พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 241 จั่วชิงเฉิง เสนอแผน
บทที่ 241 จั่วชิงเฉิง เสนอแผน
ตระกูลโจวถือเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ไม่กี่ตระกูลในที่ราบภาคกลาง มีอิทธิพลอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในยวี่โจว แต่ถ้าโจวซุนเฟยถูกฆ่าตายจริงๆ ตระกูลโจวก็คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่
สำหรับลู่เฉินในยวี่โจว สามารถควบคุมทุกอยากได้ด้วยมือเดียว แต่นั้นเพราะมีเซ่เว่ยเหาคอยสนับสนุนเขา
แต่หลังจากที่ออกนอกยวี่โจวแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับตระกูลใหญ่พวกนั้นได้เลยจริงๆ
เว้นซะแต่จะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว
แต่ในสังคมปัจจุบัน การต่อสู้แบบตัวต่อตัวเป็นเพียงกลยุทธ์เป็นขั้นตอนไป ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีและการป้องปรามเพื่อแก้ปัญหา
พูดง่ายๆก็คือ พื้นฐานของลู่เฉินยังไม่มั่นคงพอ
และถึงแม้ถ้าเขาจะมีการประกาศตัวตนของเขาในฐานะเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี ก็ตาม แต่ผู้ประกอบการท้องถิ่นอยากเช่นสี่ตระกูลมหาอำนาจที่อยู่ในยวี่โจว ในจพวกเขาก็คงจะยังดูถูกลู่เฉินอยู่ดี
ในสังคมนี้ ไม่ใช่ว่าคุณมีเงินมากมายและจะได้เป็นเจ้านายตัวจริง
แต่การแข่งขันที่แท้จริง คือมรดกของครอบครัวและเครือข่ายความสัมพันธ์ของครอบครัวต่างหาก
แต่แม้แต่สี่ตระกูลมหาอำนาจในยวี่โจว ก็ยังเรียกว่าชั้น ‘มรดกเก่า’ ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจั่วหรือตระกูลเฉิน ก็ยังมีช่องว่างบางอย่างระหว่างการชนชั้น “มรดกเก่า” ตัวจริงอันดับต้น ๆ ของสังคม
แน่นอนว่าลู่เฉินมีคุณสมบัตินี้ แต่พอพ่อของเขายุบเมืองหลวงตระกูลลู่ลง เขาก็กลายเป็นเพียงเศรษฐีที่พุ่งพรวด และในสายตาของพวก ‘มรดกเก่า’ เขาเป็นเพียง ‘มรดกใหม่’เท่านั้นเอง
“ มรดกเก่า” เป็นดินแดนที่คนร่ำรวยทุกคนต้องการที่จะไขว่คว้ามาครอบครอง
หากวันหนึ่งลู่เฉินสามารถก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่ง ‘มรดกเก่า’ ได้ วันนั้นเขาจะเป็นผู้นำของตระกูลลู่ และกลายเป็นผู้ทรงพลังอย่างแท้จริง
พอถึงเวลานั้น เพียงแค่โจวซุ่นเฟยกล้าที่จะมายุ่งกับเขา ไม่ว่าจะที่ยวี่โจวหรือที่ไหนเขาก็กล้าที่จะฆ่าโจวซุนเฟยได้อย่างง่ายดาย
เพราะถึงเวลานั้นทั้งครอบครัวของเขา จะมีความสามารถเพียงพอที่จะควบคุมและจัดการเรื่องนี้
แต่หนทางอีกยาวไกลนัก
“อืมฉันเข้าใจ” ตู้เฟยพยักหน้าและหันไปมองเจิงซิน “โทรหาหูเปียวและถามว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่”
