พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 413 นักฆ่าสาวสวย
บทที่ 413 นักฆ่าสาวสวย
ลู่เฉินพูดคุยแนวคิดเรื่องฟุตบอลให้เฉินชูหรันฟังอีกสักพัก เฉินชูหรันฟังไปด้วยพลางจดบันทึกไปด้วย จากนั้นก็เพิ่มความเห็นของเธอลงไปเพื่อเตรียมไปหารือกับสมาคมฟุตบอลเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากที่กลับมาจากตงอิ๋ง
ตราบใดที่แผนของลู่เฉินถูกนำมาใช้ มันจะเป็นการปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับสมาคมฟุตบอลหัวเซี่ย
ลองคิดดูว่าถ้าแต่ละมณฑลมีการแข่งขันลีกทุกระดับและมีเงินสนับสนุนเพียงพอที่จะสามารถจัดการแข่งขันวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า และมีความหวังที่จะพัฒนาเข้าสู่การเป็นลีกวันหรือซูเปอร์ลีกได้ ทั้งประเทศก็จะสามารถสร้างฐานมวลชนฟุตบอลและรากฐานของลีกได้เหมือนกับของยุโรป พอถึงตอนนั้นสมาคมฟุตบอลหัวเซี่ยจะต้องก้าวหน้าจนฉุดไว้ไม่อยู่!
ดังนั้นเฉินชูหรันเองก็ตื่นเต้นมาก เธอคิดถึงอุปสรรคที่เป็นไปได้ไว้หมดแล้ว จากนั้นทำการเปรียบเทียบและจำลองวิธีแก้ปัญหา
แน่นอนว่าถ้าหากการเจรจากับสมาคมฟุตบอลล้มเหลว ลู่เฉินก็ยังมีแผนของตัวเอง
เขาไม่สามารถทำตามขอบเขตของทั้งประเทศได้ แต่ทั้งสามมณฑลของซีหนาน เขามีความสามารถพอที่จะสร้างลีกระดับมณฑลในสามมณฑลนี้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
ตราบใดที่เขาเริ่มต้นได้ดี ทั้งประเทศจะทำตามอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องไปแก้ปัญหาการคว่ำบาตรที่ตงอิ๋ง วันนี้จึงได้แต่แยกความคิดนี้ออกไปก่อน
……
วันรุ่งขึ้นลู่เฉินกับเฉินชูหรันก็นั่งเครื่องบินมาถึงจงไห่ เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว พวกเขาจึงขอให้สวี่ซูถิงเตรียมรถมารับไปที่ท่าเรือ
เมื่อทั้งสองขึ้นเรือสำราญก็มีสาวน้อยคนหนึ่งมองมาที่แผ่นหลังของลู่เฉิน เธอดูรูปของลู่เฉินผ่านหนังสือพิมพ์ในมือของเธอ จากนั้นก็เดินไปที่เรือสำราญ
แต่เนื่องจากเธอไม่มีตั๋ว เธอจึงถูกลูกเรือสำราญรั้งตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หยุดความมุ่งมั่นของหญิงสาวในการขึ้นเรือ เธอขัดขวางคนวัยกลางคนที่กำลังจะขึ้นเรือสำราญไว้คนหนึ่ง ในที่สุดก็ซื้อตั๋วจากคนวัยกลางคนในราคาสิบเท่า จากนั้นก็ขึ้นเรือได้สำเร็จ
นี่คือเรือสำราญที่หรูหราระดับไฮเอนด์ บนเรือสำราญไม่ได้มีเพียงแค่สระว่ายน้ำหรือดาดฟ้าชมวิวเท่านั้น แต่ด้านบนดาดฟ้าของเรือยังมีที่ลงจอดเฮลิคอปเตอร์และยังมีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่บนนั้นอีกด้วย
เรือสำราญมีทั้งหมดห้าชั้น ห้องอาหารชั้นเลิศ ห้องสันทนาการ บาร์ ห้องเต้นรำ คาสิโน หรืออะไรที่สมควรมีก็มีทุกอย่าง บรรดาแขกอยากเล่นอะไรก็เล่นได้หมด
ห้องของลู่เฉินและเฉินชูหรันอยู่ชั้นสาม ทั้งสองห้องอยู่ติดกัน การตกแต่งภายในเทียบได้กับห้องพักในโรงแรมระดับห้าดาว
หลังจากรับกุญแจห้องแล้ว เฉินชูหรันก็วางกระเป๋าเดินทางแล้วชวนลู่เฉินขึ้นไปชมวิวทะเลที่จุดชมวิวด้วยกัน
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร ลู่เฉินจึงพยักหน้าตอบรับคำเชิญของเฉินชูหรัน จากนั้นก็ขึ้นไปชมวิวทะเลที่จุดชมวิวด้วยกัน
จุดชมวิวบนเรือสำราญมีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก สถานที่ต่างๆก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศ บ้างก็โสด บ้างก็มาเป็นคู่ และบางคนก็มากันเป็นครอบครัวหลายคน ทุกคนต่างก็ถือกล้องถ่ายรูปถ่ายท้องทะเลใหญ่หรือไม่ก็ถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นทะเล บ้างก็หัวเราะ บ้างก็สนุกสนานเฮฮา
เฉินชูหรันกำลังถ่ายรูปทะเลโดยมีกล้องแขวนอยู่ที่หน้าอก ลู่เฉินยืนอยู่ข้างๆเธอ แต่เขาไม่สนใจที่จะถ่ายรูป แค่เพียงคุยกับเฉินชูหรันไม่กี่ประโยค
“ให้ฉันถ่ายรูปคุณสักรูปเป็นไง” เฉินชูหรันยิ้มพร้อมกับเดินไปหาลู่เฉิน
“มีอะไรให้ถ่าย” ลู่เฉินเลิกคิ้ว
