พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 238 เสี่ยวจื่อเหิงถอดใจ
บทที่ 238 เสี่ยวจื่อเหิงถอดใจ
“ทุกคนจะต้องฟังคำพูดของแกอย่างนั้นเหรอ?”
“แกมันบ้าจริงๆ!”
“รีบเรียก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นมาลากตัวมันออกไปเร็วเข้า ผมแน่ใจว่าไอ้หมอนี่มันออกมาจากโรงพยาบาลบ้าแน่ไ”
ลู่เฉินพูดยังไม่ทันขาดคำ พวกเขาก็หัวเราะเยาะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่หลี่หงเหม่ยกำลังจะพูดอะไรออกมาอีก ก็พบว่าวังเหว่ยเดินตรงออกมาจากลิฟต์แล้ว
เมื่อมองเห็นวังเหว่ยเดินมา ทุกคนก็ล้วนปิดปากของตัวเองแน่นสนิท แม้อยากจะเอ่ยปากฟ้องเพียงใด แต่ในที่นี้มีเสี่ยวจื่อเหิงอยู่ด้วย พนักงานตำแหน่งเล็กๆอย่างพวกเขาจะมีสิทธิ์พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินเรียกวังเหว่ยออกมาได้จริงๆ เสี่ยวจื่อเหิงก็รู้สึกแทบบ้า
ไม่ต้องพูดถึงว่าลู่เฉินมีความสัมพันธ์ยังไงกับวังเหว่ย แต่เมื่อสักครู่ทุกๆคนได้ยินกับหูตัวเองเรื่องที่หยูลี่บอกว่าเขาเป็นตัวบงการใส่ร้ายป้ายสีหลี่หงเหม่ยและลูกชาย จะให้เขาปฏิเสธก็คงเป็นไปไม่ได้
ครั้งที่แล้ววังเหว่ยให้เขาคุกเข่าอยู่หน้าบริษัทเป็นเวลา 1 วันเต็ม ไม่รู้ว่าคราวนี้จะเจออะไร
“ท่านผู้จัดการวัง คุณมาได้จังหวะพอดีเลยครับ ลู่เฉินเขาเข้ามาที่บริษัทของเรา หาเรื่องชกต่อยกับคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเองก็ถูกทำร้ายร่างกายด้วย ไม่เชื่อคุณดูได้เลย คนพวกนี้ถูกเขาต่อยทั้งนั้น” ไม่ว่าวังเหว่ยจะจัดการอย่างไร แต่ตอนนี้เสี่ยวจื่อเหิงจะต้องควบคุมสถานการณ์นี้ไว้ในมือให้ได้
“ใช่ครับผู้จัดการวัง ดูสิหน้าผมเขียวไปหมดเลยเพราะถูกเขาต่อยนี่แหละ!”
“ผมด้วยครับ ผมก็โดนเขาต่อยเหมือนกัน”
“ของผมโดนต่อยที่หน้าอก”
“ผมโดนต่อยที่ท้อง”
คนที่ถูกลู่เฉินต่อยเมื่อสักครู่เข้ามารายงานและให้ความร่วมมือกับเสี่ยวจื่อเหิง
วังเหว่ยขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สนใจว่าคนพวกนี้จะอยู่หรือตายหรอก
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เรื่องอะไรกันทำให้ลู่เฉินและขาดสติแบบนี้ได้ กระทั่งลงมือกับพนักงาน
“คุณลู่ครับ” เมื่อวังเหว่ยพูดชื่อเขาออกมา ลู่เฉินก็ขัดจังหวะขึ้น
“ก่อนหน้านี้ทุกคนที่ถูกผมต่อย รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ เสี่ยวจื่อเหิงและหยูลี่ ไล่ออกทุกคน! ส่วนเหตุผล คุณถามพวกเขาดูเอาแล้วกัน อีกอย่างนับจากนี้หากภายในบริษัทมีใครกล้ากลั่นแกล้งหลี่หงเหม่ยอีก ผมจะไล่คุณออก” ลู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายและมองไปยังหลี่หงเหม่ย
“พี่หลี่ครับ พี่ทำงานต่อที่นี่เถอะ ต่อไปนี้จะไม่มีใครกล้าแกล้งพี่อีกแล้ว” ลู่เฉินพูดแล้วเดินลงจากตึกไป
เมื่อสักครู่คนที่หัวเราะเยาะลู่เฉินต่างพากันมองมายังวังเหว่ยที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือด พวกเขาก็เริ่มมีความหวาดกลัวขึ้นมา
วังเหว่ยกลัวลู่เฉินอย่างนั้นเหรอ?
พวกเขาไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม?
เจ้าหมอนั่นมันเป็นใครกันแน่ ทำไมคำพูดของเขาเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้วังเหว่ยกลัวได้เพียงนี้?
โดยเฉพาะเสี่ยวจื่อเหิงที่ยืนอยู่ข้างๆวังเหว่ย เขาแทบไม่เชื่อสายตาของตนเองว่าคำพูดของลู่เฉินจะมีอิทธิพลต่อวังเหว่ยขนาดนี้ และไม่เชื่ออย่างยิ่งว่าการที่ลู่เฉินข่มขู่วังเหว่ยจะทำให้เขาเกรงกลัวขนาดนี้
การที่จะไล่วังเหว่ยออกจากบริษัทนี้ได้ นอกจากเจ้านายใหญ่คงจะไม่มีใครทำได้อีกแล้ว
หรือว่า……เป็นไปไม่ได้!
ไอ้หมอนั่นมันจะเป็นเจ้าของบริษัทได้ยังไง?!
เสี่ยวจื่อเหิงส่ายหัวไม่หยุด เขาไม่เชื่อในความคิดของตัวเอง
หากลู่เฉินเป็นเจ้าของบริษัทจริงๆ เขาก็คงตายแน่ๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือลู่เฉินเป็นเพื่อนกับแฟนของเขาตอนเรียนมหาวิทยาลัย และได้ยินมาว่าเขามีการเป็นอยู่ที่ไม่ดีนัก จะกลายเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีไปได้ยังไง?
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก
กระทั่งลู่เฉินเดินจากไปลับตา
วังเหว่ยจึงได้สติกลับคืนมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าลู่เฉินโมโหแบบนี้ ซึ่งหมายความว่าเสี่ยวจื่อเหิงและคนอื่นๆนั้นได้ทำเรื่องที่หนักหนาจริงๆ
เพี๊ยะ!!!
วังเหว่ยหันหลังกลับไปตบหน้าเสี่ยวจื่อเหิงเข้าอย่างจัง คนอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์ก็พลอยตะลึงไปด้วย
“คุณ……คุณวังครับ” เสี่ยวจื่อเหิงถูกตบแต่ไม่ได้โกรธ ในใจเขาเต็มไปด้วยความกลัว
การที่วังเหว่ยตบเขา หมายความว่าความคิดของเขาเมื่อสักครู่ถูกต้องแล้วใช่ไหม!?
นอกจากลู่เฉินจะเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เขาจึงจะสามารถทำให้วังเหว่ยอยู่หรือไปก็ได้ตามใจชอบ ดังนั้นคำพูดของลูกเฉินจึงทำให้วังเหว่ยหวาดกลัว เขาถึงได้ระบายความโกรธออกมาด้วยการตบหน้าเสี่ยวจื่อเหิง
บัดนี้เสี่ยวจื่อเหิงจึงได้เข้าใจว่าทำไมหลังจากที่เขาทำให้ลู่เฉินไม่พอใจเมื่อครั้งที่แล้ว วังเหว่ยจึงได้มีท่าทีเช่นนั้นกับเขา เขาและลู่เฉินพนันกันว่าหากใครแพ้จะต้องคุกเข่าขอโทษ แต่สุดท้ายแล้ววังเหว่ยกลับให้เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าบริษัทถึงหนึ่งวันเต็ม
เนื่องจากวังเหว่ยต้องการทำให้ลู่เฉินเห็นนั่นเอง
ส่วนตนเองนั้นได้แต่คิดอย่างโง่ๆว่าลู่เฉินเป็นเพียงแค่คนรู้จักของวังเหว่ยเท่านั้น แล้ววังเหว่ยเพียงแค่ไม่อยากให้บริษัทต้องเสียชื่อเสียง เรื่องของความไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตน จึงลงโทษเขาให้คุกเข่าอยู่หนึ่งวัน
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าลู่เฉินไม่เพียงแต่รู้จักกับวังเหว่ย แต่กลับเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้!
