พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 69 วังเหวินเสวี่ย
บทที่ 69 วังเหวินเสวี่ย
หัวหน้าหลินคะ ฉันนัดกับผู้จัดการหยุนเรียบร้อยแล้วค่ะ เขาให้พวกเราไปหาเขาได้เลยตอนนี้” เมื่อถึงเวลาสามโมง หลิวหยานฉีเดินมาที่ห้องทำงานของหลินอี้จุนแล้วพูดขึ้น
“อืม” หลินอี้จุนพยักหน้าตอบรับ เธอรีบเก็บเอกสารแล้วเดินออกไปพร้อมหลิวหยานฉี
“หัวหน้าหลินคะ รถคุณสวยจังเลย” เมื่อเดินมาถึงรถหลินอี้จุน หลิวหยานฉีก็เอ่ยชมขึ้น
หลินอี้จุนยิ้ม รถA6ก็ได้เท่านี้ละ จะไปสู้กับรถหรูได้อย่างไร แต่ถ้าเทียบกับรถในประเทศแล้ว ก็ถือว่าพอสู้ได้
“นัดเจอกันที่ไหนคะ?” หลินอี้จุนถามขึ้นเมื่อขึ้นรถ
“New Century Hotel” หลิวหยานฉีตอบ
หลินอี้จุนพยักหน้า แล้วขับรถไปยัง New Century Hotel
New Century Hotelนั้นตั้งอยู่ที่หยูโจวใต้ ถ้ารถไม่ติดละก็ คาดว่าสี่สิบนาทีก็คงถึง
เวลาสี่โมงเย็น พวกเธอทั้งสองเดินทางมาถึงNew Century Hotel เมื่อนำรถเข้าจอดเรียบร้อย ทั้งสองก็เดินเข้าไปในโรงแรม
หลิวหยานฉีโทรศัพท์หาฝั่งตรงข้าม ซึ่งบอกให้พวกเธอขึ้นมาได้เลย
เมื่อมาถึงห้องวีไอพี หลิวหยานฉีสังเกตุเห็นว่าในห้องมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง เธอคิดว่าเป็นผู้ช่วยของหยุนแดนหวู่ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
ผู้จัดการหยุนคะ นี่คือหัวหน้าหลินค่ะ หัวหน้าหลินคะ นี่คือผู้จัดการหลี่ที่ฉันพูดถึงค่ะ” หลิวหยานฉีแนะนำ
“หัวหน้าหลิน สวัสดีครับ มาๆๆ นั่งก่อนๆ” หยุนแดนหวู่ยิ้มต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
“สวัสดีค่ะ”หลินอี้จุนพยักหน้า แล้วลากเก้าอี้เข้ามานั่ง
“ท่านผู้นี้คือประธานใหญ่ของบริษัทเรา ชื่อประธานวัง ท่านได้ยินว่าหัวหน้าหลินจะมาทำการเจรจาด้วยตนเองก็ให้ความสำคัญมาก ท่านจึงได้เดินทางมาด้วยตนเองเช่นกันในวันนี้” หยุนแดนหวู่ พูดแล้วแนะนำขึ้น
“สวัสดีครับ” ผู้บริหารวังยิ้มให้หลินอี้จุน สายตาของเขามองมาทางเธอแล้วยื่นมือออกไปอย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะผู้บริหารวัง” หลินอี้จุนยื่นมือออกไปจับมือกับเขา
“ผู้จัดการหยุน เรียกพนักงานเสิร์ฟเสิร์ฟอาหารได้” ประธานวังกล่าว
เมื่อเห็นสายตาประธานวังมองมาที่หลินอี้จุนคล้ายแอบแฝงบางอย่างไว้ หลิวหยานฉีในใจก็นึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
เธอทำงานด้านการขายมาหลายปี พบปะกับผู้ชายทุกประเภท หลิวหยานฉีรู้ได้ทันทีด้วยความรู้สึกของเธอว่าสายตานั้นมีวัตถุประสงค์อื่น
ตอนเข้ามาเธอคิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยของ หยุนแดนหวู่ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
คาดไม่ถึงว่าเขาเป็นหัวหน้าใหญ่ของ หยุนแดนหวู่ นี่เป็นการตั้งใจอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อนึกได้ดังนั้นเธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา หากเกิดเรื่องมิดีมิร้ายกับหลินอี้จุนขึ้น เธอเองก็คงจบสิ้นเช่นกันในบริษัท
อย่าว่าแต่เลื่อนตำแหน่งเลย ถ้าเธอไม่โดนไล่ออกก็ถือว่าบุญแล้ว
อีกไม่กี่นาทีอาหารก็ขึ้นครบ ผู้บริหารวังชวนให้พวกเธอดื่มเหล้าไม่ขาดปาก
