พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่125 ไข่มุกราตรีถูกขโมย
บทที่125 ไข่มุกราตรีถูกขโมย
“คนบางคนแถวนี้น่าจะไม่เคยเห็นไข่มุกราตรีมาก่อนในชีวิตหรอกมั้งครับ?” จั่วชิงเฉิงมองดูลู่เฉินแล้วหัวเราะเยาะ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆแต่การที่เขาพูดเช่นนั้นทุกๆคนก็เข้าใจตรงกันว่าคนบางคนที่เขากล่าวถึงก็คือลู่เฉิน
“ลู่เฉิน เมื่อสักครู่บรรดาผู้ใหญ่ต่างก็พากันมาดื่มให้กับคุณ แน่นอนว่าคุณคงมีประสบการณ์สูง เคยพบเจออะไรมามากมาย ก็คงเคยเห็นไข่มุกราตรีจริงไหมครับ?” เมื่อครู่จั่วชิงเฉิงพูดแบบอ้อมค้อม แต่บัดนี้จางดาวเรนกลับพูดออกมาตรงๆ
“หืม? คุณชายเองก็อยากรังแกผมด้วยเหรอครับ?” ลู่เฉินถามอย่างเจ้าเล่ห์
“ทำไมพูดแบบนั้นละครับ คุณเอาชนะฮันเทียนได้เชียวนะ ผมจะไปกล้าหาเรื่องคุณได้ยังไง” จางดาวเรนหัวเราะออกมา
“กล้าไม่กล้าไม่สำคัญ ที่สำคัญคือคุณลองถามดูว่าหน้าของคุณชายจั่วเป็นแบบนั้นเพราะอะไรก็พอ” ลู่เฉินหัวเราะเบาๆ
ผู้คนทั้งหลายตกตะลึง คำพูดของลู่เฉินมีความหมายว่าแม้แต่จั่วชิงเฉิงเขาเองก็ไม่ละเว้น แถมยังทำซะจนใบหน้าเสียโฉม?
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาจัดการจั่วชิงเฉิงเสียเป็นเช่นนั้นแต่ยังกล้ามาร่วมงานแสดงไข่มุกราตรีที่ตระกูลจั่วจัดขึ้นในวันนี้อีก เห็นได้ชัดว่าเขาใจกล้าขนาดไหน?
จั่วชิงเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เรื่องสามวันก่อนที่เขาถูกลู่เฉินตบหน้าเข้าให้นั้นอีกทั้งทำให้เสียโฉม เขาจำฝังลึกไว้ในใจ แต่นึกไม่ถึงว่าลู่เฉินจะพูดออกมาแบบนี้ อีกทั้งยังพูดต่อหน้าสาธารณชนซึ่งไม่ไว้หน้าเขาเลย
“ลู่เฉิน แล้วแกจะเสียใจ!” จั่วชิงเฉิงกัดฟันพูดออกมา
“ทำไมหรือครับ คุณชายจั่วจะรังแกผมอีกแล้วเหรอ?” ลู่เฉินพูดหยอก
เขารู้ดีว่าที่จั่วชิงเฉิงพูดออกมานั้นคืออะไร
สองวันมานี้เขาตรวจพบว่ามีชายคนหนึ่งชื่อว่าจู้เสี่ยวจุนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อกวนความสงบที่ร้านค้าของเขา ทางตำรวจได้ตรวจสอบและติดตามการกระทำของชายคนนี้ไว้แล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นลุงของจั่วชิงเฉิง ทางตำรวจจึงยังไม่ได้ลงมือจับกุม
ลู่เฉินก็ไม่ได้เร่งให้พวกเขาดำเนินการ เขาปล่อยให้ทางตำรวจเป็นผู้จัดการตามขั้นตอน เพื่อให้เหตุการณ์ในตอนนี้สงบลง ป้องกันการจบอย่างไม่สวย
วิธีที่จะสามารถจัดการได้มีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ เขาจะต้องทำให้จั่วชิงเฉิงเกรงกลัวอย่างแท้จริง และไม่กล้ามายุ่งกับเขาอีก
และฉากสำคัญกำลังจะเริ่มขึ้นในคืนนี้
“แกคิดว่าแจ้งตำรวจแล้วจะทำอะไรได้งั้นเหรอ คิดว่าจะไม่มีคนไปก่อความวุ่นวายแล้วสินะ?” จั่วชิงเฉิงมองดูลู่เฉินแล้วหัวเราะออกมา
ลู่เฉินเพียงยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร ที่จริงเขาไม่ได้ให้เสี่ยวชัวจุนลงมือ เพราะไม่อยากให้เสี่ยวชัวจุนลำบากใจ
หากเขาสั่งการให้เสี่ยวชัวจุนดำเนินการอย่างเด็ดขาด เสี่ยวชัวจุนก็ต้องฟังคำสั่งเขาอยู่ดี
แต่แบบนั้นไม่ใช่วิธีการแก้ไขที่ดีที่สุด
นอกเสียจากให้จั่วชิงเฉิงยอมวางมือด้วยตนเอง
