พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่156 เทคโนโลยีอี้ฉีถูกเล่นงาน
บทที่156 เทคโนโลยีอี้ฉีถูกเล่นงาน
ตู้เฟยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาส่งสายตาไปยังซงไห่ ซงไห่เองก็เข้าใจในความหมายและเรียกพนักงานให้นำถ้วยมาใบหนึ่ง จากนั้นรินเหล้าขาวลงไปจนเต็ม
“คุณน่าจะคอแห้งแล้วนะ ดื่มก่อนแล้วค่อยว่ากันต่อ” ตู้เฟยมองไปยังเล่ยหยานจุนแล้วพูดกับเขา
เล่ยหยานจุนเมื่อเห็นดังนั้นใจก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เหล้าขาวปริมาณมากมายขนาดนี้หากเขาดื่มเข้าไปจนหมดก็คงไม่ไหวแน่
จากเดิมเขาก็ไม่ได้คอแข็งอยู่แล้ว อีกทั้งตอนนี้จะให้เขายกซดภายในหนึ่งที ดีไม่ดีอาจจะอ้วกเป็นเลือดเลยก็ได้
แต่ลูกสาวของตนขัดใจลูกพี่ใหญ่แบบนี้ เขาจะไม่ดื่มก็ไม่ได้ เขาจะกล้าเชียวเหรอ?
เล่ยหยานจุนลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นยกชามขึ้นมาและดื่มไปจนหมด
เมื่อเหล้าขาวเพียวๆผ่านลำคอลงไป เล่ยหยานจุนคล้ายกับใครเอามีดมากรัดคอเขาเอาไว้ลงไปจนกระทั่งกระเพาะอาหาร เขาแสบร้อนไปถึงเส้นเลือดและแทบจะกระอักออกมา
เล่ยหยานจุนอดกลั้นเอาไว้กว่าครึ่งนาทีจึงค่อยดีขึ้น
“ลูกพี่ตู้ครับ ลูกสาวผมค่อนข้างไร้เดียงสา ลูกพี่อย่าได้ถือสาเธอเลย หากต้องการให้ชดเชยผมจะทำแทนเธอเอง” เมื่อผ่านไปชั่วครู่เล่ยหยานจุนก็พูดขึ้น
ตู้เฟยเงยหน้ามองเล่ยหยานจุนและหัวเราะอย่างเยือกเย็น “หมายความว่าให้ผมรังแกคุณได้อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ ไม่ใช่……ไม่ใช่อย่างนั้นครับลูกพี่ตู้ เข้าใจผิดไปแล้ว” เล่ยหยานจุนรีบอธิบาย
“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มอีกสักถ้วยสิ” ตู้เฟยเปิดขวดเหล้าขาวออกด้วยตัวเองและรินเหล้าลงไป
เล่ยหยานจุนสีหน้าซีดเผือดลงทันที ตอนนี้เขาไม่สามารถดื่มเข้าไปได้อีกแล้ว ถ้าเขายังฝืนดื่มเข้าไปอีกคงต้องเข้าโรงพยาบาลให้แน่
เล่ยผู่อินเมื่อเห็นตู้เฟยกำลังบีบบังคับพ่อของเธอให้ดื่มเหล้าอยู่นั้น เธอเองก็สีหน้าซีดเผือดและรู้สึกเกลียดลู่เฉินเข้ากระดูกดำ
เธอคิดว่าลู่เฉินจะช่วยเธอ แต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธที่จะช่วยและยังให้พ่อของเธอต้องมารับโทษแบบนี้
“ครับ ผมดื่ม” เล่ยหยานจุนสูดหายใจเข้าลึกๆและยกถ้วยนั้นขึ้นมาดื่มลงไป
เพียงแต่ครั้งนี้เขาทนไม่ไหวจริงๆ ดื่มไปได้เพียงครึ่งเดียวก็อ้วกออกมา แต่หลังจากที่เขาอ้วกออกมาแล้วนั้นก็ดื่มส่วนที่เหลืออยู่จนหมด
เล่นผู้อินเห็นพ่อของตนมีสภาพเช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจ แล้วรีบเข้าไปประคอง แต่กลับถูกผู้เป็นพ่อสะบัดมือหนีด้วยความโมโห
“ลูกพี่ครับ ผมดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ” เล่ยหยานจุนมองดูตู้เฟยและพูดออกมาด้วยความกลัว
“ลูกสาวของคุณคนนี้เจ้าเล่ห์ไม่น้อยเลยนะ มองไปแล้วอาจจะคิดว่าเธอฉลาด แต่ที่จริงก็ขุดหลุมฝังตัวเองทั้งนั้น พากลับไปและสั่งสอนให้ดีล่ะ ครั้งหน้าอย่าขัดใจคนที่ไม่ควรขัดใจอีก ไม่อย่างนั้นผมเองก็ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเห็นว่าเล่ยหยานจุนเดินต่อไปไม่ไหวแล้วตู้เฟยจึงให้โอกาสเขา
ในครั้งนี้เขาเพียงแค่ต้องการให้บทเรียนแก่เล่ยผู่อินเท่านั้น หากครั้งหน้ายังเป็นแบบนี้อีก คาดว่าเขาคงต้องจัดการเธออย่างเด็ดขาด!