“ขี้เหนียวจัง มีคนตั้งหลายคนอ้อนวอนให้ฉันถ่ายรูปให้พวกเขา แต่ฉันไม่สนใจแม้แต่น้อย” เฉินชูหรันโพล่งออกมา เธอไม่สนคำตอบของลู่เฉินและยกกล้องถ่ายรูปถ่ายลู่เฉินไปตรงๆ
ลู่เฉินยิ้มโดยไม่สนใจเธอ
ในขณะนี้จู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งการสังหารอันแผ่วเบาที่มาจากทางด้านหลัง กลิ่นอายสังหารนี้มาขาดๆหายๆราวกับว่าคนคนนั้นกำลังลังเล
ทันใดนั้นลู่เฉินก็หันกลับมาและเห็นสาวน้อยคนหนึ่งกำลังเดินมาหาเขา สาวน้อยคนนี้แต่งตัวเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่กลับมีหน้าตาสะสวย เธอดูเก้ๆกังๆเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินชูหรันเลย จึงทำให้ลู่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย แต่ในขณะนี้ออร่าแห่งการสังหารหายไปอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ คุณก็จะไปตงอิ๋งเหมือนกันหรือคะ” เซียวจื่อซินตื่นตระหนกเมื่อเห็นลู่เฉินหันกลับมามองเธอ
“อืม” ลู่เฉินพยักหน้าและไม่พูดอะไร ในใจสงสัยมากว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาเดาได้คร่าวๆว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องตั้งใจมาสู้กับเขาแน่ๆ
เพียงแค่เขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะใช้เล่ห์กลอะไรเพื่อจัดการเขา และใครเป็นคนส่งเธอมา
“ฉันชื่อเซียวจื่อซิน ไม่ทราบว่าพี่ชายชื่ออะไรคะ” เซียวจื่อซินใบหน้าเรียบเฉยแต่ใจร้อนลน
“ลู่เฉิน” ลู่เฉินพยักหน้าตอบอย่างเฉยเมย
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับเธอมากนัก เซียวจื่อซินจึงหันกลับมาและยิ้มให้เฉินชูหรันที่มองมาทางเธอ“พี่สาวท่านนี้สวยจัง เหมาะกับพี่ลู่เฉินอย่างกับกิ่งทองใบหยก ให้ฉันถ่ายรูปคู่ให้พวกคุณไหมคะ ฉันมีฝีมือถ่ายรูปนะ”
เฉินชูหรันเลิกคิ้วและรู้สึกว่าเซียวจื่อซินดูผิดปกติ แต่ผิดปกติอะไรนั้นเธอก็เดาไม่ถูก อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าเซียวจื่อซินเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เฉินแล้ว เธอก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รอให้ลู่เฉินอธิบาย จากนั้นก็ยิ้มไปตรงๆ “ขอบใจนะ ฉันชื่อเฉินชูหรัน”
ในขณะที่พูดก็เอากล้องส่งให้เซียวจื่อซิน จากนั้นก็ลากลู่เฉินมาข้างๆโดยไม่ให้ลู่เฉินมีโอกาสได้อธิบาย
ลู่เฉินยักไหล่อย่างอธิบายได้ยาก เขาไม่รู้ว่าเฉินชูหรันกำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งสองหันหลังให้กับทะเลภายใต้การเข้าหาของเฉินชูหรัน หลังจากโพสไปไม่กี่ท่าและถ่ายไปได้สักพัก เฉินชูหรันก็ถึงจะปล่อยลู่เฉินไป
อาจเป็นเพราะเซียวจื่อซินไม่ได้แสดงท่าทางต้องการสิ่งใด เฉินชูหรันจึงพูดคุยกับเธอ
เนื่องจากก่อนหน้านี้เซียวจื่อซินเผยแสดงเจตนาต้องการจะฆ่าเขามาก่อน และลู่เฉินเองก็มองออกว่าเซียวจื่อซินเป็นคนมีศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเซียวจื่อซินในขณะที่ชมทะเลไปด้วย
เขารู้ดีว่าเซียวจื่อซินต้องการลอบฆ่าเขา เธอจึงไม่ควรเผยตัวจนให้เฉินชูหรันรู้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ
เมื่อดูสถานการณ์ของเซียวจื่อซิน เธอพยายามเป็นมิตรกับพวกเขาซะส่วนใหญ่และรอให้พวกเขาคลายความสงสัยถึงจะลงมือ
เมื่อคิดได้ดังนี้ ลู่เฉินจึงเผยแววตาเจ้าเล่ห์
เขาอยากเห็นว่าเซียวจื่อซินจะอดทนไปได้นานสักแค่ไหนกว่าจะลงมือ
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงในไม่ช้า บรรดานักท่องเที่ยวต่างพากันทยอยกลับเข้าไปในเรือเพื่อหาของกินที่พวกเขาโปรดปรานเป็นมือเย็น
พวกลู่เฉินสามคนก็เข้ามาถึงห้องอาหารบุฟเฟต์ พอสั่งอาหารที่ชอบแล้วก็นั่งทานบนโต๊ะเดียวกัน
ในเวลานี้คนตงอิ๋งสองคนที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องอาหารมองไปทางเฉินชูหรันและเซียวจื่อซินด้วยแววตาเป็นประกาย
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าที่สวยงามของเฉินชูหรันและเซียวจื่อซินทำให้พวกเขาผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที