พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่150 คำท้าของจาวดาวเรน
บทที่150 คำท้าของจาวดาวเรน
“คุณหนูใหญ่บ้านตระกูลเฉินกำลังมาแล้ว อยากจะรู้นักว่าเขาจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง?”
“ไอ้ขยะนี่เมื่อกี้วางถ้าเก่งมากไม่ใช่หรือไง? อีกทั้งยังกล้าทำร้ายอู๋ไคจนเดินไม่ได้ อยากจะรู้นักว่าคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลเฉินจะทำอย่างไรกับเขาเพื่อให้อู๋ไคพอใจ”
“นั่นน่ะสิ ถ้าเมื่อกี้ไม่เห็นแก่หน้าคุณหนูบ้างตระกูลเฉินละก็ ผมเองคงจะออกไปจัดการมันด้วยแล้ว!”
เมื่อสักครู่พวกเขาแต่ละคนกลัวเสียจนหัวหด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินจือหราน แต่ละคนก็ทำเป็นวางท่า ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อสักครู่ถูกลู่เฉินต่อยจนเละไม่เป็นท่า
และบัดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินจือหรานพวกเขาทุกคนก็ทำตัวเป็นพ่อพระ และอ้างว่าเห็นแก่หน้าเฉินจือหรานจึงไม่อยากทำร้ายลู่เฉิน แต่ความจริงแล้วพวกเขาสู้ลู่เฉินไม่ได้แม้แต่นิดเดียวต่างหาก
แต่ใครจะไปรู้ถึงความรู้คิดภายในของเฉินจือหรานตอนนี้ได้
กว่าเธอจะเชิญลู่เฉินมางานนี้ได้ ต้องหยิบยกพื้นที่บริเวณเกาะสีเขียวนั้นมาพูด ลู่เฉินจึงได้ตอบตกลงเดินทางมา
คิดไม่ถึงว่าเธอเพียงแค่ออกไปแต่งหน้าเป็นเพื่อนหลานหลินครู่เดียว พวกเขาเหล่านี้กลับทำให้ลู่เฉินต้องโมโห
ตั้งแต่แรกเริ่มเธอเองก็ไม่ได้ชอบอู๋ไคและเพื่อนเขานัก
ในสายตาของเธออู๋ไคพวกนั้นจะสู้1ได้อย่างไร!
“คุณหนูใหญ่ครับ คุณต้องช่วยผมนะ ไอ้ขยะนี่มันแทรกตัวเข้ามายังไม่เท่าไหร่ พอพวกเราให้มันเอาการ์ดเชิญออกมา มันก็ลงไม้ลงมือกับพวกผม ทำร้ายผมจนขาหักแบบนี้” อู๋ไคพูดร้องขอความเห็นใจจากเฉินจือหราน
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และหากเป็นไปได้เขาจะหักขาทั้งสองข้างของลู่เฉินด้วยมือของตัวเอง
แต่ว่าเฉินจือหรานไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งเดินตรงมาหยุดต่อหน้าลู่เฉินและก้มกล่าวขอโทษว่า “คุณลู่เฉินคะ ดิฉันต้องขออภัยด้วยจริงๆ เมื่อสักครู่ฉันออกไปแต่งหน้ากับเพื่อน ไม่คิดว่าคนพวกนี้จะกล้าทำให้คุณต้องโมโหฉัน……”
หา!!!
ทุกคนล้วนตกตะลึง!
เฉินจือหรานกล่าวขอโทษเจ้านี่หรือ?
ให้ตายเถอะ มันไม่ใช่พวกกระจอกหรอกเหรอ!
บรรดาคนที่เมื่อสักครู่ทำเป็นเก่งกาจ ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตกใจหน้าซีดใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ
เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลเฉิน แต่กลับต้องมาขอโทษไอ้กระจอกนี่? อีกทั้งไม่ถามถึงเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ก็เอ่ยขอโทษด้วยตัวเองแล้ว
หรือเขาจะเก่งกาจไปกว่าคุณชายของตระกูลทั้งสี่อีกนั้นเหรอ?
