พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่ 91 ร่วมมือกับตระกูลเฉิน
ณ ยวี่โจวร้านน้ำชาเทียนเซิ่ง เฉินกวงซิงและลู่เฉินนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ด้านหน้าทั้งสองคนมีถ้วยชาหลงจิ่งวางอยู่
แต่ไม่มีใครดื่มเข้าไปแม้แต่คำเดียว
“คุณเฉินมีเรื่องอะไรก็พูดมาได้ตามตรงเลยครับ ผมเป็นคนตรงๆไม่ชอบอ้อมค้อมไปมา” ลู่เฉินพูดออกมาก่อน
เฉินกวงซิงหัวเราะชอบใจ เขาหยิบแก้วน้ำชาขึ้นแล้วดื่มไปคำหนึ่ง ก่อนพูดว่า “คุณลู่ครับ นี่เป็นชาหลงจิ่งต้นตำรับแท้ ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่พวกเธอถึงจะเสิร์ฟชานี้ คุณลองชิมดู”
ลู่เฉินยิ้มแล้วยื่นมือไปหยิบถ้วยชาขึ้นมาดมกลิ่น เขาชิมเข้าไปคำหนึ่งปรากฏว่าเมื่อกลืนลงไป เขาก็มีท่าทีที่ตื่นเต้นแล้วพูดว่า “เป็นชาหลงจิ่งของแท้ต้นตำรับ อีกทั้งยังมีคุณภาพเป็นเลิศอีกด้วย”
แววตาของเฉินกวงซิงเป็นประกายแล้วพูดขึ้นว่า “คุณลู่เองก็สนใจในชาเหมือนกันเหรอครับ?”
ลู่เฉินยิ้มแล้วตอบว่า “ก่อนหน้านี้มักดื่มบ่อยๆ แต่หลายปีมานี้ไม่ค่อยดื่มเท่าไหร่”
“คุณเฉินเรียกชื่อผมอย่างเดียวก็ได้ครับ” ลู่เฉินพูดต่อท้าย
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถึงแม้ผมจะอายุมากกว่าคุณถึง 20 ปี แต่คุณก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป ผมขอคุยกับคุณด้วยคำพูดสบายๆแล้วกันนะครับ” เฉินกวงซิงพูดแล้วยิ้ม
ลู่เฉินยักคิ้ว เขาเดาไม่ถูกถึงวัตถุประสงค์แท้จริงของเฉินกวงซิงเสียแล้ว
“คุณลู่ ผมขอพูดตามตรงนะว่าในชีวิตผมเนี่ยชื่นชมคนไม่กี่คนเท่านั้น จวบจนปัจจุบันในยวี่โจวคนที่ผมชื่นชมมีอยู่แค่ 3 คน คนแรกคือพ่อของผม คนที่ 2 คือลู่จงและคนที่ 3 ก็คือคุณ” เฉินกวงซิงมองดูลู่เฉิน
“ผมก็แค่คนธรรมดาธรรมดาๆคนนึงครับ คุณพูดเกินไปล่ะ” ลู่เฉินหัวเราะออกมาแต่เขาก็ยังเดาไม่ออก
“คุณลู่ แม้ว่าคุณจะปิดบังได้ดีขนาดไหน แต่ในโรงแรมแชงกรีลาคืนนั้น เพียงแค่ใช้สมองนิดหน่อยก็สามารถเดาได้ถึงตัวตนของคุณแล้ว” เฉินกวงซิงเอ่ย
ลู่เฉินสีหน้าเครียดทันที เขามองดูเฉินกวงซิงไม่พูดอะไรออกมา
ในใจของเขาตอนนี้ได้แต่โทษตัวเองที่ในวันนั้นทำการใหญ่เกินไปหน่อย
ตอนนี้ลองมาคิดดู ภายในเมืองยวี่โจวมีใครกันอีกที่จะสามารถนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาพนันได้
อีกทั้งถ้าไม่ถือในอคติต่อเขา มองท่าทีดูก็รู้ว่าเขาเป็นบุคคลที่สามารถนำเงิน 6พันล้านออกมาได้
เงินจำนวน6พันล้านแม้แต่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ก็ไม่มี แต่เจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีมี
เนื่องจากทุกคนรู้ดีว่าเทคโนโลยีอี้ฉีนั้นจะทำการลงทุนในระยะแรกจำนวนเงิน 200ล้าน หลังจากนั้นจะลงทุนต่อในจำนวน300ล้าน
มีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้นที่จะสามารถหยิบเงินจำนวนมากมายขนาดนั้นออกมาได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถนำเงินขนาดนี้มาพนันอัญมณีได้
สิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงเพียงทรัพย์สินแต่ยังพูดถึงความใจกล้าเด็ดขาด
