พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่126 ขาดสติ
บทที่126 ขาดสติ
ผู้ดูแลและจั่วชิงเฉิงเดินกลับมายังห้องโถง และตรงมายังโต๊ะประธาน เขากระซิบเข้าที่ข้างหู จั่วเจียเหลียง ว่า “นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้ว ไข่มุกราตรีถูกคนขโมยไป”
“อะไรนะ?” จั่วเจียเหลียงตกใจจนลุกพรวดขึ้นมา บรรดาผู้ที่ร่วมโต๊ะด้วยกันล้วนมองเขาด้วยความประหลาดใจ
เนื่องจากบุคคลระดับนี้มักถูกอบรมมาอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวใดๆก็ต้องรักษาภาพพจน์ไว้ แน่นอนว่าเขาจะไม่ตกอกตกใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแน่นอน
แต่ในขณะนี้จั่วเจียเหลียงกลับตื่นตระหนกเสียจนลืมตัว
เรื่องสำคัญขนาดไหนกันที่สามารถทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้?
“ทุกท่านครับ พวกคุณคุยกันตามอัธยาศัยไปก่อน ผมขอตัวสักครู่” จั่วเจียเหลียงรู้ว่าตนได้ทำการไม่สมควรออกไป จึงรีบขอโทษและปลีกตัวออกไปพร้อมกับผู้ดูแล
“ชิงเฉิงล่ะ?” เมื่อเดินมาถึงห้องหนึ่ง จั่วเจียเหลียงจึงเอ่ยถามขึ้น
“คุณชายบอกว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนที่ชื่อว่าลู่เฉินครับ คุณชายกำลังไปหาเขา” ผู้ดูแลไม่รู้ว่าลู่เฉินคือใคร แต่ในเมื่อเป็นเขาที่ขโมยไข่มุกราตรีไป ก็น่าจะกำลังหลบหนีอยู่ ซึ่งคุณชายของเขากำลังออกไปตามจับตัวมา
“ลู่เฉิน?” จั่วเจียเหลียงขมวดคิ้ว ลู่เฉินเป็นใครนั้นเขารู้ดี ชายหนุ่มคนนั้นขนาดเซ่ซูเจี๋ยยังให้ความเคารพ เขาจะไปทำเรื่องขโมยของแบบนี้ได้ยังไง
เฉินกวงซิงเองก็มีท่าทีสนิทสนมกับเขามาก คนระดับนี้จะเป็นโจรงั้นเหรอ?
นอกเสียจาก……เรื่องนี้มีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เมื่อคิดได้ดังนั้น จั่วเจียเหลียงก็ใจเต้นโครมคราม
หากเป็นอย่างที่เขาคิดละก็ต้องแย่แน่ๆ
หรือบางทีอาจทำให้ตระกูลจั่วของเขาไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนเลยก็ได้
การที่ไข่มุกราตรีถูกขโมยไม่ได้ส่งผลกระทบเท่าไหร่ พวกเขาไปเอ่ยปากขอโทษถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายก็น่าจะผ่านไปได้บ้าง
แต่หากตระกูลอันดับหนึ่งอย่างตระกูลเฉินฉวยโอกาสนี้ขึ้นมาล่ะ?
ถ้าเป็นแบบนั้น จั่วเจียเหลียงเองก็ไม่กล้าว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
เพราะว่าเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้เหตุการณ์ต่อไปนี้สงบลงได้
“นายท่านขอรับ เราทำยังไงกันดี คุณชายออกไปตามจับตัวหัวขโมยอยู่ แน่นอนว่าคงจะตามไม่ทัน บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายรอชมไข่มุกราตรีอยู่มากมายเลยครับ” ผู้ดูแลพูด
“เพี๊ยะ!!!”
