พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 71งานประมูลของสะสมโบราณ
บทที่ 71งานประมูลของสะสมโบราณ
หลิวหยานฉี๋ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพียงแค่รอยถลอกบนใบหน้านิดหน่อย ทายารักษาพยาบาลเบื้องต้นก็ไม่บวมเท่าไหร่นัก
“ผู้อำนวยการหลินคะ ดิฉันขอโทษจริงๆค่ะ ฉันไม่รู้ว่าหยุนแดนหวู่ฮุยจะบ้าคลั่งขนาดนี้” เมื่อออกจากโรงพยาบาล หลิวหยานฉี๋ก็ขอโทษจากใจจริง
“พูดอะไรแบบนั้นคะ เรื่องนี้จะโทษคุณก็ไม่ถูก รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ฉันจะทำเรื่องเบิกค่ารักษาพยาบาลให้เอง” หลินอี้จุนส่ายหัว ก่อนหน้านี้เธอไม่ค่อยถูกชะตากับหลิวหยานฉี๋เท่าไหร่นัก ถึงแม้การที่เธอได้เลื่อนตำแหน่งและหลิวหยานฉี๋ได้เข้ามาขอโทษเธอด้วยตัวเองแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่สบายใจเท่าไหร่นัก
แต่การกระทำของหลิวหยานฉี๋ในวันนี้ทำให้หลินอี้จุนประทับใจมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหยานฉี๋ พวกเธอทั้งสองคงจะ……
“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก” หลิวหยานฉี๋พยักหน้าตอบรับ
“ฉันอายุมากกว่าคุณปีหนึ่ง ต่อไปนี้เรียกฉันว่าพี่หลินแล้วกันนะ อีกอย่างคนจากเทคโนโลยีอี้ฉีมาคัดเลือกพนักงานละก็ฉันจะแนะนำคุณให้นะคะ ถ้าไปที่เทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้ ฉันก็จะพยายามเลื่อนตำแหน่งให้คุณที่นี่” หลินอี้จุนพูดขึ้น
ทางด้านเทคโนโลยีอี้ฉีเธอจะพยายามแนะนำให้เต็มที่ ส่วนด้านบริษัทนี้ดูจากประสบการณ์การทำงานของหลิวหยานฉี๋ สามารถเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าได้ไม่มีปัญหา
“ขอบคุณค่ะพี่หลิน!” หลิวหยานฉี๋ซึ้งใจจริงๆ วันนี้ที่เธอถูกทำร้ายก็คุ้มค่ามากๆ
“วางใจได้ค่ะ เทคโนโลยีอี้ฉีมีตำแหน่งให้คุณแน่นอน” ลู่เฉินมองดูหลิวหยานฉี๋แล้วพูดออกมา ในใจเขาเว้นตำแหน่งไว้ให้หลิวหยานฉี๋เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าความสามารถเธอจะเป็นอย่างไร แต่ในวันนี้เธอออกตัวป้องกันหลินอี้จุน แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเหตุผลการเลื่อนตำแหน่งเธอแล้ว
“พี่ลู่ พูดเหมือนกับเทคโนโลยีอี้ฉีเป็นบริษัทที่พี่เปิดเองอย่างนั้นแหละ” หลิวหยานฉี๋พูดแล้วขำ
“ผมแค่ลองคำนวณดู อีกหนึ่งเดือนคุณจะโชคดี” ลู่เฉินหัวเราะออกมา
“เรื่องที่ไม่มั่นใจอย่าพูดซี๊ซั๊วสิคะ” หลินอี้จุนมองค้อนลู่เฉิน เธอเข้าใจถึงความหมายลู่เฉินดี
ลู่เฉินรู้จักวังเหว่ย และวังเหว่ยเองตอนนี้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานของเทคโนโลยีอี้ฉี เพียงเขาไปพูดอะไรบางไปหลิวหยานฉี๋อาจได้ไปอยู่เทคโนโลยีอี้ฉีจริงๆก็ได้
แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยให้วังเหว่ยช่วยเหลือแล้ว ไม่รู้ว่าวังเหว่ยยังจะยินดีช่วยเขาอีกหรือไม่
เนื่องจากบุญคุณเหล่านี้ ใช้ไปหนึ่งครั้งก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
ลู่เฉินยิ้มและไม่พูดอะไรต่อ
หลิวหยานฉี๋เองไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คิดว่าลู่เฉินเพียงล้อเล่นเท่านั้น
“คุณคิดว่าเราควรแจ้งตำรวจไหมคะ?” หลินอี้จุนถามลู่เฉิน
