พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่138 เป็นจางดาวเรนอีกแล้ว
บทที่138 เป็นจางดาวเรนอีกแล้ว
“แม่มึงเอ้ย มีคนกล้าแบล็คเมล์กู ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดคนใหญ่คนโตที่วังเปาตามตัวมาก็มาถึง เมื่อผ่านประตูเข้ามา ก็ได้ยินเสียงอันหยิ่งผยองของคนใหญ่คนโตแล้ว
“คุณชายจาง”
“คุณชายจาง”
วังเปาและคนอื่นๆรีบมาต้อนรับอย่างทุลักทุเล ลู่เฉินที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ หันกลับไปมอง แต่กลับถูกแผ่นหลังของวังเปาและคนอื่นๆบังเอาไว้
“แม่มึงเอ้ย ใครบังอาจมาขู่ปิดอาบอบนวดของพวกเรา ลุกขึ้นมา” หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ข้างๆคนใหย่คนโตตะโกนอย่างหยิ่งผยอง
“คุณชายจาง พี่จื่อ มันคือคนที่จะแบล็คเมล์เรา และขู่ว่าจะปิดMoonlight Bathsของพวกเรา”ในที่สุดวังเปาก็กล้าเปิดปากพูด เขาชี้ไปทางลู่เฉิน และตอบด้วยความเย่อหยิ่งและจองหองของเขา
ในที่สุดลู่เฉินก็มองเห็นผู้มาเยือนแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ยิ้ม
ที่แท้ก็เป็นศัตรูเก่าอย่างจางดาวเรนนี้เอง จางดาวเรนและตามมาด้วยชูเฉียวจื่อ ล้วนเป็นคนรู้จักเก่าทั้งนั้น
“แมร่ง ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ ไสหัว………” จู่ๆชูเฉียวจื่อก็จำลู่เฉินได้ คำพูดหลังไม่สามารถพูดออกมาได้ราวกับว่ามีอะไรขวางคออยู่
เขาไม่คิดว่าจะเป็นลู่เฉิน แม้เขาจะยังไม่รู้สภานะจริงๆของลู่เฉิน แต่ผู้ชายคนนี้กลับเป็นคนที่เจ้านายหลายคนอย่าง เซ่เว่ยเหา เซ่ซูเจี๋ย ต่างก็อยากจะชนแก้วผูกมิตรด้วยตัวเอง
ส่วนเขาเป็นเพียงลูกชายของตระกูลเล็ก ๆ จึงไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย
“ไอ้น้อง คุณชายจางของพวกเรามาแล้ว เมื่อกี้แกเพิ่งโวยวายว่าอยากเจอคุณชายจางของพวกเราไม่ใช่เหรอ หยิ่งผยองอีกสิ อ่อใช่ คุณชายจางของพวกเราเป็นทายาทของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่” วังเปามองไปที่ลู่เฉินอย่างติดตลกแล้วหัวเราะ
ก่อนหน้านี้ถูกลู่เฉินตบหน้า ตอนนี้มีจางดาวเรนอยู่ เขาจึงแสดงท่าทางหยิ่งผยองขึ้นมาทันที
ลู่เฉินไม่ได้มองเขาแม้แต่นิดเดียว เขาเพียงแต่มองไปที่จางดาวเรนนิ่งๆ
“ที่แท้ก็คุณเอง” จางดาวเรนก็ไม่คิดว่าจะเป็นลู่เฉิน แล้วดวงตาก็หม่นหมองไปทันที
ความสัมพันธ์ของเขากับลู่เฉินได้ก้าวขึ้นสู่จุดที่เป็นศัตรูที่แท้จริง เขายังไม่ได้ไปสร้างความวุ่นวายให้ลู่เฉิน ไม่คิดว่าลู่เฉินจะมาสร้างความวุ่นวายให้เขาก่อน
เขาเปิดอาบอบนวดแห่งนี้ด้วยตัวเอง ลู่เฉินขู่ว่าจะเรียกคนปิดมัน นี้ไม่ถือว่าเป็นการตบหน้าเขาไปแล้วเหรอ
