พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่124 คนใหญ่คนโตต่างมาชนแก้วกัน
บทที่124 คนใหญ่คนโตต่างมาชนแก้วกัน
“ท่านนี้คือลู่เฉิน เป็นนักธุรกิจใหญ่ในเมืองหยูโจวของเราเช่นกัน”เมื่อเห็นทุกคนกำลังตั้งตารอคอยให้ตัวเองแนะนำลู่เฉินเซ่ซูเจี๋ยจึงต้องแนะนำอย่างเรียบง่าย
เขารู้ว่าลู่เฉินเป็นคนไม่ชอบอวด แม้กระทั่งลู่เฉินเคยเลี้ยงข้าวคนใหญ่คนโตในเมืองไป แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขา
เพื่อที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของลู่เฉิน แน่นอนว่าเซ่ซูเจี๋ยจะไม่เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดของลู่เฉินออกมาอยู่แล้ว
แต่แม้ว่าเซ่ซูเจี๋ยแค่แนะนำลู่เฉินอย่างง่าย คนที่อยู่ในนี้ล้วนเป็นคนฉลาด ดูจากที่เซ่ซูเจี๋ยไปเชิญชวนลู่เฉินเอง ก็รู้ว่าเขาจะต้องมีอะไรที่ต่างจากคนปกติแน่นอน
ดังนั้นแม้กระทั่งเป็นจั่วเจียเหลียง ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจั่วและเจ้าภาพของวันนี้ ก็ไม่กล้าดูถูกลู่เฉินเช่นกัน
“สวัสดีน้องลู่ คุณสามารถถูกเซ่ซูเจี๋ยเชิญชวนมาด้วยเขาเอง นั้นหมายความว่าธุรกิจของคุณจะต้องพัฒนาได้อย่างดี มามา พี่ขอชนแก้วกับน้องสักแก้วหนึ่ง”จั่วเจียเหลียงลุกขึ้นถือแก้วไวน์ทำท่าชนแก้วลู่เฉินก่อน
“สวัสดีครับผู้นำตระกูลจั่ว ผมก็แค่เปิดซูเปอร์สตาร์เล็กๆแหล่งหนึ่ง จะถือได้ว่าพัฒนาดีได้ยังไงล่ะ เซ่ซูเจี๋ยแค่ไว้หน้าผมสักหน่อยแค่นั้นเอง”ลู่เฉินยิ้มและถือแก้วไวน์ขึ้นมาชนแก้วกับจั่วเจียเหลียง
ถ้าหากจั่วชิงเฉิงก็อยู่ในโต๊ะนี้ด้วย นั้นตอนนี้ลู่เฉินจะต้องเยาะเย้ยเขาสักหน่อยแน่นอน
เพราะหลายวันนี้จั่วชิงเฉิงยังไม่ตายใจอีก สั่งคนไปก่อเรื่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอีกแล้ว แต่แค่ล้วนถูกตำรวจพากลับไปตรวจสอบ
คนที่รู้ฐานะของลู่เฉิน อย่างเช่นพวกเฉินกวงซิงและเซ่ซูเจี๋ย ล้วนยิ้มแต่ไม่เอ่ยเสียงอะไร
คนที่ไม่รู้ฐานะของลู่เฉิน อย่างพวกจั่วเจียเหลียง จางซิงฉวน ก็ล้วนยิ้มแต่ไม่เอ่ยเสียงเช่นกัน
แน่นอนว่า พวกเฉินกวงซิงและเซ่ซูเจี๋ยยิ้มก็เพราะเห็นลู่เฉินทำแบบขอไปทีกับทุกคน
แต่พวกจั่วเจียเหลียง จางซิงฉวนยิ้มก็เพราะรู้สึกว่าลู่เฉินเป็นคนไม่อวดรวยอวดเก่งใดๆ
“แม้กระทั่งผู้นำตระกูลจั่วยังขอชนแก้วกับเขาเลย ไอ้คนนี้สุดยอดหว่า”
หลังจากลู่เฉินและเซ่ซูเจี๋ยไปโต๊ะแรก ทุกคนล้วนมองไปดูที่โต๊ะแรกด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อเห็นว่าจั่วเจียเหลียงยังขอชนแก้วกับลู่เฉินเลย ล้วนรู้สึกประหลาดใจมาก
ถ้าแค่เฉินกวงซิงและเซ่ซูเจี๋ยชนแก้วกับเขายังพอว่า เพราะสามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อน
แต่หลังจากเขาไปแล้วแม้กระทั่งเจ้าภาพจั่วเจียเหลียงยังขอชนแก้วกับลู่เฉินเลย
นี่หมายความว่าอะไร?
หมายความว่าฐานะของลู่เฉินต้องสุดยอดแน่นอนไง!
