พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 75 คุณชายวังซิง
บทที่ 75 คุณชายวังซิง
“ตอนนี้ผมเองไม่ต้องการใช้เงิน ถ้าต้องการเมื่อไหร่ผมจะเอาที่พ่อแล้วกันนะครับ พ่อเก็บเอาไว้ก่อน” ลู่เฉินพูดออกมา
จากเดิมเขาก็ตั้งใจให้พ่อตาอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็ไม่ขาดแคลนเงินไม่กี่ล้านนี้
“OKได้เลยตามนั้น ถ้าถึงเวลาต้องการใช้เมื่อไหร่ก็บอกพ่อแล้วกันนะ ไม่ต้องไปเอาที่แม่ บอกพ่อได้โดยตรงเลย” หลินดาไห่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ภายในใจเขารู้สึกชื่นชมลู่เฉินมากนัก
ตี๋ฟู่ที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกอิจฉาเสียจนทำตัวไม่ถูก เขาจะต้องรีบจัดการกับหลินอี้เจียให้เร็วที่สุดเสียแล้ว หลินดาไห่ไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาวสองคน เงินตั้ง20ล้านลู่เฉินไม่เอา ทำให้เขารู้สึกอิจฉายิ่งนัก
จั่วชิงเฉิงออกหน้าด้วยตัวเองทำให้ จ่าวเทียนหยู่และหลี่เหวินกวงรู้สึกไม่พอใจนักแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
ตระกูลจั่วไม่ใช่คนที่พวกเขาจะหาเรื่องได้ง่ายๆ
ทั้งงานในวันนี้ตระกูลจั่วก็เป็นผู้สนับสนุนหลัก
“คุณลู่ สายตาไม่เลวเลยนี่ มีข้างในอยู่อีกชั้นหนึ่งก็ยังถูกคุณพบเข้าจนได้ ช่วงที่สองเป็นการเดาอัญมณีภายในหิน ผมรอดูคุณอยู่นะ” จั่วชิงเฉิงได้ถือภาพโบราณเจียงถิงไว้ในมือ เขามองลู่เฉินเปลี่ยนไปจริงๆ
แน่นอนว่าเขาคาดหวังในช่วงที่สองที่เป็นการประมูลอัญมณีนั้น หลินดาไห่จะนำเงิน20ล้านนี้ลงเสี่ยงทายด้วย
หากเป็นเช่นนี้รูปภาพในมือก็เท่ากับได้มาฟรีๆ
ลู่เฉินหัวเราะ เขาไม่พูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งจั่วชิงเฉิงเดินออกไปแล้วบรรดาผู้คนทั้งหลายก็กลับเข้าที่นั่งและกินดื่มกันอย่างสนุกสนาน
บรรดาผู้คนที่อยู่รอบศาสตราจารย์ทั้งสามก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาทักทาย และหวังว่าพวกเขาจะช่วยหาของมีค่าให้สักชิ้นสองชิ้น
“พี่คะ เดี๋ยวช่วงต่อไปพี่ต้องหาหยกให้หนูสักอันนึงนะ หนูยืมเงินพ่อมาตั้งหนึ่งล้านแน่ะ” หลินอี้เจียมองไปที่ลู่เฉินด้วยสายตามีความหวัง หากหลินดาไห่ไม่ได้อยู่ในที่นี้เธอเองคงจะเข้าไปกอดลู่เฉินแล้ว
พี่เขยของเธอหาเงินเก่งจริงๆ จะไม่ให้เธอเอาใจได้อย่างไร?
“เมื่อกี้พี่แค่โชคดีเท่านั้นแหละ” ลู่เฉินหัวเราะ
“หนูไม่สนใจล่ะ ทำไมพี่ช่วยพ่อได้ถึงช่วยหนูไม่ได้ล่ะ ถ้าพี่ไม่ช่วยหนู หนูจะไม่ช่วยพี่ดูฉีฉีแล้ว”หลินอี้เจียจับแขนลู่เฉินแล้วส่ายไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน
“ก็ได้ๆ แต่ถ้าพี่มองผิดไปจะโทษกันไม่ได้นะ” ลู่เฉินไม่รู้จะพูดอย่างไรกับท่าทางของหลินอี้เจีย เขาปัดมือเธอออกอย่างเร็ว พ่อตาของเขายืนอยู่ข้างๆและนี่มันไม่เหมาะสมเลย
“หนูเชื่อว่าพี่ไม่มองพลาดหรอกน่า” เมื่อเห็นลู่เฉินตอบตกลงหลินอี้เจียก็ดีใจใหญ่
ตอนนี้เธอชื่นชมเขาจากใจจริง
เขาใช้เงินแสนห้าแลกมากับของสะสมที่มูลค่าถึง 40 ล้าน
“คุณชื่อลู่เฉินใช่ไหม?”