“คุณลู่วางใจได้ ตอนที่ผมเห็นคุณในวีดีโอผมเองก็ยังเดาไม่ออกว่าคุณเป็นใคร เพียงแต่พ่อของผมหลายปีมานี้ท่านได้ฝึกฝนนั่งสมาธิอย่างดี จิตใจของเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป เมื่อมองดูก็รับรู้ได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคุณ ถ้าผมเดาไม่ผิดละก็ ตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนของคุณ” เฉินกวงซิงพูดดังนั้นเมื่อเห็นลู่เฉินสีหน้าเปลี่ยนไป
สิ่งที่เฉินกวงซิงพูดล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ลู่เฉินสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา ทุกกริยาท่าทางไม่เหมือนกับผู้มั่งคั่งมีอำนาจ หากไม่ใช่เพราะพ่อของเขา แม้ตัวเขาเองที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถเดาออกได้ คนอื่นๆก็คงไม่มีใครเดาออกเช่นกัน
“ผมขอพูดตามตรงแล้วกันนะคุณลู่ ที่ผมมาหาคุณในวันนี้มีสองเรื่องที่จะบอก เรื่องแรกคุณพ่อของผมชื่นชมคุณมากและอยากจะเชิญคุณไปรับรับประทานอาหารที่บ้าน เรื่องที่2 ผมอยากจะเจรจากับคุณว่าตระกูลเฉินของเรามีความสามารถร่วมมือทำธุรกิจกับเทคโนโลยีอี้ฉีได้หรือไม่ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ตระกูลเฉินของเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทคโนโลยีอี้ฉีจะก่อตั้งเสร็จในเร็ววันนี้” เฉินกวงซิงดื่มชาแล้วพูดออกมา
คำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดที่เอาใจ ในฐานะเถ้าแก่ใหญ่แห่งเมืองยวี่โจวบ้านตระกูลเฉินหวังมาตลอดว่าพวกเขาและยวี่โจว จะได้พัฒนายิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อชื่อเสียง หรือเพื่อพัฒนาบ้านเกิด หลายสิบปีมานี้บ้านตระกูลเฉินก็พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะก่อสร้างให้ยวี่โจวเจริญก้าวหน้า
และสิ่งนี้เองที่ทำให้บ้านตระกูลเฉินเป็น1ใน4ของบ้านตระกูลใหญ่ที่มั่นคง
“ครับ หากมีโอกาสผมจะเดินทางไปพบคุณท่านด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องความร่วมมือนั้นเทคโนโลยีอี้ฉีของเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความร่วมมืออีกขั้นกับบ้านตระกูลเฉิน” ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับ เทคโนโลยีอี้ฉีของเขาเพิ่งจะดำเนินไปก้าวแรก การที่ได้ทำงานร่วมกับ4ตระกูลใหญ่ของยวี่โจว แน่นอนว่าลู่เฉินยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเป็นอย่างนี้แล้วเขาจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีอี้ฉีให้แข็งแกร่งได้โดยเร็ว
เฉินกวงซิงได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะพูดง่ายแบบนี้
ต่อจากนั้นทั้งสองคนก็ได้ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับด้านความร่วมมือต่างๆในการพัฒนา อีกทั้งสองยังไม่ถือสาในเรื่องของอายุพวกเขาสนทนากันอย่างราบรื่น สุดท้ายแล้ว ทั้งสองฝั่งได้ตกลงทำความร่วมมือก้าวแรกเป็นจำนวนทุน 5000ล้าน
ในระยะแรกนั้นลู่เฉินจะเป็นผู้ออกทุนจำนวนเงิน 5,000ล้านให้แก่บ้านตระกูลเฉิน หากบ้านตระกูลเฉินทำได้สำเร็จหรือเสร็จสิ้นก่อนระยะเวลาที่คาดหมายไว้ก็จะเพิ่มให้อีก 5,000ล้าน