หูเปียวส่งจางเหว่ยไปโรงพยาบาล มีโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้าคิวไม่ยาว ก็น่าจะเร็ว
เรื่องนี้จะต้องไม่ยืดเยื้อ อีกฝ่ายจะระแวดระวังอย่างแน่นอนหลังจากรู้ว่านักฆ่าทำงานพลาดและพวกเขาจะต้องหยุดอีกฝ่ายให้ได้เร็วที่สุด
และมีเพียงคนเดียวที่จะช่วยพวกเขาติดต่อกับโจวซุนเฟยได้ในตอนนี้ ก็คือจางเหว่ย
ในเวลานี้โจวซุนเฟยกำลังดื่มอยู่กับ จั่วชิงเฉิง ในคลับที่เปิดโดยบ้านจั่ว
“ พี่โจว ผมคิดว่าที่พี่ส่งคนไปลอบฆ่าลู่เฉินมันดูไม่ค่อยมีเหตุผลนะ” จั่วชิงเฉิง ยกแก้วขึ้นชนแล้วพูดขึ้น
สิ่งที่เรียกว่าศัตรูของศัตรูคือมิตร
แม้ว่า จั่วชิงเฉิง จะถูกโจวซุนเฟย ถูกตรอกหน้าครั้งที่แล้ว และแม้แต่ตระกูลจั่ว ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับโจวซุนเฟย แต่แล้วลู่เฉินก็ก้าวเข้ามาและทำให้พวกเขาทั้งคู่มีศัตรูคนเดียวกัน
นั่นก็คือลู่เฉิน
ดังนั้นทั้งสองคนจึงยิ้มให้กันและร่วมมือกันเพื่อจัดการลู่เฉิน
“เอาไงดีละ?” โจวซุนเฟยถามพลางจิบไวน์แดงในแก้ว
จั่วชิงเฉิง หยิบขวดไวน์อย่างหรูขึ้นมา รินไวน์ให้โจวซุนเฟย และพูดว่า“ พี่ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของของลู่เฉินกับ เซ่เว่ยเหาสินะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้จักตัวตนจริงๆของลู่เฉินก็ตาม แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในยวี่โจวไม่ว่าจะเป็น เซ่เว่ยเหา หรือคนที่คอนสนับสนุนลู่เฉิน คงจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆอย่างแน่นอน ”
หลายคนในยวี่โจวตอนนี้คาดเดาว่าลู่เฉินอาจเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่จากเมืองหลวง หรือใหญ่ๆเมืองอื่น
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของเขากับ เซ่เว่ยเหา ทั้งคู่ต่างก็พูดติดสำเนียงปักกิ่งทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่แปลที่คนจำนวนมากจะคิดว่าลู่เฉินมาจากตระกูลลู่ในปักกิ่ง
โจวซุนเฟยขมวดคิ้วครู่หนึ่ง เพระเขายังไม่ได้ตรวจสอบตัวตนของที่แท้จริงของลู่เฉิน ถ้าหากเบื้องหลังของลู่เฉินคือ เซ่เว่ยเหา จริงๆ นั้นคงเป็นเรื่องยากจริงๆแล้ว
“ นอกจากนี้ ผมไม่คิดว่าคนที่พี่ส่งไป จะฆ่าลู่เฉินได้”
จั่วชิงเฉิง อธิบายว่า : “พี่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเหรอ ที่ครอบครัวจางได้เชิญตงเฟยหลงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้มาท้าทาสู้กับลู่เฉิน เมื่อทุกคนคิดว่าลู่เฉินจะต้องแพ้แน่ๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าลู่เฉินจะชนะได้อย่างง่ายดาย หลังจากเอาชนะตงฟางหลงแล้วคุณรู้ไหมว่าสุดท้ายแล้วตระกูลจางต้องสูญเสียอะไร?”