“ใช่ เป็นผมเอง ไม่คิดว่าอาบอบนวดแห่งนี้จะเป็นคุณเองที่เปิด ไม่น่าเชื่อว่าทายาทในอนาคตของจระกูลจางอย่างคุณ จะกล้าทำผิดกฏหมาย” ลู่เฉินพูดเหน็บแนม
อาบอบนวดนี้ไม่ใช่แค่สถานที่อาบน้ำธรรมดาๆ ยังให้บริการทางเพศด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่จางดาวเรนมักจะมาผูกสัมพันธ์ พูดได้ว่า มีคนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยที่มาที่นี้เพื่อเปิดห้องและเช่าผู้หญิง ผู้หญิงพวกนี้หลังจากที่ถูกพวกคนใหญ่คนโตเรียกใช้แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องไปดูแลแขกคนอื่นแล้ว
นี่คือที่ที่คนกลุ่มใหญ่ซื้อบริการของจางดาวเรน
บริการแบบพี่เศษในระดับติดดาว
“คุณกำลังขู่ผมเหรอ”สีหน้าจางดาวเรนยิ่งขรึมขึ้น
“คุณคิดใช่ไหมว่ากำลังของผม มีแรงไม่เพียงพอที่จะปิดอาบอบนวดของคุณเหรอ” ลู่เฉินมองจางดาวเรน
เดิมทีจางดาวเรนยังมีสีหน้าขรึม แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน กลับทำให้เขาใจสั่น
ที่นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของคนใหญ่คนโตหลายคน ถ้าลู่เฉินนำเรื่องนี้ไปบอกเซ่ซูเจี๋ย
ไม่เพียงแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขาต้องตกที่นั่งลำบาก ที่สำคัญคือจะทำให้สถานะตระกูลจางของเขาสั่นคลอน
จางดาวเรนด่าลู่เฉินในใจอย่างเกลียดชัง แล้วจึงเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ไอ่ย่า ลมอะไรหอบน้องลู่มาที่นี้ได้นะ เป็นการมาที่เหมือนนำแสงสว่างมาที่ต่ำต่อยของผมจริงๆ เร็วเข้าๆ รีบยกชามาให้น้องลู่”
จางดาวเรนก็ไม่ได้โง่ ตอนนี้ยังทำอะไรลู่เฉินไม่ได้ จึงได้แต่ยิ้มให้ก่อน เพื่อให้ผู้ชายคนนี้ตายใจ เมื่อพวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้ว ถึงจะสามารถจัดการกับลู่เฉินได้อย่างช้าๆ
กลุ่มลูกน้องต่างตกตะลึง
วันนี้คุณชายจางไม่ได้กินยาผิดไปใช่ไหม
โดยเฉพาะวังเปา เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นี้คือคุณชายใหญ่ตระกูลจางรึเปล่า เขา เขาดูเหมือนจะค่อนข้างกลัวชายหนุ่มคนนี้
ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน
มีเพียงชูเฉียวจื่อที่เข้าใจความหมายของจางดาวเรน
ลู่เฉินถือเป็นพี่น้องกับเซ่ซูเจี๋ยและเหล่าคนใหญ่คนโต ก่อนที่จะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของลู่เฉินอย่างถ่องแท้ เขารู้ว่าจางดาวเรนยังไม่ต้องการเข้าไปเป็นศัตรูกับลู่เฉิน
“ยังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบยกชามาให้น้องลู่สิ” เห็นวังเปายังยืนไม่ขยับ จางดาวเรนจึงกระซิบบอก
