พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่151 หรือเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต
บทที่151 หรือเขาจะเป็นคนใหญ่คนโต
ลู่เฉินจ้องมองไปที่จางดาวเรน เขาเดาไม่ออกว่าเหตุใดจางดาวเรนจึงกล้าท้าทายเขาแบบนี้?หรือเพราะบอดี้การ์ด 2-3 คนนั้น?
“สู้กันด้วยกำลังหรือความสามารถ? ไม่ว่าจะกำลังหรือความสามารถก็ไม่ต่างกันหรอกนะ” ลู่เฉินหรี่ตาลงมองเขา
“ลูกผู้ชายแน่นอนว่าต้องสู้กันด้วยกำลังอยู่แล้ว” จางดาวเรนพูดออกมา
“แน่ใจนะว่าจะท้าผม?” ลู่เฉินชี้ไปที่จางดาวเรนและชี้มาที่ตนเอง เขาไม่เข้าใจว่าจางดาวเรนไปเอาความกล้ามาจากที่ไหน
“ไม่! ไม่ใช่ผมแน่นอน แต่เป็นคนในตระกูลจาง คุณกล้าไหมล่ะ?” จางดาวเรนถาม
ลู่เฉินมองด้วยสายตาดูถูก เขารู้ว่าจางดาวเรนจะพูดแบบนี้
“ผมไม่สนใจ!” ลู่เฉินพูดออกมาตรงๆ
“กลัวว่าคุณจะตัดสินใจเรื่องนี้เองไม่ได้สิ” จางดาวเรนหัวเราะ
“คุณกำลังขู่ผมอย่างนั้นหรือ?” ลู่เฉินมองเขา การที่เขากล้าพูดแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง
ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดลู่เฉินก็รู้ว่าการที่จางดาวเรนกล้าขู่เขาเช่นนี้ จะต้องหยิบยกภรรยาและลูกสาวของมาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน
กล้าใช้เธอทั้งสองคนมาขู่เขาอย่างนั้นเหรอ?
ลู่เฉินส่งสายตาอาฆาต
“ผมขอเตือนคุณว่าให้ยอมรับคำท้าของผมซะ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียใจ” จางดาวเรนหัวเราะด้วยความเยือกเย็น
ลู่เฉินครุ่นคิดชั่วครู่ เมื่อนึกถึงฮันเทียน เขาจำได้ว่าในวันนั้นฮันเทียนถูกเขาต่อยเพียงหมัดเดียวก็ล้มลง หรือเจ้านั่นจะกลับมาแก้แค้นกัน?
“ตกลง ผมยอมรับคำท้า บอกเวลา สถานที่มา” เมื่อนึกได้ดังนั้นลู่เฉินก็พยักหน้าตอบตกลง
“ต่อจากนี้อีก 3 วัน ทุ่มตรงที่ Small Island in the Lake” เมื่อเห็นลู่เฉินตอบรับ จางดาวเรนก็พูดออกมาอย่างมีความสุข
ครั้งที่แล้วฮันเทียนถูกเขาสยบได้เพียงหมัดเดียวทำให้ฮันเทียนไม่พอใจมาก เมื่อเขากลับไป ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับท่านอาจารย์และท่านอาจารย์ตกลงจะแก้แค้นให้เขา
อาจารย์ของฮันเทียนเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง เขาเก่งกว่าฮันเทียนหลายเท่านัก
จางดาวเรนมั่นใจว่าครั้งนี้ลู่เฉินจะต้องจบสิ้นแล้วแน่ๆ ครั้งที่แล้วในงานวันเกิดครบรอบ 70 ปีของนายท่านตระกูลเฉิน ลู่เฉินปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น เขาจำฝังใจมาโดยตลอด