ลู่เฉินส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกครับ แจ้งตำรวจก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา แต่พวกคุณสองคนวางใจได้ ต่อไปนี้พวกเขาจะไม่มาวุ่นวายกับพวกคุณอีก”
เพราะต่อจากนี้เขาจะเริ่มลงมือจัดการตระกูลวังแล้ว พวกเขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องเล็กน้อยแบบนี้แน่
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปส่งเสี่ยวหลิวก่อน คุณไปรับฉีฉีนะคะ” หลินอี้จุนพยักหน้าตอบรับ
“เดี๋ยวคุณไปรับเองได้ไหม คุณพ่อมีธุระ ท่านให้ผมไปโรงแรมแชงกรีลาเหมือนว่ามีธุระให้ช่วยนิดหน่อย” หลินดาไห่โทรหาเขาก่อนหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตอนนี้เขาก้มมองดูเวลาก็ใกล้ที่งานจะเริ่มเสียแล้วด้วย
“ค่ะ” หลินอี้จุนผงกหัวจากนั้นส่งหลิวหยานฉี๋กลับบ้านไป
ลู่เฉินรีบมุ่งหน้าไปยังโรงแรมแชงกรีลา
หลินดาไห่บอกว่างานประมูลของสะสมโบราณนี้จัดเตรียมมากว่าหนึ่งปี มีการจัดแสดงและประมูลสินค้าที่มีชื่อเสียงมากมายนับไม่ถ้วน เป็นงานแสดงของสะสมโบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหยูโจวในรอบสิบปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายจากจังหวัดใกล้เคียงต่างเร่งรีบพากันมาร่วมงาน
งานในครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามช่วง ช่วงแรกคือการแสดงภาพของนักจิตรกรที่มีชื่อเสียงและของสะสม ทางผู้จัดงานเป็นผู้กำหนดราคา ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้เลือกซื้อว่าจะได้ของดีมาหรือไม่ ขั้นตอนนี้เรียกว่า “ค้นสมบัติ”
ช่วงที่สองเป็นการเดาอัญมณี ผู้จัดประมูลจะนำก้อนดินห่อมาให้ผู้ประมูลทายเล่น เป็นการเสี่ยงดวงเพิ่มความสนุกสนาน
ช่วงที่สามก็คืองานประมูล
ซึ่งช่วงนี้จึงจะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย เนื่องจากสินค้าล้ำค่ามักถูกจัดให้อยู่ในการประมูลนี้
งานยังไม่ทันได้เริ่ม สื่อต่างๆในหยูโจวก็มาเตรียมตัวพร้อมถ่ายทอดสด
งานประมูลเช่นนี้ ในหยูโจวนับว่าเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนรอคอย
งานใหญ่โตเช่นนี้ คงมีลู่เฉินคนเดียวที่แต่งตัวเรียบง่ายแบบนี้
จากเดิมเขาก็ตั้งใจจะแต่งตัวเป็นทางการเสียหน่อย
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนชุด จึงใส่เสื้อยืดกับกางเกงลำลองมาร่วมงาน
เมื่อตอนที่เขามาถึง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ให้เขาเข้าไปเสียด้วยซ้ำ เมื่อเขาพาไปดูรถที่ขับมาจึงปล่อยให้เขาเข้ามาได้
แม้จะเป็นเพียงรถออดี้ราคาไม่กี่แสน แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกยาจก
สถานที่จัดงานตั้งอยู่ที่ชั้น28ในห้องโถงใหญ่ของโรงแรม ที่นี่เป็นสถานที่จัดประชุมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหยูโจว งานเลี้ยงบริษัทใหญ่ๆมักจัดงานในที่แห่งนี้
“พี่เขยคะ ที่นี่ๆๆ” เมื่อมองเห็นลู่เฉินเดินเข้ามา หลินอี้เจียก็โบกมือทักทาย
ลู่เฉินเดินไปถึงโต๊ะที่หลินอี้เจียนั่งอยู่ ที่โต๊ะมีหลินดาไห่ หลินอี้เจีย หยูเจิ้งเทาและคนแปลกหน้าอีกสองคน
“ผมขอแนะนำลูกเขยของผม ลู่เฉิน ที่ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดให้ฟังว่าเขาได้ซื้อถ้วยเรืองแสงสมัยราชวงศ์ซ่งมาจากร้านสะสมของโบราณนั่น” เมื่อลู่เฉินนั่งลง หลินดาไห่ก็แนะนำเขาต่อบรรดาผู้ร่วมโต๊ะ