ส่วนคนอื่นๆก็ตกตะลึงไปตามๆกัน เขาคิดไม่ถึงว่าวังเหว่ยจะไม่ถามถึงเรื่องใดๆก็ตบเสี่ยวจื่อเหิงเข้าให้ แบบนี้นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เมื่อเห็นเสี่ยวจื่อเหิงถูกตบ พวกเขาก็เงียบกริบแทบไม่กล้าแม้แต่หายใจ
“คำพูดของคุณลู่เมื่อสักครู่ได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่ไหม มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า?” หลังจากวังเหว่ยตบเข้าให้ที่หน้าของเสี่ยวจื่อเหิง เขาก็เริ่มควบคุมสติได้แล้วถามออกมาว่า
“คุณวังครับ ลู่เฉินเขาเป็น……”เสี่ยวจื่อเหิงเมื่อรู้ว่าตนไม่มีโอกาสทำงานที่นี่อีกต่อไปแล้ว แต่ก่อนที่เขาจะจากไปเขาจะต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้ว่าลู่เฉินเป็นเจ้าของบริษัทนี้จริงหรือไม่ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะรู้สึกไม่สบายใจไปตลอดชีวิต
หากลู่เฉินเป็นเจ้าของบริษัทนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาได้หาเรื่องลู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วลู่เฉินจะไล่เขาออกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และเขาก็เข้าใจดี
หากจะโทษก็โทษที่ตนเองมีตาหามีแววไม่ แม้แต่เจ้าของบริษัทก็กล้าหาเรื่อง
“ถ้าไม่อยากตาย ผมแนะนำให้คุณปิดปากตัวเองให้สนิทหลังออกจากบริษัทนี้ไป เชื่อหรือไม่ว่าการที่จะทำให้คุณหายไปจากโลกนี้ สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงแค่คำพูดคำเดียวก็ทำได้ หรือแม้แต่โทรศัพท์แค่ไม่ถึงครึ่งนาที” วังเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เสี่ยวจื่อเหิงสะท้านไปทั้งตัว เขาเชื่อในคำพูดของวังเหว่ย แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจนั่นก็คือทำไมลู่เฉินเป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่เช่นนี้ทำไมเขาถึงได้มีเงินมากขนาดนี้กัน?
แต่ต่อให้เขาไม่เชื่อก็จะทำอะไรได้
“คุณวังครับ ผมขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง” เสี่ยวจื่อเหิงโค้งคำนับวังเหว่ยด้วยความจริงใจ จากนั้นหันหลังตรงกับเข้าไปยังห้องทำงานของตนเองเพื่อเก็บของ
ถึงแม้ว่าในใจเขาจะรู้สึกแย่
แต่เขาจะโทษใครได้นอกจากตัวเองที่หาเรื่องลู่เฉินตลอดมา
“คุณ!คุณ!คุณ!และคุณ! พวกคุณถูกไล่ออกแล้ว ไม่ต้องถามผมว่าทำไม ถ้าไม่อยากได้เงินเดือนเดือนนี้ก็ลองถามดู” วังเหว่ยวิดชี้ไปยังบรรดาเพื่อนร่วมงานผู้ชายที่ต่อยกับลู่เฉินเมื่อสักครู่
เขารู้จักนิสัยของลู่เฉินดี หากว่าคนพวกนี้ไม่มีปัญหา เขาจะไม่มีทางไล่พนักงานออกอย่างง่ายๆแน่
ครั้งที่แล้วเสี่ยวจื่อเหิงทำให้เขาต้องโมโห แต่สุดท้ายเขาก็ให้โอกาสเสี่ยวจื่อเหิง
แต่ลู่เฉินกลับไม่ให้โอกาสพวกเขาเหล่านี้ นั่นหมายความว่าเขาเหล่านี้มีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะอยู่ในบริษัทต่อไป
พวกเขาทั้งหลายตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าวังเหว่ยจะฟังคำพูดของลู่เฉินและไล่พวกเขาออกจริงๆ
เขาเป็นใครกันแน่?
เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวก็สามารถทำให้พวกเขาอยู่หรือไปก็ได้!
พวกเขาเหล่านี้ความคิดไม่ปราดเปรื่องเท่ากับเสี่ยวจื่อเหิง ณ ตอนนี้เองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงคำพูดเดียวของลู่เฉินสามารถทำให้พวกเขาออกจากงานได้แบบนี้
และที่สำคัญคือ พวกเขายังไม่รู้ว่าทำไมลู่เฉินถึงต้องไล่พวกเขาออก
กระทั่งตอนนี้ พวกเขายังไม่รู้ตัวว่าเป็นเพราะเรื่องที่พวกเขาเข้าข้างอยู่หยูลี่ใส่ร้ายเสียวเป่าจึงทำให้พวกเขาต้องตกงาน