พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่122 เจ้านายมาชนแก้วด้วยตัวเอง
บทที่122 เจ้านายมาชนแก้วด้วยตัวเอง
ลู่เฉินอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ผู้หญิงคนนี้แม้จะไม่ต้องการชื่อเสียงตัวเองด้วยซ้ำ นี่ถือว่าทุ่มสุดตัวเลยใช่ไหม
แต่ไม่สำคัญว่าเธอไม่ต้องการชื่อเสียง แต่ลู่เฉินยังต้องการชื่อเสียงอยู่
เขายังมีบ้านมีครอบครัวนะ
เฉินเสี่ยวปิงยื่นมือมาปิดปากด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าพี่สาวของเธอจะกล้าหาญขนาดนี้ ลู่เฉินก็ยิ่ง’โหดร้าย’ ทั้งสองนอนร่วมเตียงกันแล้ว
และสิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากที่สุดคือ ดูเหมือนว่าเฉินจือหรานจะรู้ว่าลู่เฉินแต่งงานแล้ว แต่ยังนอนกับเขา
หรือว่าเธอไม่กลัวว่าจะถูกคุณปูตีจนขาหักเหรอ
เล่ยหมิงเฉาก็มองลู่เฉินอย่างตกใจ หลังจากนั้นก็มีแสงสว่างในดวงตาเผยออกมา
ลู่เฉินมีชู้ พวกเขาต่างคิดกันว่าควรนำเรื่องนี้ไปบอกหลินดาไห่ไหม
“พี่จาง ฟังผมอธิบายก่อน เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่จริงๆ………”ลู่เฉินรีบอธิบาย
“นายหุบปาก ไอ้ผู้ชายสารเลว”จางดาวหเรนจ้องมองลู่เฉินด้วยความโกรธ เวลานี้ เขามีความคิดที่อยากจะฆ่าลู่เฉิน
ลู่เฉินค่อนข้างพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าความเข้าใจผิดนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว
เขายังอยากอธิบาย แต่จู่ๆกลับได้ยินเสียงข้อความดังขึ้นมา
เขาก้มลงมอง มันเป็นเบอร์แปลก แต่เมื่อได้เห็นเนื้อหาในข้อความ ที่แท้ก็เป็นเฉินจือหรานส่งมา
“คุณทำเสื้อผ้าฉันสกปรก ฉันให้คุณช่วยฉันล้มเลิกความคิดของจางดาวเรน ก็ถือว่าเสมอกันแล้วนะ”
เมื่อเห็นเนื้อหาของข้อความ ลู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่นและเซ็งจนหมดคำพูด แม้ว่าไม่ง่ายอย่างที่เฉินจือหรานทำ แต่เขายังสามารถพูดอะไรได้อีก
ณ ขณะนี้โต๊ะนั่นที่เซ่ซูเจี๋ย / เซ่เว่ยเหา และเจ้านายคนอื่นๆนั่งอยู่ แล้วเฉินกวงซิงก็เห็นลู่เฉิน จึงพูดกับเซ่เว่ยเหาและคนอื่นๆอย่างยิ้มแย้มว่า “ขออนุญาตครับ ผมขอตัวไปพบเพื่อนคนหนึ่งสักครู่”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปทางโต๊ะของลู่เฉิน เมื่อมาถึงลู่เฉิน เขาก็มองลูกสาวและหลานชายของตัวเอง หลังจากพยักหน้ากับพวกเขาทั้งสองแล้ว แล้วก็ตบไหล่ลู่เฉินเบาๆ และพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “น้องลู่เฉิน ไม่คิดว่าน้องก็มาด้วย มา มา พี่จะชนแก้วกับน้องสักแก้ว”
เมื่อเห็นฉากนี้ หยูเจิ้งเทา เล่ยหมิงเฉา และคนอื่นๆต่างก็ตกใจ
เฉินกวงซิงพวกเขารู้จักกัน เขาเป็นเจ้านายอันดับหนึ่งของหยูโจว เนื่องจากตระกูลเฉินเป็นตระกูลทหารผ่านศึก และมีชื่อเสียงมาก อิทธิพลของเฉินกวงซิงดีกว่าลู่จงในตระกูลลู่ที่ร่ำรวยมาตลอด
เจ้านายแบบนี้ ที่ร่วมโต๊ะเดียวกับเซ่ซูเจี๋ยและคนอื่นๆซึ่งพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของหยูโจวได้อย่างอิสระ แต่มาชวนลู่เฉินชนแก้วด้วยตัวเองเหรอ