หยูเจิ้งเทารู้จักลู่เฉินดี ครั้งก่อนนี้เขาเองยังเคยเสนอราคาแสนห้าเพื่อซื้อถ้วยเรืองแสงนั้น ใครจะไปรู้ว่าลู่เฉินจะไม่ยอมขายให้เขา เท่ากับเป็นการไม่ให้เกียรติเขาด้วย
ส่วนอีกสองคนได้แต่พยักหน้าตอบรับ แล้วใช้สายตามิงมายังลู่เฉินแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
“ลู่เฉิน ท่านผู้นี้คือศาสตราจารย์หยูเจิ้งเทา นี่คือศาสตราจารย์หวงยาวจุน และท่านนี้คือเล่ยหมิงเฉา ทั้งสามท่านนี้เป็นผู้ชำนาญการด้านของสะสมโบราณ” หลินดาไห่แนะนำต่อ
“สวัสดีครับศาสตราจารย์หวง” ลู่เฉินลุกขึ้นยื่นมือไปทักายหวงยาวจุน
“ไม่เลวๆ ครั้งที่แล้วได้ยินพ่อตาคุณพูดถึง อนาคตไกลจริงๆ” หวงยาวจุนยื่นมือไปทักทายตอยด้วยท่าทีชื่นชม
“ศาสตราจารย์ชมกันมากเกินไปแล้วครับ ผมแค่บังเอิญโชคดีเท่านั้น”ลู่เฉินตอบอย่างถ่อมตน
เมื่อทักทายหวงยาวจุนเรียบร้อย 3ก็ยื่นมือไปทักทายเล่ยหมิงเฉา “สวัสดีครับศาสตราจารย์เล่ย”
“สวัสดีๆ อีกประเดี๋ยวช่วยแสดงฝีมือหน่อยนะครับ” เล่ยหมิงเฉาพยักหน้า เขายื่นมือทักทายลู่เฉินจากนั้นไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
แม้ก่อนหน้านี้หลินดาไห่จะพูดถึงลู่เฉินอยู่เสมอๆ แต่เขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีพรสวรรค์ด้านของโบราณสู้กับเขาได้จริงๆ
“ศาสตราจารย์หยู สวัสดีครับ” ลู่เฉินยื่นมือออกไปทักมาย แต่หยูเจิ้งเทาตอบเพียงแค่ อืม ไม่มีทีท่าจะยื่นมือออกมาตอบกลับเขา
มองดูแล้วการที่ลู่เฉินไม่ได้ขายถ้วยเรืองแสงนั่นแก่เขา ทำให้เขาเสียหน้าต่อผู้คนมากมาย เขายังคงโกรธอยู่ไม่น้อย
หลินดาไห่รู้สึกทำตัวไม่ถูก แต่ลู่เฉินกลับเพียงแค่ยิ้มแล้วชักมือกลับมาเท่านั้น
บนโต๊ะเริ่มเสริ์ฟอาหารว่าง มีขนมมากมายและเครื่องดื่มอีกทั้งแอลกอฮอล์
ลู่เฉินเหลือบตาไปมองดูม้วนภาพที่อยู่บนโต๊ะจัดแสดง แล้วก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“ลู่เฉิน วันนี้ต้องช่วยพ่อหาของเล็กๆน้อยๆติดมือกลับไปให้ได้นะ วันนี้พ่อเขาเงินเก็บทั้งชีวิตติดตัวมาตั้งสองล้านกว่าเชียว ถ้าขาดทุนละก็พ่อกลับบ้านโดนแม่เล่นงานจนโงหัวไม่ขึ้นแน่นอน” หลินดาไห่พูดกับลู่เฉินที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตากิน
เนื่องจากเรื่องถ้วยเรืองแสงในครั้งก่อน ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวลู่เฉินมาก เขาพร้อมที่จะนำเงินทั้งหมดลงทุนไปที่ลู่เฉิน เพื่อให้ลู่เฉินช่วยดูของมีค่าสักสองสามชิ้นให้ แล้วนำไปขายต่อในราคางาม
“พี่เขย อย่าลืมช่วยหนูดูด้วยนะคะ พวกเราฝากความหวังไว้กับพี่นะ” หลินอี้เจียให้กำลังใจต่อ
“ผมจะพยายามแล้วกันนะครับ” เมื่อเห็นพ่อตาทุ่มเทกำลังทรัพย์ขนาดนั้น ลู่เฉินเองก็ชื่นชมเขาเช่นกัน นี่พ่อตาเขากำลังตั้งใจทุบหม้อข้าวหม้อแกงจริงหรือนี่
ลู่เฉินเพียงคิดก็สามารถเข้าใจได้
ตอนอยู่ในบ้านนั้นพ่อตาเขาถูกแม่ยายกดขี่ข่มเหง เป็นอย่างนี้มาทั้งชีวิตแล้ว
ครั้งที่แล้วที่เขากล้าขึ้นเสียงกับวังเสวี่ยก็เพราะถ้วยเรืองแสงมีราคาสูงมาก มิเช่นนั้นเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะเถียงแน่นอน
“ศาสตราจารย์หยูอยู่ที่นี่เองหรือครับ ขอเชิญท่านมาช่วยพวกเราดูทางนี้หน่อยว่าเป็นของแท้หรือไม่”
ในขณะนี้เองมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือม้วนรูปเข้ามา
ลู่เฉินมองดูแล้วพบว่าคือจ้าวเทียนหยู่ เพื่อนสมัยเรียนของเขานั่นเอง