“ขอบคุณลูกพี่ตู้มากๆครับ ผมจะกลับไปอบรมสั่งสอนเธออย่างดีเลย” เล่ยหยานจุนพูดจบก็พาเล่ยผู่อินเดินออกไปจากห้อง VIP แต่เมื่อเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำทันที
เขาเป็นพวกคออ่อน เมื่อดื่มเหล้าขาวเข้าไปปริมาณมากขนาดนั้นในทีเดียว หากทนได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
เล่ยผู่อินมองดูพ่อของเธอที่สภาพดูไม่ได้ตอนนี้ ภายในใจเธอไม่คิดจะปรับปรุงแก้ไข แต่กลับเกลียดชังลู่เฉินมากขึ้น
ในสายตาของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นฝีมือของลู่เฉิน
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของลู่เฉินละก็ ทุกเรื่องคงไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้ และเธอคงไม่วางแผนการต่างๆทำให้ตู้เฟยต้องเดือดร้อน
“เล่ยผู่อินล่ะ?มีคนเห็นเธอบ้างไหม?” ห้องVIPห้องหนึ่งเปิดออกมา เฉินเสี่ยวปิงเห็นว่าเล่ยผู่อินหายไปนานยังไม่กลับมาสักที จึงได้เอ่ยปากถาม
“เธอไปขัดใจตู้เฟยเข้าให้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างเหมือนกัน” หลอหยุนฮวยพูด
“หา! เมื่อกี้เธอโทรศัพท์ให้คุณไปช่วยไม่ใช่เหรอ?” เฉินจื่อหรานถามด้วยความตกใจ
“ก็ใช่นะครับ แต่น่าเสียดายที่เธอกลับใช้คนของตู้เฟยมาทำร้ายผม ผมจะช่วยเธอได้ยังไง? ต่อให้ผมช่วยได้ผมก็คงไม่อยากช่วย ผมไม่ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์ร้อยเล่มเกวียนอย่างนี้หรอก” เฉินจื่อหรานส่ายหัว
เฉินเสี่ยวปิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย เล่ยผู่อินพยายามทุกวิถีทางที่จะอยู่ข้างๆเธอ แม้กระทั่งหลายๆครั้งเป็นเหมือนคนรับใช้เธอ เธอเองก็มองออกว่าเล่ยผู่อินเป็นคนที่เจ้าเล่ห์
แต่ในหลายๆครั้งที่เล่ยผู่อินพยายามทำตัวรับใช้เธอ เธอเองก็รู้สึกดีและชอบที่จะให้เล่ยผู่อินอยู่รับใช้ข้างๆกาย
สองวันมานี้สื่อต่างๆได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องยอดบริจาคเมืองยวี่โจวที่มีให้ฉวนตู
เนื่องจากในวันนั้นเซ่ซูเจี๋ยได้เชิญ 4 ตระกูลใหญ่เข้าร่วมบริจาคเงิน แต่กลับไม่มีตัวแทนของเทคโนโลยีอี้ฉี ทุกคนจึงคิดว่าเทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้บริจาคในครั้งนี้
จางเซิงเฉียวถามลูกชายของเขาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่เห็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีร่วมบริจาคเงินด้วย จากนั้นเขาจึงได้ไปหาหัวหน้าตระกูลหลิวและตระกูลจั่วเพื่อวางแผนการให้เจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีปรากฏตัวออกมา
แผนการนี้พวกเขาเคยวางไว้อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้หยิบออกมาใช้ ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะหยิบยกมาใช้เสียที
เทคโนโลยีอี้ฉีลงด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านในการก่อสร้าง ผลกำไรมากขนาดนี้แต่กลับไม่ร่วมแบ่งปันกับ 4 ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา จะให้เขาทนได้อย่างไร?
