พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่134 วังเสวี่ยกู้เงินนอกระบบ
บทที่134 วังเสวี่ยกู้เงินนอกระบบ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินอี้จุนตื่นขึ้นมาอย่างเช้า และไม่ได้พูดกับลู่เฉินสักคำ เห็นได้ชัดว่าในใจเธอยังคงโกรธขรึมอยู่
ไม่ ไม่เพียงแต่โกรธ ยังเสียใจมากๆด้วย
แต่งงานกันสี่ปี ถูกหลอกลวงมาสี่ปี ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงไม่เพียงแค่โกรธแค่นั้นเองหรอก
หลินอี้จุนลุกขึ้นมา ลู่เฉินก็ตื่นแล้ว เขามองไปดูหลินอี้จุนที่ไม่พูดกับเขาอย่างเงียบๆ ในใจเริ่มมีความโลเลเกิดขึ้น แถมเขายังเกือบจะพูดเรื่องนี้ออกมาก่อน
หลังจากหลินอี้จุนออกจากบ้าน ลู่เฉินก็ลุกตัวขึ้นมา หลังจากเขาอาบน้ำแต่งกายเสร็จ ก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้าให้ฉีฉี
พอส่งฉีฉีไปที่อนุบาลเสร็จ เขาก็คิดจะไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเที่ยวหนึ่ง
แม้ จั่วชิงเฉิง เป็นไปไม่ได้ที่จะสั่งคนมาก่อความวุ่นวายในซูเปอร์มาร์เก็ตของเขาอีก แต่เขารู้ว่าจางดาวเรนจะต้องสั่งคนมาแน่นอน และน่าจะคือช่วงเวลาไม่กี่วันนี้หรอก
ในเวลานี้ เขายังคงเป็นห่วงอู๋เล่ยอยู่ เขาเป็นห่วงว่าความมั่นใจในตัวของอู๋เล่ยจะถูกโจมตี
โชคดีที่อู๋เล่ยไม่ได้ทำให้เขาต้องผิดหวัง กิจกรรมทางการตลาดที่เขาจัดขึ้นมาเองก็ประสบความสำเร็จอยู่
ลู่เฉินมาถึงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งแต่เช้า ยังมีอีกประมาณครึ่งชั่วโมงซูเปอร์มาร์เก็ตถึงจะเปิด แต่ได้มีคนไม่น้อยกว่าร้อยคนเข้าแถวรออยู่ข้างนอกแล้ว
ในมือของพวกเขาล้วนถือบัตรกำนัลที่แจกจากกิจกรรมทางการตลาด ในนั้นส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนและวัยชรา
สิ่งของในซูเปอร์มาร์เก็ตเซิ่งซื่อ แน่นอนว่าไม่มีปัญญาอะไรอยู่แล้ว แถมช่วงหลายวันนี้ยังมีตำรวจมาจัดการพวกที่ก่อความวุ่นวายอย่างเจตนาด้วย ผู้คนเลยเริ่มเชื่อถือซูเปอร์มาร์เก็ต เซิ่งซื่อ
ทุกคนล้วนเข้าใจแล้วว่า ไม่ใช่สิ่งของในซูเปอร์มาร์เก็ตมีปัญหา เป็นเพราะว่าเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตไปขัดใจคนอื่น จึงถูกคนอื่นมาใส่ร้าย
เมื่อลู่เฉินเห็นว่ามีคนแก่ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งกำลังต่อแถวอยู่ จึงโทรหาอู๋เล่ย ให้เขาไปตามพนักงานมาอย่างเร็ว จะต้องรีบมาเป็นประตู อย่าให้พวกคนแก่ต้องรอนาน
จากนั้นเขาก็โทรให้ซ่งไห่ เรียกซ่งไห่ที่กำลังกอดเมียน้อยนอนอยู่นั้นออกมาทันที ให้เขาพาคนบางส่วนมาเป็นยามชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนมาก่อความวุ่นวายแบะสร้างความเดือดร้อน หรือทำร้ายผู้สูงอายุพวกนี้ที่กำลังต่อแถวอยู่
ลู่เฉินไม่ได้เดินไปไกล และก็ไม่ได้ทักทายกับกลุ่มคนพวกอู๋เล่ย ได้สังเกตสถานการณ์ของซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตลอด
พอซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดให้บริการแล้ว แม้ว่าเป็นตอนเช้า แต่คนที่มาซื้อของยังมากกว่าช่วยเวลาที่ขายดีของวันปกติหน่อยนึง
เห็นได้ชัดว่ากิจกรรมการตลาดครั้งนี้ที่จัดขึ้นโดยอู๋เล่ยได้ประสบความสำเร็จ
จนกว่าผ่านเที่ยงวันไป ทุกสิ่งกำลังดำเนินการอย่างราบรื่น ไท่มีคนมาก่อความวุ่นวาย ลู่เฉินจึงเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต เตรียมไปกินอาหารกลางวัน