อันที่จริงไม่ใช่แค่คนที่โต๊ะของหยูเจิ้งเทา แม้แต่คนรอบ ๆ โต๊ะสองสามโต๊ะก็ยังแปลกใจ และมองลู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในใจต่างคาดเดาว่าชายคนนี้แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่
ถึงได้ทำให้เจ้านายอันดับหนึ่งของหยูโจวมาขอชนแก้วด้วยตัวเอง
ชูเฉียวจื่อในชุดทักซิโดก็มีดวงตาเบิกกว้าง เขาซึ่งสามารถเดินใกล้ชิดกับคุณชายอย่างจางดาวเรนในฐานะซุปเปอร์ริชรุ่นที่สองได้ ก็ย่อมรู้ว่าเฉินกวงซิงเป็นเจ้านายระดับไหน เขา ไม่สิ พ่อของเขาต้องการหาโอกาสที่จะพบเฉินกวงซิงมาโดยตลอด แต่ไม่มีโอกาส คนที่ขาดคุณธรรมและความความสามารถอย่างลู่เฉินคนนี้ ทำไมถึงทำให้เจ้านายเฉินมาชนแก้วด้วยตัวเองได้
หรือว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ของเฉินจือหรานกับลู่เฉินจึงได้รับการยอมรับจากเขาใช่ไหม
เป็นไปไม่ได้รึเปล่า
คนคนนี้มีครอบครัวแล้วไม่ใช่เหรอ เจ้านายเฉินยอมให้ลูกสาวอันเป็นที่รักของตัวเองและผู้ชายที่ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามามีความสัมพันธ์กันได้ยังไง
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ผู้ชายคนนั้นมีความสามารถอะไรที่ทำให้เจ้านายเฉินปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพแบบนี้
ลู่เฉินหันกลับมามอง เห็นว่าเป็นเฉินกวงซิง จึงยิ้มและยกแก้วขึ้น “เดิมทีผมอยากจะไปชนแก้วกับท่าน เพียงแต่ว่าโต๊ะนั้นมีแต่เจ้านาย ผมจึงล้มเลิกความคิดไป”
ฉินกวงซิงพยักหน้า เขารู้ว่าลู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้โดดเด่น เซ่ซูเจี๋ยและคนอื่นๆที่โต๊ะนั้นต้องเป็นมิตรกับเขา ถ้าเขาไปชนแก้ว มันจะทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจไปทั่วทั้งสถานที่นี่ ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ที่ลู่เฉินต้องการเห็นอย่างแน่นอน
“เข้าใจ มาชนแก้วกันสักแก้วเถอะ ไว้วันหลังพวกเราค่อยมาดื่มกันอีก”เฉินกวงซิงยิ้ม และชนแก้วกับลู่เฉิน
ทั้งสองคนดื่มกันไปหมดแก้ว เฉินกวงซิงจึงพูดว่า “งั้นผมขอตัวก่อน จือหราน เสี่ยวปิง พวกเธอก็ดื่มเป็นเพื่อนน้องลู่หน่อยแล้วกัน”
พูดจบเขาก็กำลังจะกลับไป และในขณะเดียวกัน ชูเฉียวจื่อก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาและพูดว่า “เจ้านายเฉิน สวัสดีครับ ผมชื่อชูเฉียวจื่อ พ่อของผมคือเมิ่งอวิ๋นเฟย ผมขอดื่มให้ท่านหนึ่งแก้ว ขอให้งานทุกอย่างของท่านราบรื่นครับ”
เฉิงกวงซิงมองชูเฉียวจื่อ พยักหน้าและพูดว่า “ผมดื่มไม่เก่ง คุณดื่มเป็นเพื่อนพวกเขาเถอะ”
ไม่ไว้หน้าชูเฉียวจื่อเลยสักนิด
ไม่ว่าจะเป็นชูเฉียวจื่อ หรือเมิ่งอวิ๋นเฟยพ่อของเขา ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเฉินกวงซิง เขาย่อมไม่รับการดื่มเพื่อเคารพจากชูเฉียวจื่อ
ชูเฉียวจื่อถือแก้วไวน์อยู่กลางอากาศ ด้วยสีหน้าอาย
ทำให้จางดาวเรนที่เพิ่งลุกขึ้นเพราะอยากจะชนแก้วด้วย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอายด้วย
“คุณลุงเฉินยุ่งมาก ดังนั้นคงไม่ว่างที่จะมาดื่มกับเด็กๆอย่างพวกเรา” จางดาวเรนหัวเราะเล็กน้อย และดึงชูเฉียวจื่อไว้ เพื่อปกปิดความอายจากการถูกเพิกเฉย