“ขอโทษนะคะผู้บริหารวัง วันนี้ฉันไม่ค่อยสบายจริงๆ ดื่มไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ” หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว หลินอี้จุนก็กล่าวปฏิเสธ
“หัวหน้าหลินทำอย่างนี้ได้ยังไงครับ คุณดูสิการเจรจาครั้งนี้ผู้บริหารวังเดินทางมาด้วยตนเองแท้ๆ พูดตามหลักความจริงแล้วทางคุณต้องเป็นผู้บริหารเสี้ยเดินทางมาด้วยซ้ำ แต่ผู้บริหารวังของเราเป็นคนไม่เรื่องมากและไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่คุณทำอย่างนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติประธานของเราเลยนะครับ” หยุนแดนหวู่ พูดอย่างไม่เต็มใจ
หลินอี้จุนขมวดคิ้ว เธอไม่ใช่คนโง่ สายตาที่ผู้บริหารวังมองมาที่เธอนั้นชัดเจนว่ามีวัตถุประสงค์อื่น ตั้งแต่เริ่มรับประทานอาหารเขาก็ชวนให้เธอกินเหล้าไม่หยุด นี่มันจงใจชัดๆ
“ผู้บริหารวังคะ หัวหน้าหลินของเราไม่สบายจริงๆช่วง 2-3 วันมานี้พวกเราก็เห็นกันทุกคน ฉันขอดื่มแทนเองนะคะ” เมื่อเห็น หยุนแดนหวู่ บังคับหลินอี้จุน เธอจึงรีบลุกขึ้นแล้วออกตัวดื่มเหล้าแก้วนั้นแทน
“เสี่ยวหลิว นี่คุณกำลังหักหน้าผมอยู่งั้นเหรอ” ผู้บริหารวังมองมาทางเธอแล้วหรี่ตาลง
“ผู้บริหารวังคะ พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ถ้าหากว่าท่านจะกล่าวหาฉันเช่นนี้ ฉันคงต้องดื่มทำโทษตัวเองสัก 3 แก้วก่อน” หลิวหยานฉียิ้มแล้วยกเหล้าเข้าดื่ม
เมื่อหลิวหยานฉีดื่มทั้ง 3 แก้วเสร็จ หยุนแดนหวู่ จึงพูดว่า “คุณหลิวครับ ผู้บริหารวังของเราหมายความว่า คุณยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดื่มให้เขาได้”
หลิวหยานฉีตกตะลึง ในใจของเธอรู้สึกต่ำต้อย แต่ในฐานะพนักงานขายที่มีประสบการณ์มาหลายปี เธอจัดการความรู้สึกของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
“ใช่ค่ะ ในที่นี้มีแค่หัวหน้าหลินคนเดียวที่ควรคู่ต่อการดื่มให้ผู้บริหารวัง แต่ว่าหัวหน้าของเราวันนี้ไม่สบายจริงๆ ขอให้ผู้บริหารวังเห็นใจพวกเราด้วย แล้วหวังว่าจะให้โอกาสเราในวันนี้” หลิวหยานฉียิ้มตอบ
ผู้บริหารวังหรี่ตามอง หยุนแดนหวู่ เห็นเหตุการณ์ขึ้นจึงได้ใช้มือตบลงที่โต๊ะ “ปึง” แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “หลิวหยานฉีคุณก็เป็นแค่พนักงานขายธรรมดาๆคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับผู้บริหารเรา”
หลิวหยานฉีตกใจ เธอรู้ว่าภายในวันนี้หลิวหยานฉีจะให้พวกเธอดื่มจนเมา แต่ไม่คิดว่าจะฉีกหน้าพวกเธอเช่นนี้
“พอได้แล้วค่ะ วันนี้ก็เท่านี้แล้วกันนะ ฉันคิดว่าผู้บริหารวังเองก็คงไม่อยากเจรจากับพวกเราต่อแล้ว” หลินอี้จุนลุกขึ้น แล้วเตรียมตัวเดินออกไป
“คิดจะกลับก็กลับอย่างนั้นเหรอ?พวกเธอเห็นประธานวังเป็นอะไร?” หยุนแดนหวู่ ถามขึ้น
“เป็นพวกคุณเองที่ไม่มีความต้องการเจรจากับเรา และอีกอย่างพวกเราก็มาแล้ว” หลินอี้จุนขมวดคิ้ว
“ยังไม่ได้พูดอะไรกันสักประโยคก็จะกลับแล้ว อย่างนี้หมายความว่ายังไง” หยุนแดนหวู่ ถาม
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเอกสารก่อนหน้าที่หลิวหยานฉีส่งมาให้พวกคุณ พวกคุณหากคิดว่าไม่มีปัญหาก็เซ็นสัญญาเสีย แต่ถ้ามีปัญหาก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” หลินอี้จุนพูดด้วยเสียงทุ้ม