“คุณชายครับ นายท่านให้มาเรียนว่าถึงเวลานำไข่มุกราตรีออกมาให้ผู้คนชื่นชมแล้ว”
ในขณะนั้นเอง ผู้ดูแลบ้านตระกูลจั่วก็เดินเข้ามาและพูดกับจั่วชิงเฉิง
จั่วชิงเฉิงพยักหน้าและหันไปพูดกับลู่เฉินว่า “เรื่องของพวกเราเอาไว้แค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ฉันค่อยจัดการแกใหม่ คืนนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่าอะไรคือไข่มุกราตรีของแท้”
“อ๋อ งั้นหรือ? กลัวว่าคุณจะทำให้พวกเราผิดหวังนะสิ” ลู่เฉินพูด
“แกคิดไปเองแล้วละ ไข่มุกราตรีสองเม็ดที่ตระกูลจั่วนำมาจัดแสดงนี้เป็นไข่มุกเม็ดที่เก่าแก่และมีคุณค่ามากที่สุด จะทำให้ผิดหวังได้ยังไง?” จั่วชิงเฉิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ผมหมายถึงว่า ของไม่ว่าจะดีขนาดไหนก็ควรจะเก็บรักษาไว้ในมือให้ดี ถึงจะเรียกว่าเป็นของดี” ลู่เฉินพูดอย่างมีเหตุมีผล
จั่วชิงเฉิงตกตะลึง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่เฉินพูดออกมา
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งถกเถียงกับลู่เฉิน เขาทำได้เพียงมองค้อนเบาๆจากนั้นเดินตามผู้ดูแลไป
จั่วชิงเฉิงเดินมาถึงห้องลับใต้ดินของหยุนเฟยกรุ๊ป ในห้องนี้ตามปกติจะใช้เก็บเพชรพลอยที่มีมูลค่ามหาศาล คนภายนอกทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้และไม่มีสิทธิ์เข้ามา
ไข่มุกราตรีสองเม็ดนี้เป็นตัวเอกของการที่จะทำให้หยุนเฟยกรุ๊ป เชิดหน้าชูตาอีกครั้งหนึ่ง และดูจากสถานการณ์ในวันนี้ก็เป็นไปได้สวย
ทั้งสี่ตระกูลใหญ่อีกทั้งเซ่เว่ยเหาและผู้ใหญ่คนอื่นๆล้วนเดินทางมาร่วมงาน เป็นการบ่งบอกถึงความให้เกียรติตระกูลจั่ว
รอให้ไข่มุกราตรีถูกนำไปจัดแสดงให้ผู้คนทั้งหลายได้เห็น งานในวันนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้น
จั่วชิงเฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาเดินเข้าไปในห้องลับจากนั้นตรงไปที่ตู้เซฟเก็บไข่มุกราตรี
ก่อนหน้านี้เขาได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ ทำให้หยุนเฟยกรุ๊ป ตกอยู่ในอันตราย
ในวันนี้ เขาจะทำให้หยุนเฟยกรุ๊ป กลับมายืนขึ้นใหม่ด้วยมือของเขาเอง
จั่วชิงเฉิงหยิบกุญแจตู้เซฟออกมาและเปิดมันออกด้วยความตื่นเต้น
แต่วินาทีนั้น เขาก็แทบจะเป็นลม
เนื่องจากในตู้เซฟไม่มีไข่มุกราตรี มีเพียงกระดาษใบเดียววางไว้
จั่วชิงเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด เนื่องจากไข่มุกราตรีสองเม็ดนี้ไม่เป็นเพียงความหวังของเขา แต่ผู้คนที่มาร่วมงานมากมายที่รออยู่ด้านนอกในขณะนี้ ก็กำลังรอชมไข่มุกราตรีด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
หากเขาไม่สามารถนำไข่มุกราตรีออกมาได้ แค่คิดก็รู้ดีว่าจะเกิดผลเสียใดตามมา
แน่นอนผู้คนทั้งหลายจะต้องบอกว่าตระกูลจั่วสร้างข่าวลือและหลอกลวง
หลอกลวงคนธรรมดาทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่
แต่นี่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ที่ตระกูลของเขาเชิญมามากมาย
สามารถเดาได้เลยว่าการที่หลอกลวงพวกเขานั้นมีจุดจบอย่างไร ต่อไปนี้จะมีใครให้ความเชื่อถือตระกูลจั่ว?
ยังมีใครกล้าให้การสนับสนุนพวกเขาอีก?
นี่มันยิ่งกว่าหายนะซะอีก!
เมื่อจั่วชิงเฉิงได้สติกลับคืนมา เขาก็รีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านเบาๆ
“นี่เป็นเพียงคำเตือนจากการที่ตระกูลจั่วของคุณรังแกผม หากครั้งหน้ายังกล้ามารังแกกันอีก สิ่งที่หายไปอาจไม่ใช่แค่ไข่มุกราตรี แต่เป็นสิ่งที่ตระกูลจั่วของคุณไม่สามารถรับได้”
นี่คือเนื้อหาของกระดาษใบนั้น เมื่อเขาอ่านจบ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นโกรธจัด
เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของลู่เฉิน ถ้าเขายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำก็คงจะโง่เกินไปแล้ว
“ลู่เฉิน แม่งเอ้ย เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!” จั่วชิงเฉิงกัดฟันพูดออกมา
“คุณชายครับ ไข่มุกราตรีละ? พวกผู้ใหญ่รอดูอยู่แล้วครับ” เมื่อเห็นคุณชายนิ่งไปและต่อมามีสีหน้าโมโห ผู้ดูแลจึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง
“ถูกขโมยไปแล้ว” จั่วชิงเฉิงพูดอย่างเยือกเย็น
“หะ!? จะเป็นไปได้ยังไงครับ ที่นี่คุณชายมีกุญแจเพียงคนเดียว และยังมีกล้องวงจรปิดคอยดูตลอด ใครจะเข้ามาได้ยังไง?” ผู้ดูแลอุทานออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
“เดี๋ยวผมจะไปดูกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้” จั่วชิงเฉิงพูดแล้วเดินไปยังห้องควบคุม เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าลู่เฉินขโมยไข่มุกราตรีออกไปได้อย่างไร
ห้องควบคุมของหยุนเฟยกรุ๊ปขนาดใหญ่มาก ข้างในมีคนดูแลอยู่กว่ายี่สิบคน แต่เมื่อจั่วชิงเฉิงเดินเข้าไปข้างในนั้น ก็พบว่าทั้งยี่สิบกว่าคนสลบอยู่ที่พื้นบ้างที่เก้าอี้บ้าง
สีหน้าของจั่วชิงเฉิงเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดปรากฏว่าถูกคนทุบพังไปแล้ว จึงไม่สามารถจับภาพไว้ได้
“ลู่เฉิน แกหนีไม่พ้นแน่!” จั่วชิงเฉิงหมดความหวังกับการหาหลักฐานจากกล้อง แต่เพียงแค่กระดาษใบนั้นก็เป็นหลักฐานเพียงพอแล้ว เขาแน่ใจว่าลู่เฉินเป็นคนขโมยไข่มุกราตรีไปแน่ๆ
เขาตะโกนออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นใจ จากนั้นรีบเดินไปยังห้องโถงที่จัดงาน
เขาจะต้องจับลู่เฉินให้ได้คาหนังคาเขา จะต้องทำให้เขาคืนไข่มุกราตรีมาอีกทั้งยอมรับผิดต่อหน้าผู้คนให้ได้