“คุณรู้จักเจ้านายเฉินได้ยังไง”หยูเจิ้งเทา หันไปทางลู่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีคลื่นโหมกระหน่ำซัดซาดอยู่ในใจ
ในใจของเขา แม้ลู่เฉินจะมีเงินนิดหน่อย หรือแม้เขาจะเก่งในเรื่องของโบราณ แต่ก็ไม่น่าจะเทียบเท่ากับคนสี่ตระกูลใหญ่ได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้านายอันดับหนึ่งอย่างเฉินกวงซิงที่มีความเคารพต่อเขาอย่างมาก
“ผมกับเจ้านายเฉินได้มีธุรกิจบางอย่างที่ได้ร่วมงานกัน จึงรู้จักกัน” ลู่เฉินพูดออกไปตามความจริง
“หึ ตระกูลเฉินไม่ได้อยู่ในธุรกิจจิวเวลรี่ ถึงคุณจะได้รับลู่ทางอัญมณี ก็ไม่มีทางที่จะได้ร่วมงานกับเจ้านายเฉิน คุณไม่ต้องมาบอกพวกเราว่า คุณกับตระกูลเฉินร่วมงานกันสร้างหยูโจว”หยูเจิ้งเทาพูดอย่างเย็นชา
เขาไม่เคยมีความรู้สึกดีต่อลู่เฉิน และยิ่งไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะมีคุณสมบัติพอที่จะร่วมงานกับตระกูลเฉิน
“อาจารย์หยูอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเขา เขาแค่โชคดี มีโอกาสได้ช่วยงานคุณท่านเฉินแค่ครั้งหนึ่งเท่านั้น ก็เอาจริงเอาจังกับตัวเองแล้ว”ในใจจางดาวเรนรู้ความสัมพันธ์ของลู่เฉินและตระกูลเฉินดี ในความคิดของเขา ลู่เฉินต้องเอาชนะฮันเทียนในวันนั้นได้แน่ ช่วยให้คุณท่านเฉินชนะคุณปู่ของเขา ตระกูลเฉินถึงได้มองเขาต่างออกไป
ส่วนเรื่องร่วมงานกับตระกูลเฉินนะเหรอ
เขาไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะมีความสามารถนี้
ที่จะสามารถร่วมงานกับตระกูลเฉินได้ อย่างน้อยต้องอยู่ในสิบอันดับแรกของธุรกิจในหยูโจว นอกจากลู่จง หยูโจวก็ไม่มีตระกูลลู่ที่ไหนที่ร่ำรวยอีก และลู่เฉินก็ไม่ได้เป็นอะไรกับลู่จง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าลู่เฉินกำลังโอ้อวดตัวเองจนเกินจริงอยู่
“คุณเก่งขนาดนั้น งั้นคุณช่วยคุณปู่ผมสักครั้งได้ไหม”เมื่อเห็นจางดาวเรนคล้อยตามลู่เฉิน เฉินจือหรานก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น
ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่า เมื่อเทียบกับลู่เฉินแล้ว จางดาวเรนที่ขี้อวด น่ารำคาญจริงๆ
สีหน้าจางดาวเรนดูไม่ดี คำพูดนี้ของเฉินจือหรานทำให้เขานิ่งงันจริงๆ
ให้ความสามารถเขาอีกสิบเท่า ก็ไม่ได้ช่วยอะไร และไม่มีโอกาสจะช่วยคุณท่านเฉินอีกครั้งได้
“นั่น เซ่ซูเจี๋ย มาแล้ว เขามองมาที่โต๊ะของพวกเราแล้ว คุณชายจาง พ่อคุณพูดถึงคุณรึเปล่า เซ่ซูเจี๋ยจึงมาหาคุณด้วยตัวเอง”
ในตอนนี้ จู่ๆชูเฉียวจื่อก็มีแสงประกายในดวงตา เมื่อเห็นว่าเซ่เว่ยเหา มองมาที่โต๊ะ เขานึกถึงที่จางดาวเรนพูดก่อนหน้านี้ว่าต้องไปชนแก้วแสดงความเคารพ แต่ถูกพ่อของเขาแนะนำให้เขากลับมา ครู่หนึ่งจึงคิดว่าเซ่ซูเจี๋ยน่าจะมาหาจางดาวเรน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง และต่างแปลกใจที่ เซ่ซูเจี๋ยมองมาทางนี้จริงๆ
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของชูเฉียวจื่อ พวกเขามองไปทางจางดาวเรนด้วยสายตาอิจฉา
นั่นคือ เซ่ซูเจี๋ยจริงๆ