“คุณชายจาง แม้กระทั่งพ่อของคุณยังไปขอชนแก้วกับคนนั้นเลย”ชูเฉียวจื่อพูดกับจางดาวเรนที่สีหน้าแย่มาก
จางดาวเรนพนักหน้า แน่นอนเขาก็เห็นพ่อเขาจางซิงฉวนได้ขอชนแก้วกับลู่เฉิน ถ้าตอนนี้เขายังเชื่อว่าลู่เฉินเป็นเพียงแค่คนธรรมดา นั้นเขาก็โง่แล้ว
เขามองไปที่หยูเจิ้งเทา พูดอย่างเย็นชาว่า”ปรมาจารย์หยู คุณบอกว่าลู่เฉินเป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่ใช่หรือ?ลักษณะแบบนี้มันเรียกว่าคนธรรมดาหรือไง?”
หยูเจิ้งเทารู้สึกเก้อเขิญมาก
ถ้าตอนนี้เขายังนึกว่าลู่เฉินเป็นเพียงแค่ลูกเขยของหลินดาไห่ นั้นเขาก็โง่สุดๆแล้ว
คนใหญ่คนโตมากขนาดนี้ล้วนขอชนแก้วกับเขา จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไงล่ะ?
ลู่เฉินรู้สึกค่อนข้างจนปัญญา เพราะคนไที่ไม่รู้จักเขาล้วนมาชนแก้วกับเขาเนื่องจากเซ่ซูเจี๋ย
คนที่รู้จักเขาก็ยิ่งชนแก้วกันใหญ่เลย อย่างเช่นผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวซัวจุน ผู้อำนวยการสถานีตำรวจจั่วซือเฉิง และคนอื่นๆ พอดื่มสักเที่ยวหนึ่งไป เขาก็ค่อนข้างรู้สึกเมาแล้ว
ดังนั้นหลังจากเที่ยวนี้จบสิ้น ในที่สุดลู่เฉินได้ชนแก้วกับเซ่ซูเจี๋ยคนเดียวครั้งหนึ่ง และได้ชนกับทุกคนอีกแก้วสุดท้าย จากนั้นก็ลุกขึ้นลาก่อน เดี๋ยวยังมีละครดีๆให้ดู เขาจะเมาได้ยังไงล่ะ
เซ่ซูเจี๋ยพยักหน้า เขาได้ดื่มเหล้ากับลู่เฉินหลายครัังแล้ว เขารู้ว่าลู่เฉินดื่มได้ไม่มาก ดังนั้นเลยปล่อยเขาไป
คนพวกจั่วเจียเหลียงเห็นว่าเซ่ซูเจี๋ยยังปล่อยลู่เฉินไป ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินกลับมา สายตาที่ทุกคนมองมาที่เขาล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาและสงสัย
ล้วนอยากจะรู้ว่าตกลงลู่เฉินมีฐานะยังไง ทำไมคนใหญ่คนโตเหล่านั้นล้วนต้องเคารพเขา
มีแต่สายตาของจางดาวเรนปรากฏความมืดมนออกมา
“คุณลู่ ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?”ขณะที่ทุกคนล้วนมองมาที่ลู่เฉินอย่างสงสัย เฉินเสี่ยวปิงก็ได้ถามสิ่งที่ทุกคนสงสัยอยู่ออกมา
พอได้ยินคำพูดนี้ทุกคนต่างมองมาที่ลู่เฉิน
แม้กระทั่งปรมาจารย์อย่างหยูเจิ้งเทา เล่นหมิงเฉาทั้งสามคนก็ล้วนระงับความอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยในใจลงไปได้ ล้วนจ้องมาที่ลู่เฉินอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่นิด
“ฉันนี่เหมือนกับพวกคุณ ล้วนเป็นคนธรรมดาที่มีเลือดมีเนื้อเช่นกัน”ลู่เฉินยิ้มแล้วพูด
“เชอะ!”
ทุกคนล้วนทำตาขาวใส่เขา
“เขาเป็นแค่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆแค่นั้นเอง”
ในเวลานี้มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น ตอบคำถามในใจของทุกคน
“คุณชายจางมาแล้ว คำพูดของคุณชายจางน่าเชื่อถืออยู่แล้ว”
“ใช่ไง บุคลิกของคุณชายจางถือว่าดีมากในคุณชายทั้งสี่ แต่ไอ้คนนี้ได้รับความเคารพจากคนใหญ่คนโตมากขนาดนี้ เป็นเพียงแค่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆเองหรือ?”