ก่อนหน้านี้เขาเป็นลูกพี่ของที่นี่ แต่ตอนนี้จางดาวเรนมาแล้ว เขาก็เป็นแค่ลูกน้องที่รับคำสั่ง
“จะเชิญผมดื่มชาเหรอ งั้นก็ดีเลย มาๆ นั่งตรงนี้ พวกเรามาคุยกันดีๆ” ลู่เฉินยิ้มอย่างประชดประชัน
ยังคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ไม่เจอกันมานานเหรอ
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว” จางดาวเรนพูดยิ้มๆ แม้ลู่เฉินจะพลิกฐานะที่เสียเปรียบให้กลายเป็นได้เปรียบ แต่ตอนนี้เขาแค่ต้องการส่งเทพแห่งภัยพิบัตินี้ให้ไปโดยเร็ว จึงทำได้เพียงเดินไปที่โซฟาและข้างๆลู่เฉินและนั่งลง
“ไอ้เด็กเปรตนี่เป็นคนของคุณใช่ไหม”ลู่เฉินชี้ไปทางวังเปา
วังเปาแทบกระอักเลือด
ไอ้เด็กเปรตเหรอ
แม่มึงเอ้ย กูแก่กว่ามึงอีกนะ
“ใช่ ใช่ ไม่ทราบว่าไอ้เด็กเปรตคนนี้ไปสร้างปัญหาอะไรให้น้องลู่เหรอ”จางดาวเรนตกตะลึง พยักหน้าอย่างตะขิดตะขวง
“งั้นเรื่องที่เขาทำก็ต้องได้รับการเห็นด้วยจากคุณใช่ไหม”ลู่เฉินถามอีกครั้ง
“เรื่องเล็กๆทั้งหมดผมไม่เข้าไปยุ่ง”จางดาวเรนบอกความจริง คนพวกนี้ทำตามคำสั่งเขา แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องเล็กๆจิปาถะก็จะต้องได้รับคำยินยอมจากเขา
“ปล่อยเงินกู้ก็เรื่องเล็กเหรอ”ลู่เฉินมองจางดาวเรนด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ เรื่องนี้…….”จางดาวเรนไม่แน่ใจว่าลู่เฉินต้องการทำอะไร
แน่นอนการปล่อยเงินกู้ก็ผิดกดหมาย แต่สิ่งที่จางดาวเรนกังวลกว่าคือลู่เฉินจะเอาเรื่องอาบอบนวดไปบอกเซ่ซูเจี๋ย
“เชื่อไหมว่าผมจะปิดอาบอบนวดของคุณได้ในไม่กี่นาที”ใบหน้าของลู่เฉินยังยิ้มอยู่
จางดาวเรนตกใจ เขาเชื่อคำพูดของลู่เฉินจริงๆ
เหมือนเรื่องที่ลู่เฉินและเซ่ซูเจี๋ยและเหล่าคนใหญ่คนโตนับถือเป็นพี่น้องกัน ที่เขาต้องการจะปิดอาบอบนวดของเขาใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีได้จริงๆ
เพราะอาบอบนวดของเขาให้มีการขายบริการด้วย
แม้แต่ช่วงเวลานี้ เขานึกถึงความเป็นไปได้สองอย่าง
หนึ่งคือการใช้ช่องทางการ เพื่อปิดโดยตรง อีกหนึ่งคือให้ผู้สื่อข่าวรายงานเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ
“คือว่า น้องลู่ การพบกันคือโชคชะตา ผมยังได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณ คุณต้องการเงินสิบล้านเป็นค่าทำขวัญ ผมจะให้คุณไม่ขาดสักสลึง ไม่สิ ผมสามารถให้คุณได้อีกห้าล้าน เพื่อความเป็นเพื่อนกันดีไหม”จะไปยุ่งกับเขาไม่ได้ จางดาวเรนทำได้แค่อ่อนข้อลง
นึกถึงตอนที่ลู่เฉินถูกวังเปาตบก่อนหน้านี้ จึงต้องจ่ายค่าเสียขวัญ แล้วจางดาวเรนก็คิดสบประมาทลู่เฉินอยู่ในใจ
ลู่เฉินสามารถเอาชนะยอดนักชกอย่างฮันเทียนได้ด้วยหมัดเดียว กับแค่วังเปา ไม่คณามือเขาหรอก