ลู่เฉินเพิ่งเดินออกไปกินข้าว ยังไม่ทันได้ถึงร้านอาหารที่เขาอยากไป ก็เห็นในซอยหนึ่ง มีคนร่างใหญ่หลายคนฉุดตัววังเสวี่ยและหลินอี้เจียขึ้นบนรถตู้ และขับรถตู้จากไป
ลู่เฉินขมวดคิ้ว จากนั้นก็ขับรถตามขึ้นไปดู
วังเสวี่ยและหลินอี้เจียแม่ลูกคู่นี้ถูกฉุดขึ้นรถ ในใจล้วนรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะหลินอี้เจีย ยิ่งกลัวจนหน้าซีด
“พวกแกทำอะไรเนี่ย?ทำไมถึงฉุดพวกเราขึ้นมา?”วังเสวี่ยแกล้งถามอย่างมีสติ
“เจ้านายของพวกเราอยากจะเจอแก”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพูดอย่างราบเรียบ ดวงตากลับจ้องมองบนร่างกายของหลินอี้เจียอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ
นอกจากคนขับรถ สายตาของชายร่างใหญ่ข้างหลังสามคนล้วนจ้องมาที่ร่างกายของหลินอี้เจีย สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโลภ
ในขณะที่หลินอี้เจียรู้สึกไม่สบาย ในใจก็หวาดกลัวต่อคนพวกนี้ด้วย
มองก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนดี
“เจ้านายของพวกแกเป็นใคร พวกเราไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ”วังเสวี่ยพูดต่อ
“เจ้านายของพวกเราชื่อว่าพี่ชายเปา แกแน่ใจว่าแกไม่รู้จักหรือ?”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งมองไปที่วังเสวี่ยอย่างเยาะเย้ย
วังเสวี่ยใจสั่นทันที พี่ชายเปาเป็นอำนาจใต้ดินอีกอำนาจหนึ่ง ทำธุรกิจให้กู้เงินนอกระบบ วันก่อนเธอได้เล่นการพนันจนเสียเงินไปหมด และในภายใต้การแนะนำของเพื่อน จึงเป็นกู้เงินหนึ่งล้านจากพี่ชายเปา เธอสัญญาว่าจะคืนในวันที่สอง แต่เธอเสียเงินหนึ่งล้านนั้นไปหมดแล้ว ไม่มีเงินคืนพี่ชายเปา
ตอนนี้ได้ผ่านไปห้าวันแล้ว เพื่อไม่ไห้ถูกคนของพี่ชายเปาหาเจอ หลายวันนี้เธอได้ลาไม่ได้ไปทำงาน แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้ก็ยังคงถูกพวกเขาหาเจอแล้ว
“พวกแกจำผิดคนแน่ๆ พวกเราไม่รู้จักพี่ชายเปาที่พวกแกพูดหรอก ถ้าพวกแกยังไม่ปล่อยพวกเราลงไป พวกเราก็จะแจ้งความ”วังเสวี่ยค่อนข้างจะรู้นิสัยใจคอของพี่ชายเปา วิธีการของเขาโหดเหี้ยมมาก นิสัยก็ยิ่งโหดเหี้ยมเข้าไปใหญ่เลย ถ้าเกิดตกอยู่ในมือของพี่ชายเปา เธอไม่ค่อยแนใจว่าตัวเองจะเป็นแบบไหน แต่สิ่งที่เธอแน่ใจคือลูกสาวจะต้องหนีไม่พ้นฝันร้ายแน่ๆ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นชายร่างใหญ่หลายคนนี้มองมาที่ลูกสาวตนเองด้วยความโลภ ก็ยิ่งทำให้เธอกลัวเข้าไปใหญ่
“แจ้งความ?”ชายร่างใหญ่หัวเราะเยาะออกมา และแย่งโทรศัพท์ในมือของวังเสวี่ยไปทันที
ชายร่างใหญ่อีกคนหนึ่งก็บังคับให้หลินอี้เจียเอาโทรศัพท์ออกมา
“ฉันเตือนแกไว้นะ เราล้วนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะ แกอย่ามาคิดสิ่งไม่สมควรคิดนะ ไม่นั้นก็อย่ามาโทษพวกเรา”ชายร่างใหญ่มองไปที่วังเสวี่ย และพูดอย่างเย็นชา
“แกมีสองทางเลือก คืนเงินวันนี้ หรือไม่ก็……”ชายร่างใหญ่ใช้สายตาที่มีความโลภมองไปที่หลินอี้เจีย”หรือไม่ก็เอาลูกสาวของคุณมาชดใช้หนี้ให้พี่ชายเปา”
วังเสวี่ยใจสั่นทันที เธอไม่มีเงินคืนเลย
ในใจของหลินอี้เจียหวาดกลัวสุดๆ หันไปมองวังเสวี่ย ในขณะเดียวกันก็โกรธขรึมมาก”แม่ คุณไปกู้เงินนอกระบบได้ยังไงล่ะ คุณ คุณบ้าไปแล้วหรือ?”