ขณะนั้นเองคุณชายท่าทางดูดีท่านหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว
ทุกคนบนโต๊ะมองไปที่คุณชายคนนั้น บุคลิกท่าทีของเขาทำให้คนที่พบเห็นอึดอัดใจยิ่งนัก
“ผมคือลู่เฉิน คุณมีอะไรหรือเปล่า?”ลู่เฉินมากมองเขาแล้วขมวดคิ้ว
“ผมให้คุณ 10 ล้าน คุณช่วยผมประเมินคุณค่าอัญมณีในหินได้หรือไม่?” คุณชายคนนั้นพูดมาอย่างโอ้อวด
ค่าประเมินสิบล้าน!?
ผู้ที่ได้ยินล้วนอ้าปากค้าง ชายหนุ่มผู้นี้ใจกล้ามากจริงๆ ถ้าหากเขาตัดสินออกมาผิดละก็คงขาดทุนไม่น้อยเลย
“ผมไม่สนใจ” ลู่เฉินพูดออกมาอย่างช้าๆ
“20 ล้าน” เขากะพริบตาแล้วเอ่ยราคาเพิ่มขึ้น ต้องการให้ผู้คนรอบข้างเห็นว่าเขาเองไม่ขาดแคลนเงิน
20 ล้าน!?
ศาสตราจารย์ทั้งสามคนก็รู้สึกตกใจ
เนื่องจากตระกูลจั่วเชิญพวกเขาทั้งสามมาเป็นผู้ตัดสินในวันนี้ ใช้เงินแค่ 5 ล้านเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการร่วมงาน แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับได้รับค่าจ้างในการพิจารณาอัญมณีของแท้เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านนี่มันช่าง……
“200ล้านผมก็ไม่สนใจ” ลู่เฉินมองไปยังชายหนุ่มผู้นั้นด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ เรื่องใดที่เขาไม่ต้องการทำต่อให้เงิน 2000ล้านมาบังคับเขาก็ไม่ทำ
“เหอะๆ กล้ามากนะ แม้แต่ต่อหน้าฉันแกก็ไม่ให้เกียรติ เราจะได้เห็นดีกันแน่นอน!”ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะแล้วมองดูที่ลู่เฉิน จากนั้นพาหญิงสาวข้างกายเดินออกไป
“วังซิง ลูกชายบ้านตระกูลวังใช่ไหม? ถ้าเป็นเขาละก็คุณควรระมัดระวังตัวไว้บ้างนะ” มีคนพูดเตือนลู่เฉินออกมา
“น่าจะใช่ บ้านตระกูลวังมีเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนอื่น”
หลินดาไห่และหลินอี้เจียตกใจมาก พวกเขาทั้งสองรู้สึกตื่นเต้น ตกใจและเป็นกังวล
“ลู่เฉินไปขอโทษวังซิงเขาเสียเถิด และตอบตกลงช่วยเขาประเมินเถอะ” หลินดาไห่พูดออกมาอย่างเป็นห่วง
“นั่นสิคะพี่เขย บ้านตระกูลวังถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ และวังซิงคนนี้เป็นคนที่โหดร้ายเอาแต่ใจ ใครทำให้เขาไม่พอใจก็ไม่มีจุดจบที่ดีนัก” หลินอี้เจียตักเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงกังวล
“บอกแล้วไงว่าเป็นคนก็ควรจะอ่อนน้อมเสียหน่อย การกระทำตรงไปตรงมาแบบเมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นได้เลย” เล่ยหมิงเฉาหัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ
“ดาไห่ การที่ทำให้บ้านตระกูลวังไม่พอใจ มันไม่มีผลดีหรอกนะ ไปบอกให้ลูกเขยขอโทษเขาเถอะ” หวงยาวจุนก็เอ่ยเช่นนั้น
ไม่ได้ยินผู้คนทั้งหลายพูดแบบนั้น หลินดาไห่เองก็เริ่มเป็นกังวล
“ลู่เฉิน ตอนนี้วังซิงยังไปไม่ไกลนัก ลูกรีบไปขอโทษเขาเถอะ” หลินดาไห่เตือนเขาอีกครั้ง
