พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 370 เดิมพัน
เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของลู่เฉิน หัวใจของหูชอนก็เต้นแรงขึ้น
เขาจ้องมองไปที่ลู่เฉินแต่ก็ไม่เข้าใจว่าลู่เฉินพูดเล่นหรือพูดจริง
เขาหันหลังกลับไปมองดูการแข่งขันในครึ่งหลัง และไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมลู่เฉินถึงกล้าพนันแบบนี้กับเขา
ทีมซือเวยตามอยู่ถึง 2 ประตู แม้ว่าครึ่งหลังนี้พวกเขาจะแลดูค่อนข้างกระตือรือร้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทีมซือเวยไม่มีโอกาสที่จะพลิกมาชนะได้
“คุณลู่ คุณพูดจริงเหรอครับ?” หูชอนถาม
ที่จริงแม้ว่าทีมซือเวยจะกำลังถูกลดระดับในฤดูกาลนี้ แต่หากว่าเขาจะลงทุนอีกสักเล็กน้อยและคัดตัวนักกีฬาที่มีความสามารถเข้ามาในทีม ก็สามารถเข้าสู่ซุปเปอร์ลีกได้ และในตอนนั้นคาดว่าจะทำเงินได้มากกว่า 100 ล้านหยวน
“มีอะไรต้องกลัวกัน ก็แค่เงินร้อยล้าน ต่อให้แพ้ผมก็ไม่แคร์หรอกนะ ก็กลัวแค่ว่าคุณจะไม่กล้าเท่านั้นแหละ” ลู่เฉินหัวเราะออกมา
“แหม คุณลู่ครับ คำพูดนี้นี่มันแทงใจดำจริงๆ คุณเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศ แน่นอนว่าผมไม่กล้าแข่งขันเรื่องเงินเรื่องทองกับคุณหรอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถดูถูกผมได้ ในเมื่อคุณต้องการแบบนั้นผมก็จะร่วมเดิมพันกับคุณด้วย” หูชอนทำทางเบื่อหน่ายออกมา ในวันนี้เขาแสดงได้ดีมากจริงๆ
เขาไม่เหมือนกับลู่เฉิน และในตอนนี้เขาได้ถูกข้อเสนอของลู่เฉินกระตุ้นให้กระตือรือร้น แต่เขาก็กลัวว่าลู่เฉินจะเล่นตลกกับเขา
คนอย่างเขาไม่กล้าที่จะไปกระตุกหนวดเสืออย่างลู่เฉิน แต่การที่ลู่เฉินจะทำการตุกติกกับเขา ตัวเขาเองก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้
ก่อนอื่นเขาต้องปิดปากลู่เฉินเอาไว้ก่อน
“โอเคตกลงตามนั้น ถ้าอย่างนั้นเรามาลองดูกันเถอะ” หูชอนพูด
“ครับ ต้องการทนายความหรือพยานไหม?” หูชอนถาม
ถ้าเขาแพ้เขาคงไม่กล้าจะตุกติก แต่หากลู่เฉินแพ้และผิดสัญญาเขาก็คงทำอะไรไม่ได้
เขาจะไปกล้าสู้กับลู่เฉินได้ยังไง?
เขาไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ออกไปด้วยซ้ำ
เพราะเขาเชื่อว่าหน้าที่ตำแหน่งและฐานะของลู่เฉินนั้น การที่ลู่เฉินจะทำให้เขาหมดหนทางเป็นเรื่องง่ายดายขนาดไหน
“คุณคิดว่าจำเป็นไหม?” ลู่เฉินมองมาทางหูชอนแล้วยิ้มขึ้น
หูชอนตกตะลึงและรู้สึกถึงลางไม่ดี
แต่เขาก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าอย่างไรก็ตามในวันนี้เขาคงไม่พ่ายแพ้ เนื่องจากทีมฟุตบอลของเขาได้นำหน้าไป 2 ประตูต่อ 1 แล้ว มีเวลาอีกเพียงครึ่งหนึ่ง ต่อให้ลู่เฉินให้กำลังใจกับทีมของเขาแล้วแต่นักกีฬาพวกนั้นก็ใช่ว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ตามต้องการ
ดังนั้นขอเพียงแค่เขาไม่พ่ายแพ้ เขาก็จะไม่ขาดทุนและยังอาจจะได้รับเงินของลู่เฉินด้วย
เมื่อคิดได้ดังนั้นหูชอนก็ไม่ได้ไปจริงจังกับเรื่องนี้อีก หากว่าสุดท้ายลู่เฉินแพ้และไม่ยอมมอบทีมฟุตบอลให้ แต่คาดว่าลู่เฉินก็คงจะให้อย่างอื่นเป็นการสิ่งทดแทน
การแข่งขันและการเดิมพันของทั้งสองดำเนินไปเรื่อยๆ ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มรู้สึกถึงความหวาดกลัว
นี่เป็นการเดิมพันที่กำหนดชะตากรรมของทีมทีเดียว!
ณ สนามแข่งขัน
ตอนนี้นักกีฬาทีมซือเวยทุกคนกระตือรือร้นยิ่งกว่าใดๆ หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาทำให้นักกีฬาอื่นต้องบาดเจ็บแต่ก็ไม่ให้ทีมจงไห่ได้ลูกดีๆไป
การแข่งขันเริ่มดุเดือด ทุกคนคล้ายกับหมาบ้าที่คอยวิ่งไล่ลูกบอล
ไม่ว่าบอลจะไปที่ไหนนักกีฬาที่อยู่ใกล้ลูกบอลที่สุดของทีมซือเวยก็จะวิ่งเข้าไปอย่างสุดชีวิต ไม่ให้ทีมจงไห่มีโอกาสแม้จะแตะลูก
ทีมจงไห่ไม่ได้เห็นทีมซือเวยอยู่ในสายตาเท่าไหร่นัก อีกทั้งพวกเขาได้นำไปแล้ว 2 ประตู ดังนั้นครึ่งหลังพวกเขาจึงได้ผ่อนคลายลงไม่น้อย
หลังจากถูกทีมซือเวยเล่นงานอย่างหนักหน่วง พวกเขาก็เริ่มรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ เพราะคิดว่านี่เป็นการต่อสู้ในเครื่องสุดท้ายของพวกที่กำลังจะหมดสิ้นความหวัง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 60 นาที ทีมจงไห่ก็สูญเสียประตูให้กับทีมซือเวยไป 1 ประตู
บอลอยู่ในมือของพวกเขา กองหลังคนหนึ่งของทีมซือเวยกำลังป้องกันลูกบอลอยู่ ส่วนที่เหลือกำลังวิ่งมาข้างหน้าอย่างสุดแรง จากนั้นหนึ่งในนักฟุตบอลของทีมซือเวยได้เข้าไปเตะลูกบอลออกไป ทะลุแนวป้องกันของทีมจงไห่
อาจจะเพราะว่าการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้ทีมจงไห่ยังไม่เคยให้กองหลังของพวกเขาขึ้นมาแตะลูก ดังนั้นผู้รักษาประตูของพวกเขาจึงค่อนข้างผ่อนคลายและไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
บัดนี้เองกองหน้าของทั้งสองทีมวิ่งไล่ลูกบอลอย่างเต็มที่ จากนั้นทีมซือเวยได้นำหน้าและทิ้งนักเตะทีมจงไห่ไว้ข้างหลัง
เมื่อผู้รักษาประตูเห็นการโจมตี กองหน้าฝั่งซ้ายก็แยกตัวออก กองหน้าฝ่ายขวาได้ลูกบอลไป กองหน้าฝ่ายซ้ายนั้นส่งบอลไปให้กับฝ่ายขวาและฝ่ายขวาก็ยิงเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
เข้าแล้ว!!!