โลกนี้มันบ้าไปแล้วแน่ๆ!
ไอ้กระจอกนี่ทำร้ายอู๋ไคเสียจนขาหัก แต่เฉินจือหรานไม่แม้แต่จะเอ่ยโทษเขากลับออกตัวขอโทษด้วยตัวเอง
ทุกคนอยู่ในความตกตะลึง และรู้สึกเสียใจที่ทำให้ลู่เฉินต้องขุ่นเคือง
แม้แต่เฉินจือหรานเองยังต้องเอ่ยปากขอโทษด้วยความระมัดระวังแบบนี้ แล้วพวกเขาจะไปเหลืออะไร?
ก่อนหน้านี้พวกที่บอกว่าจะหักขาลู่เฉิน ตอนนี้ทุกคนก็หน้าเขียวหน้าเหลือง
พวกเขาพูดไปเพียงเพื่อระบายอารมณ์ แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเป็นเช่นนี้
อู๋ไคคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาดลงมา ตอนนี้พวกเขาเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขาได้ทำให้บุคคลที่ไม่ควรแตะต้องขัดเคืองใจเข้าเสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอู๋ไค เมื่อนึกถึงว่าตนเพิ่งจะขับรถไปชนรถของลู่เฉินพังยับเยิน แม้ว่าตอนนี้ขาของเขาจะหัก แต่สีหน้าก็ซีดเซียวด้วยความกลัว
“ถ้าผมรู้ว่าพวกคนที่คุณเชิญมาจะเป็นพวกอันธพาลแบบนี้ผมก็คงไม่มา ขอพูดตามความจริงว่าที่ผมมาร่วมงานในวันนี้เนื่องจากให้เกียรติคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลเฉินอย่างคุณ และการเชิญขยะพวกนี้มาร่วมงานเป็นการลดคุณค่าในตัวคุณลงไป” ลู่เฉินพูดคล้ายกับผู้ใหญ่ที่กำลังสั่งสอนเด็ก
เฉินกวงซิงเรียกเขาว่าน้อง ทั้งๆที่เขาแก่กว่าเฉินจือหรานเพียงไม่กี่ปี ซึ่งบัดนี้ลู่เฉินก็กำลังอบรมสั่งสอนเฉินจือหรานในฐานะผู้ใหญ่จริงๆ
เมื่อได้ยินลู่เฉินเรียกพวกเขาว่าขยะ ทุกคนก็รู้สึกโกรธแค้นแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
แม้แต่คุณหนูใหญ่บ้านตระกูลเฉิน เขายังกล้าตำหนิติเตียน ใครจะไปกล้าหาเรื่องเขากันเล่า?
นอกเสียจากพวกเขาอยากจะมีจุดจบอย่างอู๋ไค
“คุณลู่คะ ฉันต้องขอโทษด้วย เป็นความผิดของฉันเอง” เฉินจือหรานก้มหน้าแล้วพูดออกมา เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ การที่ลู่เฉินพูดกับเธอแบบนี้ เพราะเขาไม่ได้เห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เขาเห็นเธอเป็นลูกหลาน สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
หลานหลิงมองดูลู่เฉินด้วยความสงสัย เธอกะพริบตาไปมา หรือเขาผู้นี้ก็คือคนที่เฉินจือหรานบอกว่าจะแนะนำให้รู้จัก?