“พ่อครับ ไม่เป็นไร เขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก” ลู่เฉินหัวเราะขึ้น
“เฮ้อ……ทำไมถึงพูดยากอย่างนี้นะ ฟังพ่อแล้วรีบไปขอโทษเขาเร็ว” หลินดาไห่ผลักลู่เฉินออกไป เพราะการที่ทำให้บ้านตระกูลวังเดือดร้อนนั้นมีจุดจบที่ไม่ดีเสียจริง อาจถึงชีวิตก็เป็นได้
“พี่คะ ถ้าพี่ยังไม่ฟังหนูจะโทรหาพี่สาวแล้วนะ” หลินอี้เจียเขา
ลู่เฉินไม่รู้จะพูดอย่างไร บ้านตระกูลวังในสายตาผู้อื่นอาจจะเป็นผู้มีอำนาจมากล้นฟ้าก็จริง แต่สำหรับเขาแล้วนั้นก็เป็นเพียงได้เท่านั้น มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องไปจัดการกับคนๆพรรคนั้น
“ก็ได้ๆ ผมจะไปคุยกับเขา” ลู่เฉินยักไหล่อย่างเบื่อหน่ายแล้วเตรียมตัวเดินออกไปหาวังซิง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจไปขอโทษวังซิงแต่ตั้งใจจะให้บทเรียนแก่เขาต่างหาก
วังซิงทำให้เพื่อนรักของเขาต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป
แค้นนี้เขาจะต้องชำระให้ได้ เขาจะต้องจัดการแทนเพื่อนเขาให้ได้
“จะไปขอโทษเขาตอนนี้น่าจะไม่ทันแล้วล่ะ” หยูเจิ้งเทาหัวเราะออกมา
ในขณะนั้นเองทุกคนก็มองเห็นชายชุดดำสองคนเดินมาทางโต๊ะ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายผู้นี้มาตามคำสั่งของวังซิง
หลินดาไห่และหลินอี้เจียสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขามองดูชายชุดดำทั้งสองแล้วหัวใจตกไปที่ตาตุ่ม
“คุณไปกับพวกเราหน่อย”ชายชุดดำทั้งสองคนนั้นยิ้มด้วยหน้าตาเยือกเย็น และให้ความรู้สึกอึดอัดใจแก่ผู้พบเห็น
“โอเค” ลู่เฉินลุกขึ้น ท่าทีของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปและเตรียมตัวจะเดินตามพวกเขาไป
“พี่คะ อย่าไปกับพวกเขานะ พี่อาจจะตายก็ได้”หลินอี้เจียดึงลู่เฉินเอาไว้
“พวกคุณต้องการตัวลูกเขยผมไปทำอะไร?” หลินดาไห่ถามออกมาเพื่อความแน่ใจ
“หุบปาก อะไรไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม” หนึ่งในสองคนนั้นหันมามองหลินดาไห่และตวาดออกมา
“ไม่ต้องพูดมาก เดินนำทางไปซะ”ลู่เฉินพูด
“ไอ้กระเปี๊ยก แกไม่เลวเลยนี่” หนึ่งในพวกเขาหัวเราะออกมาแล้วพาลู่เฉินเดินออกไปจากห้องโถง
“ท่านศาสตราจารย์ทั้งสามครับ ตอนนี้เราควรจะทำยังไงดี แจ้งตำรวจหรือไม่?”หลินดาไห่ขอความช่วยเหลือไปทางทั้งสามคน
“บ้านตระกูลวังมีอำนาจมากมาย ต่อให้แจ้งตำรวจก็ไม่มีประโยชน์หรอก อีกทั้งยังทำให้พวกคุณต้องลำบากไปด้วย ถ้าคุณไม่แจ้งตำรวจพวกเขาอาจจะแค่ทำร้ายร่างกายลูกเขยคุณ ก็คงจบเพียงเท่านั้นส่งไปโรงพยาบาลพักฟื้นไม่กี่วันก็คงหายดี”หวงยาวจุนเอ่ยออกมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!ทำไมถึงได้ไปก่อเรื่องกับวังซิงกันนะ?” หลินดาไห่พูดออกมามีอย่างขมขื่น
ผู้คนทั้งหลายก็มองไปยังหลินดาไห่ด้วยสายตาเห็นด้วยและเห็นใจ