“ฉันก็เพื่อที่จะเอาเงินที่เสียคืนมาไง?”วังเสวี่ยพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“เอาเงินที่เสียคืนมา?คุณเคยเห็นผีการพนันคนไหนที่เอาเงินมาได้ไหม?”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองจะต้องพบในไม่นานนี้ หลินอี้เจียก็ยิ่งรู้สึกโมโห
ครั้งก่อนที่อยู่ในตระกูลเฉิน จู่ๆแม่ของเธอก็บ้าคลั่งขึ้นมา อยากจะเล่นพนันกับคนอื่น ตอนนั้นเธอกับหลินดาไห่ล้วนนึกว่าวังเสวี่ยเล่นแค่น้อยๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าวังเสวี่ยชนะรอบเล็กไปหลายรอบก็บ้าบอคอแตกแล้ว ยังกล้าจะไปเล่นพนันครั้งละเป็นสิบล้านกับคนอื่นด้วย แป๊บเดียวเองก็เสียสี่สิบล้านที่ลู่เฉินให้หลินดาไห่จนหมด
คาดไม่ถึงว่าหลายวันนี้วังเสวี่ยที่ติดพนันยังนำเงินก้อนสุดท้ายของครอบครัวมาเล่นพนันอีก ไม่เพียงแค่นี้ เธอยังไปกู้เงินนอกระบบอีก หลินอี้จุนโมโหจนอยากจะไปชนกำแพง
วังเสวี่ยรู้ว่าตนเองนั้นทำผิด เลยก้มหน้าไม่พูดไม่จา
ไม่นานรถตู้ก็มาถึงหน้าประตูสถานที่อาบน้ำแห่งหนึ่ง ชายร่างใหญ่หลายคนก็จับตัวสองคนเข้าไปในสถานที่อาบน้ำโดยตรง
วังเสวี่ยทั้งสองคนวิ่งก็วิ่งไม่ได้ อยากจะร้องเรียกความช่วยเหลือ แต่ที่นี่นอกจากยามแล้ว ขณะนี้ไม่มีคนมาบริโภคเลย เลยต้องเดินตามพวกเขาเข้าไปในสถานที่อาบน้ำ
หลายคนนำวังเสวี่ยแม่ลูกสองคนเข้ามาในห้องโถงที่กว้างขวางที่นี่ ขณะนี้ในห้องโถงมีชายร่างใหญ่สี่คนกำลังเล่นไพ่อยู่ ในนั้นคนหนึ่งได้ใส่เสื้อกั๊ก โชว์ให้เห็นกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรงออกมา ทั้งสองข้างมีรอยสักเสือดาวอยู่
เขาก็คือพี่ชายเปาที่ปล่อยเงินกู้นั่นเอง ชื่อจริงชื่อว่า วังเปา เป็นหัวหน้าใหญ่ของอำนาจใต้ดินในเมืองหนานผิง
“พี่ชายเปา พวกผมได้นำคนมาแล้วครับ”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้าไปพูด
พอพี่ชายเปาทั้งสี่คนได้ยินคำพูดนี้ ก็ล้วนวางไพ่ในมือลง สายตามองไปดูวังเสวี่ยสองแม่ลูก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นหลินอี้จีย สายตาของทั้งสี่คนล้วนปรากฏความโลภออกมา
เมื่อได้เห็นพี่ชายเปา วังเสวี่ยก็ยิ่งหวาดกลัวขึ้น ได้หลบสายตาของเขาและไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาด้วย