จั่วเจียเหลียงตบเข้าให้ที่หน้าของผู้ดูแลแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ใครบอกแกว่าลู่เฉินเป็นหัวขโมย? ถ้าแกกล้าพูดไร้สาระอีกละก็ ระวังฉันจะไล่แกออกไปจากบ้าน”
ผู้ดูแลถูกจั่วเจียเหลียงตบเข้าอย่างจัง เขายังมึนงงไม่หาย
ภายในใจก็คิดว่าก็คุณชายบอกมาแบบนี้ เขาก็แค่พูดตามคุณชายเท่านั้นเอง
แต่เขาจะกล้าไปต่อปากต่อคำได้ยังไง? ทำได้เพียงก้มรับว่า “ครับนายท่าน”
จั่วเจียเหลียงไม่ได้สนใจผู้ดูแลอีก เขาเปิดประตูแล้วเดินจากไป
เขารู้ว่าลู่เฉินนั่งอยู่โต๊ะไหน และจะต้องรีบไปห้ามการกระทำโง่ๆของลูกชายก่อนสายเกินแก้
เขาเชื่อมั่นในตัวลูกชายของเขาว่าคงไม่กล่าวร้ายใครโดยไม่มีเหตุผลแน่นอน การที่บอกว่าลู่เฉินเป็นคนทำนั้นจะต้องมีหลักฐานบางอย่าง
และเขาต้องขัดขวางลูกชายเอาไว้
เนื่องจากนี่เป็นกับดัก
เขาเองก็พอจะเดาออกมาบ้างแล้ว
บัดนี้จั่วชิงเฉิงตรงเข้าไปหาลู่เฉินด้วยสีหน้าโมโหอย่างสุดขีด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกว่ายี่สิบคนเดินตามหลังเขามา
ผู้คนในงานต่างพากันแตกตื่น คิดไม่ถึงว่าจั่วชิงเฉิงเข้าไปเอาไข่มุกราตรี แต่กลับเดินออกมาพร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มใหญ่ หรือมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นถึงทำให้คุณชายจั่วเป็นแบบนี้ไปได้?
จางดาวเรนและคนอื่นๆก็ตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าคุณชายสูงส่งแบบนี้จะทำตัวแบบนี้
ต่อให้มีความแค้นส่วนตัว ก็น่าจะไปจัดการเอานอกรอบไม่ใช่เหรอไง?
เป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ แต่กลับไร้ความอดทนขนาดนี้?
สองสาวพี่น้องตระกูลเฉินก็งุนงง พวกเธอมองดูจั่วชิงเฉิงและคนกลุ่มใหญ่เดินตรงมายิ่งทำให้ประหลาดใจ
ในสายตาของพวกเธอ คุณชายจั่วทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
หวงยาวจุนและอีกหลายๆคนล้วนไม่เข้าใจ ปกติแล้วจั่วชิงเฉิงไม่ใช่คนแบบนี้
เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้โมโหจนฟิวส์ขาด?!
หรือว่าลู่เฉินจะทำเรื่องอะไรให้จั่วชิงเฉิงและบ้านตระกูลจั่วโกรธแค้น?
“ลู่เฉิน!”
จั่วชิงเฉิงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
ทุกคนล้วนหันไปมองและตกอกตกใจเนื่องจากเสียงของเขาดังมาก และยังแฝงไปด้วยความโกรธแค้น
ลู่เฉินยังคงนิ่งสงบ เขาไม่ได้มีความเดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่น้อย
เขามองไปยังจั่วชิงเฉิงที่กำลังโมโหสุดขีด แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “อ้าวคุณชายจั่ว ทำไมพาคนมาเยอะแยะแบบนี้ละครับ คุณจะมาแบบหมาหมู่หรือไง จะรังแกผมอีกแล้วเหรอ?”
จากเดิมจั่วชิงเฉิงยังพอมีสติอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉินแล้วนั้นเขาก็ขาดสติทันที และตอบไปอย่างโมโหว่า “แม่งเอ้ย ฉันจะหักขาแก!!!”
เมื่อพูดจบก็หันไปพูดว่า “จัดการมันซะ!”