ทุกคนเห็นว่าจั่วชิงเฉิงมาแล้ว ล้วนซุบซิบขึ้นมา
แม้พวกเขารู้สึกว่าคำพูดของจั่วชิงเฉิงน่าเชื่อถืออยู่ แต่ภาพพจน์ของเมื่อกี้นี้ยังอยู่ในสมองของพวกเขาด้วย
“ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไหน?”จู่ๆดวงตาของจางดาวเรนก็เปล่งแสงสว่างออกมา มองไปที่จั่วชิงเฉิงแล้วถาม
จั่วชิงเฉิงหันมามองไปทางจางดาวเรน ยิ้มและพูดว่า”พี่ดาวเรนมาแล้วด้วยนี่หว่า มาๆๆ ฉันขอชนแก้วกับพี่ดาวเรนหน่อย”
ระหว่างที่พูดเขาก็ถือแก้วขึ้นมาชนแก้วกับจางดาวเรน พวกเขาล้วนเป็นคุณชายในสี่ตระกูลใหญ่ ฐานะทางครอบครัวก็คล้ายคลึงกัน แถมล้วนเป็นคนที่ต่อหน้าต่อตาทำเป็นใกล้ชิดสนิท แต่ละหลังแข่งขันแย่งชิงหลายๆอย่าง
หลังจากทั้งสองคนดื่มลงไปสักแก้วหนึ่ง จั่วชิงเฉิงถึงจะตอบคำถามของจางดาวเรน”ซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินชื่อว่าเซิ่งซื่อ ขายดีอยู่”
ตั้งแต่อยู่ในงานเลี้ยงของท่านปู่ตระกูลเฉินเขาก็เข้าใจแล้วว่า ความแค้นระหว่างจางดาวเรนและลู่เฉินไม่มีทางแก้ไขได้แล้ว เมื่อได้ยินจางดาวเรนถามถึงชื่อซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉิน เขาก็รู้ว่าจางดาวเรนก็อยากจะไปก่อเรื่องแน่นอน
พอดีหลายวันนี้พี่เขยของเขาไม่ค่อยดี ไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อซูเปอร์มาร์เก็ตเซิ่งซื่อเลย
ถ้าจางดาวเรนก็เข้ามามีส่วนร่วม นั้นก็ยิ่งสนุกกว่าแน่นอน
สามวันก่อนลู่เฉินกล้ามาตบหน้าของเขา ทำให้เขาต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียง เขาได้เตรียมตัวไว้แล้ว จะต่อต้านกับซูเปอร์มาร์เก็ตของลู่เฉินตลอดกาล
“ชื่อว่าเซิ่งซื่อหรือ?ชื่อนี้ตั้งได้ดีมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ”จางดาวเรนพูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด ระหว่างทีีพูดอยู่ยังมองไปทางลู่เฉินด้วย
หลายวันนี้เขาได้ตรวจสอบฐานะของลู่เฉินมาตลอด แต่คาดไม่ถึงว่าไอ้นี่ก็แค่ได้เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเอง
เซิ่งซื่อ เซิ่งซื่อ
จางดาวเรนแอบท่องไว้ในใจ และได้จำชื่อนี้ไว้อย่างขึ้นใจ
เมื่อได้เห็นความโหดเหี้ยมในสายตาของจางดาวเรน ตาของลู่เฉินก็เหล่ขึ้นมา เขารู้ว่าจางดาวเรนกฌจะเริ่มลงมือจัดการซูเปอร์มาร์เก็ตของเขาด้วย
“ดูเหมือนว่าจะต้องหาเวลาสั่งสอนไอ้นี่สักรอบหนึ่ง ไม่นั้นเขาต้องยิ่งทะลึ่งตึงตังขึ้นแน่นอน”ลู่เฉินคิดอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าอู๋เล่ยเพื่อนเก่าของเขาคนนี้โชคร้ายจริงๆ เพิ่งคิดจะนำความคิดของตนเองมาแทรกแซงเข้าในระบบของซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ถูกคนมาก่อเรื่องกันอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาจั่วชิงเฉิงก็ได้พูดคุยและดื่มเหล้ากันกับคนในโต๊ะนี้ แต่ไม่ได้พูดกับลู่เฉินแม้แต่คำพูดเดียว
บรรยากาศเริ่มแปลกประหลาดขึ้น เพราะทุกคนล้วนมองออกว่า ระหว่างจั่วชิงเฉิงและลู่เฉินนั้นจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
แถมจั่วชิงเฉิงก็ไม่ไปแล้ว อยู่แต่โต๊ะของพวกเขามาตลอด
หลังจากกินอิ่มและดื่มเหล้าจนพอแล้ว บรรยากาศทีีแปลกประหลาดเช่นนี้จึงจะหายไป
เพราะนิทรรศการของไข่มุกเรืองแสงจะเริ่มแล้ว
ทุกคนล้วนตั้งตารอคอยขึ้นมา
ลู่เฉินมองไปดูเวลา และก็ได้ปรากฏความคาดหวังออกมาบนใบหน้า