“อี้จุน การกระทำของคุณแบบนี้ยังอยากจะให้เราเซ็นสัญญาด้วยอีกเหรอ คุณบริสุทธิ์ไปหรือเปล่า?หรือคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่?” หยุนแดนหวู่ ถามขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก หลิวหยานฉีเราไปกันเถอะ การขายครั้งนี้ฉันจะหาวิธีชดเชยให้เธอเอง” หลินอี้จุนพูดแล้วเดินออกจากห้องไป
ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเจตนาจะเจรจาด้านธุรกิจกับพวกเธอตั้งแต่แรก สายตาเขาจับจ้องมาที่ร่างกายของทั้งสองคน ยังมีอะไรที่ต้องคุยกันอีก การขายครั้งนี้แม้จะเป็นจำนวนไม่น้อย แต่เธอก็ไม่สามารถยอมแลกศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อการขายนี้ได้
แต่เมื่อทั้งสองเดินไปเปิดประตูห้องออก ก็พบชายหนุ่มร่างกายกำยำสองคนยืนอยู่ที่ข้างหน้าประตู และมองมาที่พวกเธอ
พวกเธอทั้งสองตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนสี
“ผู้บริหารระวังค่ะ นี่หมายความว่ายังไง?” หลินอี้จุนหันหลังมาถามขึ้น
“หมายความว่ายังไง? พวกเธอทั้งสองล่วงเกินผู้บริหารวัง คิดว่าจะไปได้ง่ายๆอย่างนี้เหรอ พวกเธอเห็นผู้บริหารวังเป็นคนยังไง” หยุนแดนหวู่ หัวเราะเยาะ
“ฉันไม่ค่อยสบาย ไม่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนพวกคุณก็บอกว่าฉันล่วงเกินอย่างนั้นเหรอ นี่มันเหตุผลอะไรกันคะ?” หลินอี้จุนโมโห
“หลินอี้จุน ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือว่า ผู้บริหารวังเราเป็นคนอย่างไร พวกเธอทั้งสองก็เป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ กล้าทำให้ผู้บริวารวังไม่พอใจ ต่อไปผู้บริหารวังจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” หยุนแดนหวู่ กล่าว
หลิวหยานฉีสีหน้าเปลี่ยนไปเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาและกระซิบที่ข้างหูหลินอี้จุนว่า “หัวหน้าหลินคะ ผู้บริหารวังคนนี้ก็คงจะเป็นวังเหวินเสวี่ย เป็นลูกชายคนโตของบ้านตระกูลวัง ได้ยินมาว่าเขานั้นหลงในกามโลกีย์ อีกทั้งชอบใช้กำลัง รังแกคนที่อ่อนแอกว่า”
วังเหวินเสวี่ย ?
หลินอี้จุนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่าชื่อนี้เธอคุ้นหูนัก ได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อนมีหญิงสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งถูกเขาทำร้าย จนเธอรับไม่ได้กระโดดตึกจากชั้น 20 ลงมา
หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ไม่มีใครกล้าเอาผิดกับเขา เห็นได้ชัดว่าบ้านตระกูลวังนั้นมีอำนาจใหญ่โตเพียงใด
“หัวหน้า ออกไปก่อนแล้วตามคนมาช่วยฉันนะ” หลิวหยานฉีส่งสายตามาทางหลินอี้จุน แล้วใช้จังหวะที่ชายสองคนนั้นไม่ทันระวังตัวเตะพวกเขาเข้าให้
ทั้งสองยังไม่ทันได้ระมัดระวังตัว เมื่อโดนทำร้ายเข้าก็ทรุดลงไปกองที่พื้น
และในขณะเดียวกันหลิวหยานฉีผลักหลินอี้จุนให้วิ่งออกไปจากห้อง
หลิวหยานฉีวิ่งตามหลินอี้จุนออกมา แต่ถูกชายคนหนึ่งจับตัวไว้เสียก่อน เธอรู้ดีว่าเธอวิ่งหนีไม่พ้น จึงได้หยุดลงเพื่อต้องการถ่วงเวลาให้กับหลินอี้จุนสักหน่อย
เพราะหากหลินอี้จุนออกไปจากโรงแรมได้ พวกเธอทั้งสองถึงจะมีความหวัง