เมื่อผู้คนเห็นดังนั้น
ก็พากันหลบหนีไปไกลๆ แม้แต่สองพี่น้องตระกูลเฉินก็เช่นกัน
พวกเธอไม่กลัวว่าลู่เฉินจะได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เขาเอาชนะฮันเทียนได้ แล้วคนพวกนี้จะไปสู้เขาได้ยังไงกัน?
บางทีการต่อสู้ก็ไม่ได้วัดกันที่จำนวนคนหรอกนะ
สามศาสตราจารย์รีบหลบออกไปตั้งแต่แรก พวกเขาอายุมากแล้วหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย คาดว่าคงไม่ได้ตายเพราะโรคชราแน่
ลู่เฉินเองก็ไม่ได้ขยับไปไหน พูดตามตรงว่าแค่เจ้าหน้าที่ยี่สิบกว่าคนนี้อาจทำให้เขากังวลบ้างเล็กน้อย แต่ความมั่นใจไม่ได้น้อยลงไปเลย
เขากำลังรอการปรากฏตัวของจั่วเจียเหลียงอยู่
เขาไม่เชื่อว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแล้วจั่วเจียเหลียงจะไม่ก้าวออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ในขณะนั้นเอง เสียงของจั่วเจียเหลียงได้ดังขึ้น กลุ่มคนเหล่านั้นเมื่อได้ยินเสียงหัวหน้าตระกูลสั่งดังนั้นก็หยุดลง
“ถอยไปทุกคน เดี๋ยวนี้” จั่วเจียเหลียงพูดกับพวกเขา
“ครับ!” เจ้าหน้าที่เหล่านั้นตอบรับและรีบถอยออกมา
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พ่อครับ เขาขะ……”จั่วชิงเฉิงเห็นว่าพ่อของตนไล่เจ้าหน้าที่ออกไปอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะพูดความจริงออกมาว่าลู่เฉินขโมยไข่มุกราตรีไป
เพียงแต่เขายังพูดไม่ทันขาดคำ ก็ถูกผู้เป็นพ่อตบหน้าเข้าให้ฉาดใหญ่
“ไสหัวกลับไปซะ เดี๋ยวฉันคิดบัญชีแกทีหลัง” จั่วเจียเหลียงสั่ง
จั่วชิงเฉิงเองกำลังตกตะลึง เขาเสียหน้ามาก นี่เป็นพ่อของเขาแท้ๆอีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่ได้โง่ เมื่อถูกพ่อตบเข้าอย่างนั้นจึงตาสว่าง
เรื่องแบบนี้ต่อให้เป็นลู่เฉินเอาไข่มุกราตรีไปจริงๆ ก็ไม่ควรเอามาพูดต่อหน้าสาธารณชนไม่ใช่หรือ?
หากสามารถจัดการกับลู่เฉินได้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่มองดูแล้วลู่เฉินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกผู้ใหญ่ชั้นสูง ตระกูลจั่วจะกล้าฉีกหน้าเขาเชียวหรือ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น จั่วชิงเฉิงก็มองไปยังลู่เฉินและเดินออกไป
จั่วเจียเหลียงหันมามองลู่เฉินและพูดออกมาว่า “คุณลู่ครับ ต้องขออภัยแทนลูกชายผมด้วยที่ทำให้คุณต้องเสียขวัญ ผมอบรมสั่งสอนเขาไม่ดีเป็นความผิดผมเอง”
จั่วเจียเหลียงชื่นชมในความสงบนิ่งของลู่เฉินมาก คนกว่ายี่สิบคนท่าทางน่ากลัวเดินเข้ามา แต่เขากลับไม่ไหวติงตื่นตระหนกใดๆทั้งสิ้น เห็นได้ว่าลู่เฉินมีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใด
เมื่อจั่วเจียเหลียงพบเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเพียงนี้ เขารู้สึกเริ่มขาสั่นขึ้นมาทันใด