พวกเขาทั้งสามคน ได้ใช้สื่อต่างๆในการสร้างกระแสว่าเทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้เข้าร่วมบริจาคเงินให้แก่ผู้ประสบภัยในครั้งนี้
เมื่อเห็นสื่อต่างๆรายงานออกมาเช่นนั้น วังเหว่ยที่เป็นผู้จัดการระดับสูงของเทคโนโลยีอี้ฉีก็โมโห
เนื่องจากพวกเขาบริจาคไปกว่า 200 ล้าน ต้องมีใครบางคนพยายามปล่อยข่าวโคมลอยอยู่ในแน่ๆ
เมื่อเห็นพนักงานในบริษัทดูข่าวต่างๆเหล่านั้นแล้วแสดงความสีหน้าไม่พอใจออกมา วังเหว่ยก็ได้ต่อสายถึงลู่เฉินในทันที
วังเหว่ยคิดเห็นว่าควรให้ทางการออกมารายงานถึงจำนวนเงินที่พวกเขาบริจาคไป แต่ลู่เฉินคิดว่า 2 วันนี้จะมีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นเรื่องการบริจาคเงินก็จะถูกรายงานขึ้นมาเอง เขาบอกวังเหว่ยว่าไม่ต้องสนใจ
“สี่ตระกูลใหญ่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในครั้งนี้ตั้งเยอะแยะ เจ้านายเทคโนโลยีอี้ฉีของพวกแกไม่ได้มีเงินกว่าพวกเขาทั้งสี่คนเหรอ?ทำไมไม่บริจาคแม้แต่สตางค์เดียว?”
พนักงานที่ทำงานในเทคโนโลยีอี้ฉีถูกเพื่อนคนอื่นๆถามขึ้น ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ถูกเพื่อนๆมองด้วยความเหยียดหยาม
ความมั่งคั่งมั่นคงของเทคโนโลยีอี้ฉีในตอนแรก สื่อต่างๆได้นำเสนอในแต่ละวันไม่หยุดหย่อนจนบรรดาพวกที่ไม่มีความสามารถในการเข้ามาทำงานที่เทคโนโลยีอี้ฉีล้วนอิจฉา
ตอนนี้เทคโนโลยีอี้ฉีก็เกิดดังเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้ง แต่เป็นเพราะกระแสที่ว่าเทคโนโลยีอี้ฉีใจจืดใจดำและไม่มีคุณธรรม
พนักงานในบริษัทหลายต่อหลายคนแม้แต่ตอนกลับบ้านไป ยังต้องคอยตอบคำถามเหล่านี้แก่คนในครอบครัว
“ทำไมเถ้าแก่ของพวกคุณขี้งกขนาดนี้?จะบริจาคสตางค์นึงก็ไม่ได้เหรอ พวกเขาจะหักเงินเดือนคุณไหมเนี่ย?”
หากมีคนถามคำถามนี้เพียงแค่คนสองคนก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่มีคนจำนวนมากทีเดียวที่สงสัย ทำให้พนักงานของเทคโนโลยีอี้ฉีเองเกิดความไม่มั่นใจ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาลำบากใจไปกว่านี้ก็คือ ก่อนหน้านี้เวลาไปไหนมาไหนเมื่อทุกคนรู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีอี้ฉี พวกคนอื่นก็พากันอิจฉา
แต่ในตอนนี้เวลาออกไปไหนมาไหน ก็มักมีคนถามถึงพวกเขาและถามถึงเจ้านาย
ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เย้ยถากถางพวกเขาไปโดยตรง
ส่งผลให้พนักงานหลายๆคนลาหยุดงานกันอย่างไม่ขาดสาย วังเหว่ยก็ไม่รู้จะทำอย่างไร!
แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจไปเนื่องจากในคืนนี้ทางการจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณขึ้น และเขาก็ได้รับคำเชิญจากเซ่ซูเจี๋ยเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดพายุลูกนี้ก็จะหยุดเสียทีสินะ พวกที่ปล่อยข่าวโคมลอยและดูถูกพวกเรา คอยดูว่าทำสีหน้าอย่างไร
เมื่อนึกถึงที่ลู่เฉินบอกว่าจะประกาศในวันนี้ว่าบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีได้บริจาคเงินจำนวนเท่าไร วังเหว่ยก็เข้าใจในความคิดของลู่เฉินขึ้นมาทันที
ลู่เฉินต้องการจะตบพวกเขาให้หน้าชานี่เอง