โจวซุนเฟยตกตะลึงอย่างมาก โดยไม่คาดคิดว่าลู่เฉินจะมีทักษะที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาเคยได้ยินชื่อของตงฟางหลงเช่นกัน เขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ตัวจริงที่ไร้เทียบทาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพ้ให้ลู่เฉินอย่างที่เขาว่ากัน นักฆ่าที่ถูกส่งไปที่นั่นอาจฆ่าลู่เฉินไม่ได้ ในทางกลับกันเขากำลังทำให้งูตื่น
โจวจุนเฟยรู้สึกเสียดาย รู้แบบนี้เขาควรมาปรึกษา จั่วชิงเฉิง ก่อน
“นายพูด” โจวซุนเฟยพยักหน้าและกล่าว
“ในตอนนั้นเขาเกือบจะทำให้ตระกูลจากล้มละลายทั้งตระกูลเลยล่ะ แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ฟังดูเหลือเชื่อไปหน่อย แต่ตระกูลจางก็รู้สึกแย่กับการสูญเสียทางเศรษฐกิจบนพื้นผิวสูงถึง 3 พันล้านหยวน แต่เพราะตระกูลจาง สูญเสียชื่อเสียงอย่างมาก จึงทำให้สูญเสียทรัพย์สินไปอีกอย่างน้อยก็เกือบ 5 พันล้าน พูดได้ว่าเจ็บสาหัสเลยที่เดียวล่ะ ฉันได้ยินมาอีกจางดาวจงไปหาลู่เฉิน เพื่อขอร้องให้เขาพอด้วยตนเองเลยนะ” พวกเขาก็กลัวจริงๆ
“ไอ้เด็กนั่นมันโหดขนาดนั้นเหรอ และเขามีอำนาจมากแค่ไหน ถ้าเพิ่งแค่เซ่เว่ยเหา คนเดียวคงทำได้หรอก ” โจวซุนเฟยพูดด้วยความตกใจ
“พี่โจว นี่ยังไม่หมดน่ะ พี่ต้องฟังที่ฉันพูดก่อน”
จั่วชิงเฉิง หยิบถ้วยขึ้นมาแล้วแตะโจวซุนเฟย อีกครั้งจากนั้นก็ดื่มไปครึ่งถ้วยก่อนที่เขาจะพูดว่า: “ตึกอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มครอบครัวจางถูกไฟไหม้ทั้งหมดโดยเขาฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ได้เอาเอกสารลับออกไปด้วยซ้ำ ต้องใช้เงินชดใช้อย่างน้อยหนึ่งพันล้านหยวนโครงการปี้สุ่ยวาน ครอบครัวจางลงทุนไปเกือบหนึ่งพันล้านหยวนเพื่อสร้างและปรับปรุงใหม่ทั้งหมด แต่ลู่เฉินก็ทำลายมันลงกองกับพื้น นอกจากนี้ยังมี กรีนทาวน์ของตระกูลจางรวมทั้งที่ดินและสิ่งก่อสร้างรวมไปถึงการลงทุนในอนาคตซึ่งมีมูลค่าไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ถูกลู่เฉินบดขยี้ การสูญเสียครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าตระกูลจางสูญเสียเงิน 3 พันล้านหยวน การสูญเสียสิ่งต่างๆบวกกับการสูญเสียหน้าตาของตระกูลจางในยวี่โจว มันถือว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของตระกูลจางแล้วใช่ไหมล่ะ? ”
สีหน้าของโจวซุนเฟยเปลี่ยนไปอย่างมากและเขาไม่คาดคิดว่าลู่เฉินจะเป็นคนแบบนี้ นี่เป็นมันเกินความคาดหมายของเขามากจริงๆ
เขาคิดมาตลอดว่าลู่เฉินเป็นเพียงนักพนันชั้นเซียน จะฆ่าก็ฆ่า ขอแค่เพียงเขาสามารถไดผลประโยชน์อะไรบางอย่าง
ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว คนที่สามารถบังคับให้ตระกูลจางยอมรับและพ่ายแพ้ได้ คุณกล้าพูดได้ไหมว่าเขาเป็นแค่นักพนันชั้นเซียน?
และเขายังได้รับการสนับสนุนจาก เซ่เว่ยเหาอีก
ตระกูลโจวของพวกเขามีผู้สนับสนุนในเมืองหลวงเช่นกัน การเคลื่อนย้ายในปีนี้ ตระกูลโจวของพวกเขาก็เคยวิเคราะห์เช่นกัน
เซ่เว่ยเหา มาที่ยวี่โจวไม่ใช่เพื่อกระจายอำนาจบนพื้นราบ เป็นการชุบทองอีกชั้น ตราบใดที่เขาอยู่ในยวี่โจวและไม่ได้ทำอะไรผิด เขาก็สามารถเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆมีคนที่มีอำนาจขนาดนี้หนุนหลังลู่เฉินอยู่ แต่เขากลับจะฆ่าลู่เฉิน พูดง่ายๆก็คือเขากำลังหาเรื่องลำบากให้กับครอบครัวโจวของเขาอยู่
เมื่อคิดดีแล้ว โจวซุนเฟยรีบโทรแจ้งให้คนยกเลิกการลอบฆ่าลู่เฉิน
“ฉันหวังว่ามันจะสายเกินไปนะ” โจวซุ่นเฟยคิดอย่างกังวลหลังจากโทรออกไป
เมื่อมองไปที่สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของโจวซุนเฟย จั่วชิงเฉิง ก็ยิ้มอย่างรู้ทันและพูดว่า “พี่โจวฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้นที่จะให้ ลู่เฉินยอมแพ้เราสองครอบครัวของเราอย่างง่ายดาย