เมื่อลูกบอลถูกยิงเข้าไป เสียงตะโกนคำรามก็ดังขึ้นอย่างดุเดือด จากนั้นตามด้วยเสียงโห่ร้องของแฟนๆกว่าหกหมื่นคน
ทุกคนลุกขึ้นยืนและโห่ร้องมองไปทางผู้เล่นในสนามด้วยท่าทางดีใจ
ครึ่งแรกที่ผ่านมา แฟนๆทุกคนต่างมองไปที่ทีมซือเวยแล้วรู้สึกผิดหวัง
เมื่อทีมซือเวยทำแต้มได้ ความรู้สึกอึดอัดใจของพวกเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมา
ณ วินาทีนี้ไม่มีใครมัวแต่มานั่งสนใจรูปลักษณ์ของตัวเอง ล้วนส่งเสียงด้วยความยินดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินจื่อหรานที่กระโดดโลดเต้นไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เรียบร้อย
วินาทีนั้นทุกคนพากันขอร้องเรียกชื่อทีมซือเวยไม่ขาดสาย
ลู่เฉินเองก็ลุกขึ้นและปรบมือให้กับทีมนักกีฬา
นี่คือภาพที่เขาต้องการ ทุกคนกระตือรือร้น ไม่ว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้าจะแข็งแกร่งเพียงไหน แต่พวกเขาก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด
นี่คือภาพที่เขาอยากเห็น
สีหน้าของหูชอนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะพนันไปกับลู่เฉิน แต่ที่นักกีฬาของตนเองสูญเสียประตูไปได้ทำให้เขาเริ่มเกิดความกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเห็นได้ว่าท่าทางเขานักกีฬาทีมซือเวยตอนนี้คล้ายกับครึ่งแรกของนักกีฬาของพวกเขา ที่พยายามต่อสู้เพื่อชัยชนะ
และกลับกัน นักกีฬาในทีมจงไห่ของพวกเขาเป็นเหมือนกับทีมซือเวยในครึ่งสนามแรกที่เล่นไปด้วยความไร้เรี่ยวแรง และไร้จุดหมาย
แม้ว่าพวกเขาจะนำอยู่ 1 ประตู แต่หากเป็นสถานการณ์อย่างนี้ต่อไปก็ค่อนข้างจะอันตราย
ถ้าเขาแพ้เขาจะกล้าไม่มอบทีมฟุตบอลให้ลู่เฉินเหรอ?
ต่อให้ไม่มีพยานเขาก็ไม่กล้าจะตุกติก
นอกเสียจากเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
“คุณหู เพิ่งจะยิงเข้าไปประตูเดียวเท่านั้นเอง ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” ลู่เฉินมองเห็นสีหน้าของหูชอนแล้วก็พูดออกมา
การที่เขากล้าเดิมพันก่อนหน้านี้เนื่องจากเห็นว่าสมาชิกในทีมทุกคนของทีมซือเวยนั้นต่างเป็นไปด้วยความมุ่งมั่นก่อนลงสนาม
ทุกคนเต็มไปด้วยกำลังใจ และพร้อมที่จะต่อสู้ หากในสถานการณ์อย่างนี้พวกเขายังแพ้ ลู่เฉินเองก็ต้องยอมรับ เขาจะไม่เข้าไปพัฒนาทีมฟุตบอลอย่างนี้อีก ถ้าเป็นเช่นนั้นสู้มอบให้คนอื่นไปดูแลจะดีกว่า
“คุณลู่คิดมากไปเองแล้วครับ แม้ว่าพวกคุณจะทำประตูได้เพียง1ประตู แต่ก็ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง พวกผมยังนำอยู่อีก 1 ประตู อีกทั้งทีมฟุตบอลของผมแข็งแกร่งกว่าทีมฟุตบอลของคุณมากเหลือเกิน การแข่งขันจะออกมาในรูปแบบไหนยังไม่รู้หรอกนะครับ”
หูชอนตอบกลับ