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก” ลู่เฉินส่ายหัวเมื่อเห็นว่าเฉินจือหรานก้มหน้ายอมรับผิด ความโมโหในใจของเขาก็ลดลงกว่าครึ่ง
“คุณลู่คะ เรื่องนี้คุณจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร?” เฉินจือหรานชี้ไปยังอู๋ไคและเพื่อน
“พวกเขาเหมือนกับว่าจะขับรถชนรถของผมพังแล้ว ให้พวกเขาชดเชยด้วยรถสักคันก็พอ” ลู่เฉินพูดออกมาเบาๆ
เขาไม่ใช่คนใจจืดใจดำขนาดนั้น ยังไงเสียทั้งสองคนก็ถูกเขาทำร้ายจนขาหักไปคนหนึ่งและจมูกหักไปอีกคนหนึ่ง แค่นี้เขาก็สะใจแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะจองล้างจองผลาญสองคนนี้โดยไม่จบไม่สิ้น
“ได้ค่ะ” เฉินจือหรานพยักหน้าและส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่พาสองคนนี้ไปโรงพยาบาล
“ลู่เฉิน กล้ามากนะนี่” เมื่อสองคนนั้นถูกส่งตัวออกไปจางดาวเรนก็เดินออกมาอยู่ต่อหน้าลู่เฉิน
“ลู่เฉินมองดูจางดาวเรนและบอดี้การ์ดอีกสองสามคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็หัวเราะเยาะแล้วบอกว่า “ผมจะไปสู้คุณได้อย่างไร? คุณมีบอดี้การ์ดติดตัวไปไหนมาไหนด้วยนี่!”
“เหอะๆ ลู่เฉิน ผมไม่อยากพูดจาไร้สาระกับคุณ ครั้งที่แล้วคุณทำให้ผมเสียไป 50 ล้าน วันนี้คุณน่าจะต้องทำอะไรสักอย่างไหม?” จางดาวเรนพูดออกมา
เรื่องของสถานบริการนั้นเสี่ยวชัวจุนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ไม่กลัวว่าลู่เฉินจะหยิบยกเรื่องนั้นออกมาขู่เขาอีก
เมื่อทุกคนได้ยินว่าจางดาวเรนเสียตังค์ให้ลู่เฉินไปตั้งหลายสิบล้าน พวกเขาก็ตกตะลึงทำตาเบิกกว้าง
เขาผู้นี้เป็นใครกันแน่? แม้แต่หนึ่งในสี่คุณชายบ้านตระกูลใหญ่อย่างจางดาวเรนยังสู้เขาไม่ได้
เฉินจือหรานและหลานหลิงมองดูลู่เฉินด้วยความสงสัย จากนั้นก็มองไปยังจางดาวเรน ภายในใจกำลังนึกว่าทั้งสองคนนี้มีเรื่องอะไรกันนะ?
“ต้องการยังไง?” ลู่เฉินหัวเราะเยาะ
“คืนเงิน 50 ล้านของผมมา” จางดาวเรนพูดอย่างจริงจัง
เพราะเงิน 50 ล้านนั้น พ่อของเขาได้สั่งสอนเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งยังถูกเพื่อนฝูงเยาะเย้ย
ส่วนเรื่องที่ Moonlight Baths ถูกตรวจสอบ ก็ทำให้ตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลของเขาเป็นไปได้ยากขึ้น
“ก็ได้ ให้พ่อของคุณมาหาผมสิ ถ้าเขากล้าทวงเงิน 50 ล้านนั่นจากผม ผมก็จะโอนคืนให้ทันที” ลู่เฉินพูดอย่างเจ้าเล่ห์
ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยแน่ใจเรื่องของ Moonlight Baths เท่าไหร่นัก
แต่วันที่เสี่ยวชัวจุนโทรหาเขา เขาก็พอจะเดาได้คร่าวๆ
ถ้าจางซิงฉวนไม่โง่ ช่วงนี้เขาคงไม่กล้าทำให้ลู่เฉินต้องขัดใจอีก
“ก็ได้ 50 ล้านนั่นผมให้คุณ แต่คุณจะต้องรับคำท้าจากผม” จางดาวเรนโบกไม้โบกมือและมองมาทางลู่เฉินด้วยสายตาอาฆาต
ลู่เฉินตกตะลึง!
จางดาวเรนรู้ถึงความสามารถของเขาดีแล้วทำไมยังกล้าท้าเขาแบบนี้?