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดเห็นของทั้งสองคนในระยะแรกเริ่ม เรื่องของรายละเอียดในการร่วมมือนั้นจะต้องให้ผู้รับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายมาเจรจา
“คุณลู่ วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดของคุณพ่อครบ 70 ปี ถ้ามีเวลาก็อยากจะเชิญให้ไปร่วมงานด้วย” สุดท้ายแล้วเฉินกวงซิงก็เอ่ยปากเชิญลู่เฉินด้วยตนเอง
“ช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายครับ?”ลู่เฉินถาม
“ตอนเช้าสิบโมง” เฉินกวงซิงพูด
“ได้ครับ ผมจะไปให้ตรงเวลา” ลู่เฉินพยักหน้าจากนั้นทั้งสองคนจับมือกันแล้วเดินออกมาจากร้าน
เมื่อกลับถึงบ้านหลินอี้จุนเลิกงานและรับฉีฉีมาเรียบร้อย
ลู่เฉินเห็นหลินอี้จุนกำลังทำกับข้าวก็จะเข้าไปช่วยเธอ
เมื่อเห็นลู่เฉินกลับมา หลินอี้จุนเพียงแค่เงยหน้ามองเขาและก้มหน้าทำกับข้าวต่อไป
หลายวันมานี้หลินอี้จุนยังโกรธเขาอยู่ ถึงไม่สนใจเขาเท่าไหร่นัก
เนื่องจากเมื่อหลายวันก่อนเธอถามลู่เฉินว่ายังมีเรื่องปิดบังอะไรเธออีก แต่ลู่เฉินกลับไม่บอก ได้แต่พูดว่ายังไม่ถึงเวลา
ในฐานะสามีภรรยา ลู่เฉินกลับตัดสินใจไม่บอกเธอในทุกเรื่อง ทำให้หลินอี้จุนรู้สึกผิดหวังมาก กระทั่งแยกห้องนอนกับเขามาสองคืนแล้ว
“ผมช่วยนะครับ” ลู่เฉินล้างมือแล้วหันไปบอก
หลินอี้จุนไม่พูดอะไร เธอถอดผ้ากันเปื้อนออกล้างมือแล้วเดินออกไป
เหตุผลแรกเพราะเธอยังโกรธลู่เฉินอยู่ เหตุผลที่ 2 เพราะลู่เฉินทำกับข้าวอร่อยกว่าเธอ ก่อนหน้านี้ลู่เฉินมักเป็นคนทำกับข้าวเธอ
เองก็กินจนชินเสียแล้ว
หลินอี้จุนเดินออกมาก็เห็นบนโซฟามีกล่องของขวัญนับสิบวางอยู่ เธอประหลาดใจมาก จึงได้เดินไปดูจากนั้นพบว่าทุกกล่องล้วนเป็นเครื่องประดับทางอัญมณีทั้งสิ้น เธอเปิดออกดูด้วยความแปลกใจ ภายในกล่องนั้นเป็นRing of the Danube
เธอหยิบแหวนนั้นขึ้นมาพิจารณาดูอยู่ในมือ รู้สึกแปลกใจจนบอกไม่ถูก Ring of the Danubeนี้เธอรู้จักมันดี ราคาสูงถึง 15 ล้าน เธอไม่คิดว่าลู่เฉินจะซื้อสิ่งนี้กลับมา
เมื่อเธอแกะกล่องอื่นๆดูก็พบว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับอัญมณีต่างๆ ในใจเธอรู้สึกตื้นตันและพูดอะไรไม่ถูก
สิ่งของเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วมูลค่า 7-80 ล้านได้ เงินร้อยล้านของเขายังเหลือเท่าไหร่กัน
ไม่สิแค่ 90 ล้านเท่านั้นเพราะอีกสิบล้านอยู่ในมือเธอ
หลินอี้จุนรู้สึกตื่นเต้น แต่เธอก็รู้สึกเสียดายเงินพวกนี้มาก ทำไมลู่เฉินถึงได้ทำแบบนี้กัน? แม้เงินเหล่านี้จะใช้บนตัวเธอก็ตาม
จากเดิมเธอหวังว่าจะให้ลู่เฉินนำเงิน 90 ล้านนั้นไปก่อตั้งบริษัทของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำเงินทั้งหมดไปซื้อเครื่องประดับ
ลู่เฉินไม่เข้าใจถึงความคิดของหลินอี้จุน เมื่อเขาทำกับข้าวเสร็จแล้วเดินออกมาพบเห็นใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นักของหลินอี้จุน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ลู่เฉินถาม
“เป็นอะไรล่ะ?คุณยังมีหน้ามาถามฉันอีก เงินตั้ง 90 ล้านเชียวนะ คุณนำไปซื้อเครื่องประดับเหล่านี้มาจนหมดได้ยังไงกัน? คุณมองฉันเป็นพวกเห็นแก่สิ่งของภายนอกเหรอคะ พรุ่งนี้คุณเอาทุกอย่างไปคืนให้หมดเลยนะ!” หลินอี้จุนชี้ไปยังกล่องของขวัญที่อยู่บนโซฟาและพูดออกมาเสียงแข็ง