ยังไง? ลู่เฉินยังไม่ได้ออกแรงสักเท่าไหร่ เพียงแค่ชั่วครู่ ทั้งหมดก็ถูกเขาต่อยเสียจนไม่เป็นท่า แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเองก็ด้วย
เมื่อหยูลี่พบว่าลู่เฉินมีความสามารถด้านการชกต่อยแบบนี้ เธอก็เริ่มกลัวขึ้นมาและวิ่งขึ้นไปด้านบนด้วยความตื่นเต้นกังวล
“ลู่เฉิน แกกล้าดียังไงมาทำร้ายพนักงานของบริษัทเรา!”
ในขณะนั้นเองเสี่ยวจื่อเหิงก็เดินลงมาจากด้านบนและพูดด้วยท่าทางโมโห
“เสี่ยวจื่อเหิงคะ คุณรีบติดต่อไปยังฝ่ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเร็วเข้า เขาบ้าไปแล้ว! เขากล้าตบฉันเมื่อสักครู่ ดูสิคะหน้าฉันบวมแล้ว” หยูลี่รีบวิ่งไปหาเขาและพูดด้วยสายตาอ้อนวอน
แน่นอนว่าเสี่ยวจื่อเหิงเห็นกับตาตัวเองว่าลู่เฉินตบหยูลี่ และเนื่องจากเขาเห็นว่าลู่เฉินตบเข้าที่หน้าเธออย่างจัง จึงทำให้เขาเดินลงมา
“วางใจได้ครับ ผมจะต้องให้เขาขอโทษคุณให้ได้ ถ้าในวันนี้เขาไม่ขอโทษ ผมจะทำให้เขาคลานออกจากที่นี่”เสี่ยวจื่อเหิงพูด
“ให้ผมขอโทษอย่างนั้นเหรอ?”
แววตาของลู่เฉินแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และพูดว่า “เสี่ยวจื่อเหิง ผมขอถามคุณหน่อยซิว่าคุณเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท แต่กลับยืนมองดูหยูลี่ทำร้ายร่างกายเด็กตัวเล็กๆเพียงคนเดียวโดยไม่สนใจอะไร อีกทั้งคุณเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าเป็นไปมายังไง แต่คุณไม่สนใจความถูกต้องและความเป็นจริง กลับปล่อยให้หยูลี่ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ?”
ที่เขาเดินทางมาถึงก็เห็นว่าเสี่ยวจื่อเหิงยืนดูเหตุการณ์อยู่บนชั้น3 อีกทั้งเขาไม่เชื่อว่าหลี่หงเหม่ยจะขโมยลิปสติกของหยูลี่จริงๆ
เมื่อเขามองเห็นแววตาอาฆาตแค้นของเสี่ยวจื่อเหิง นั้นเขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เสี่ยวจื่อเหิงคงจะไปสืบพบว่าเขาเป็นคนแนะนำให้หลี่หงเหม่ยมาทำงานที่นี่ ดังนั้นจึงได้ไประบายที่หลี่หงเหม่ย
เนื่องจากครั้งที่แล้วเขาบีบบังคับให้เสี่ยวจื่อเหิงคุกเข่าอยู่ที่หน้าบริษัทตั้งวันหนึ่ง ในวันนั้นที่เขาจากไป เสี่ยวจื่อเหิงก็มองเขาด้วยแววตาเคียดแค้น
ตอนนี้ในใจเสี่ยวจื่อเหิงค่อนข้างวุ่นวาย แต่เขายังคงสติได้และพูดออกมาว่า “ลู่เฉิน นี่เป็นเรื่องภายในของบริษัทเรา ไม่เกี่ยวกับคนข้างนอกอย่างแกสักนิดเดียว แกมีสิทธิ์อะไรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในบริษัทเรา?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เสี่ยวจื่อเหิงก็เริ่มจะหวาดกลัว แต่เขาจะเสียหน้าไม่ได้
“ผมไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในบริษัทอย่างนั้นเหรอ?” ลู่เฉินพูดจาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “ก็ได้ งั้นผมจะคอยดูว่าวังเหว่ยมีสิทธิ์ที่จะเข้ามาวุ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?”
เมื่อลู่เฉินพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวังเหว่ยให้เขาลงมาจัดการเรื่องนี้
เรื่องในวันนี้เขาค่อนข้างจะโมโหมาก ถ้าหากว่าคนที่หยูลี่ตบตีและใส่ร้ายคือหลี่หงเหม่ย เขาคงจะค่อยๆตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน
แต่นี่หยูลี่ทำกับเด็กอายุเพียง 6 ขวบอย่างเสี่ยวเป่า เธอใส่ร้ายเสี่ยวเป่าแบบนี้ ทำให้เขาทนต่อไปไม่ได้!
คนแบบนี้จะเก็บไว้ในบริษัทเพื่ออะไรกัน?
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินจะโทรหาวังเหว่ยจริงๆ เสี่ยวจื่อเหิงก็เริ่มวิตกกังวล
เขาคิดไม่ถึงว่าเพียงเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงพิการคนนี้ ลู่เฉินจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาแบบนี้ได้ หากว่าวังเหว่ยลงมาตรวจสอบด้วยตนเองจริงๆ เขาก็คงจะหมดหนทาง เนื่องจากแผนการของหยูลี่นั้นมีช่องโหว่มากมาย ไม่สามารถหลอกใครได้จริงๆหรอก
“คุณไม่ต้องทำให้ผู้จัดการวังเดือดร้อนหรอก ผมจะตรวจสอบด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้” เสี่ยวจื่อเหิงกัดฟันและพูดออกมา