ครั้งนี้เขาจะได้เห็นลู่เฉินถูกสยบต่อหน้าเขาเสียที เมื่อคิดได้ดังนี้ก็ช่างมีความสุข
“ตกลง” ลู่เฉินพยักหน้าและมองไปทางเฉินจื่อหรานพูดว่า “ผมขอตัวก่อน”
งานเลี้ยงแบบนี้เขาไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว เมื่อเขาเดินทางมาตามคำเชิญแล้วก็ไม่อยากจะอยู่อีกต่อไป
“คุณลู่คะ” เฉินจื่อหรานคล้ายกับจะพูดอะไรออกมาแต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ให้พวกเขาชดเชยผมด้วยรถคันหนึ่งก็พอ เรื่องนี้ก็จบกัน” ลู่เฉินพูดจบก็เดินออกไป
เฉินจื่อหรานรีบวิ่งตามออกมา
เมื่อลู่เฉินเห็นรถ Audi ของตัวเองถูกชนจนเละไม่เป็นท่า เขาได้แต่ฝืนยิ้มอยู่ในใจ
เจ้าอู๋ไคนี่ก็มีใจกล้าเหมือนกัน รถตัวเองราคาตั้ง 20 กว่าล้านกลับไม่สนใจ ยอมสละเพื่อมาชนรถ Audi ของเขาได้
“เป็นยังไงล่ะ เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วใช่ไหม? ผมบอกแล้วว่าอย่าจอดรถตรงนี้ก็ไม่เชื่อ คุณอู๋ไคเป็นทายาทเศรษฐีตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ ดูสิรถของเขาราคาตั้งหลายร้านเขายังไม่สนใจ เพื่อที่จะชนรถคุณระบายอารมณ์เขาก็ยอมได้ นี่แหละที่เรียกว่าอำนาจของคนมีตังค์” เห็นลู่เฉินยิ้มแบบนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นก็เดินเข้ามาพูด
คำพูดของเขาทำให้ลู่เฉินรู้สึกตลก
“นั่นสินะ น่าเสียดายจริงๆ” ลู่เฉินยักไหล่แล้วพูดออกมา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นแบบนั้นก็ส่งสายตาดูถูกมาที่เขา รถของอู๋ไคราคาตั้งหลายสิบล้านเขายังไม่สนใจ ส่วนเจ้ากระจอกนี่ทำเป็นยืนมองรถราคาไม่กี่แสนด้วยสายตาละห้อย หึหึ!
“ใครให้คุณไม่ฟังคำเตือนของผมล่ะ สมน้ำหน้า รนหาเรื่องเอง!” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดหัวเราะเยาะ
ลู่เฉินพยักหน้า รถคงขับต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงเตรียมตัวเดินกลับไป
เมื่อมองเห็นลู่เฉินเดินคอตก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นก็ตะโกนไล่หลังว่า “ใครใช้ให้คุณไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงล่ะ ถ้าคุณฟังผมตั้งแต่แรกก็คงไม่เป็นแบบนี้!”
ทันใดนั้นเองรถพยาบาลก็ขับมาถึงและหยุดตรงที่กลางถนน
เจ้าหน้าที่คนนั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มีคนทะเลาะวิวาทกันด้านในเหรอ? หรือหรือว่ามีใครเจ็บป่วยกะทันหัน?
ในไม่ช้าเขาก็พบว่ามีคนแบกอู๋ไคออกมา ขาของเขาผิดรูปมองดูก็รู้ว่ากระดูกหัก
พระเจ้า! ใครกันกล้าดีขนาดทำร้ายทายาทเศรษฐีอย่างอู๋ไค! เจ้าหน้าที่คนนั้นตกใจและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
“รถ Audi A6 คันนั้นล่ะ?” เฉินจื่อหรานมองมาทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนงงอยู่
ขณะที่เขากำลังงงๆ เมื่อพบว่าคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลเฉินเดินมาก็รีบพูดตอบกลับไปว่า “อยู่ทางด้านนั้นครับ ผมจะพาไปดู”
“อืม” เมื่อรถพยาบาลพาอู๋ไคจากไปแล้ว เฉินจื่อหรานและหลานหลิงก็เดินไปยังทางจอดรถ
ไม่ว่ารถของลู่เฉินจะถูกชนเป็นสภาพอย่างไร จะถูกชนหรือไม่ เพื่อเป็นการชดเชยความผิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เฉินจื่อหรานก็คิดจะชดเชยรถคันใหม่ให้ลู่เฉินด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ลู่เฉินไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลของเธอ ทั้งเซ่ซูเจี๋ยก็ยังให้ความนับถือแก่เขา แม้ว่าลู่เฉินจะไม่ได้ชอบเธอ แต่เธอก็ไม่อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและลู่เฉินขาดสะบั้นได้
“คุณหนูครับ ไอ้กระจอกนั่นมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ก่อนหน้านี้ผมก็เตือนมันแล้วว่าที่นี่เป็นที่จอดรถส่วนบุคคล คนอย่างธรรมดาๆอย่างมันไม่ควรจะมาจอดที่นี่แต่ก็ไม่ฟัง ทั้งยังทะเลาะกับคุณอู๋ไคถึงกระทั่งลงไม้ลงมือ ทำให้อู๋ไคทนไม่ไหวและขับรถชนรถของเขา จนยับเยิน” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นรายงานกับเฉินจื่อหราน
เฉินจื่อหรานไม่พูดอะไร ส่วนหลานหลิงมองไปยังทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเจ้าเล่ห์ ภายในใจคิดว่าเขาคงไม่รู้ว่าอู๋ไคที่ถูกหักขาทั้งสองข้างนั้นเป็นฝีมือของคนที่เขาดูถูกอยู่ตอนนี้
“คุณหนูครับนี่คือรถ Audi ของไอ้กระจอกนั่น คุณหนูไข่ขับรถหรูของเขาไปชนมัน สุดยอดจริงๆ!” เมื่อมาถึงลานจอดรถเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ชี้ไปยัง Audi A6 และพูดออกมา
“แกก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาๆคนหนึ่ง ทำไมถึงกล้าดูถูกคนขับรถAudiกันล่ะ?ขอถามหน่อยว่าแกขับรถอะไรเหรอ? อีกอย่างรถที่นี่ไม่เกี่ยวข้องกับแกแม้แต่คันเดียว” เมื่อเฉินจื่อหรานเห็นเขายังพูดไม่จบ อีกทั้งยังไม่ให้ความเคารพลู่เฉิน เธอจึงอดใจไม่ไหว
ตามนิสัยของเธอแล้วนั้น ปกติจะค่อนข้างเงียบ ไม่เอ่ยปากต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแน่นอน แต่ในวันนี้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับลู่เฉิน เธอจะไม่ทนแน่ๆ
เจ้าหน้าที่คนนั้นตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินจื่อหรานจะต้องพูดแทนเขาด้วย
“สำหรับในสายตาของพวกแก มีแต่คนขับรถหรูเท่านั้นถึงจะเป็นคนมีหน้ามีตาอย่างนั้นเหรอ?” เฉินจื่อหรานมองไปยังเขาด้วยสายตาถากถางและเดินหันหลังกลับเข้าไปด้านใน
เจ้าหน้าที่คนนั้นยังตกตะลึงอยู่กับที่ แต่เขาคล้ายกับเข้าใจอะไรขึ้นมา
หรือไอ้กระจอกนั่นจะเป็นบุคคลสำคัญอย่างนั้นเหรอ? เขายิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจและคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณหนูใหญ่ถึงได้เดินมาดูรถเขาด้วยตัวเอง?
มองดูแล้วขาทั้งสองข้างของอู๋ไคก็น่าจะถูกเขาหักสินะ?
ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังงุนงง หลานหลิงก็พอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
“จื่อหราน คนใหญ่คนโตที่จะแนะนำให้ฉันรู้จักก็คือคนเมื่อกี้ใช่ไหม?”
เมื่อหลานหลิงเดินตามขึ้นมาถึงก็เอ่ยถาม