พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่157 จัดงานขอบคุณผู้บริจาคเงิน
บทที่157 จัดงานขอบคุณผู้บริจาคเงิน
ตอนบ่าย ลู่เฉินรับฉีฉีกลับมาเสร็จ ก็นั่งรอหลินอี้จุนกลับมา เพราะเขารู้ว่าหลินอี้จุนจะไปร่วมงานในนามของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
งานเลี้ยงครั้งนี้ สำหรับบริษัททุกแห่งที่ได้บริจาคเงิน ล้วนเป็นการโฆษณาที่ดีเลิศ แถมยังเป็นงานที่จัดขึ้นโดยรัฐบาล ดังนั้นเขาเลยให้เสี้ยจุนบริจาคเงินยี่สิบล้าน
แต่เสี้ยจุนกลับมอบโอกาสนี้ให้หลินอี้จุน เพราะเขารู้ว่าในไม่ช้านี้ลู่เฉินก็จะมอบบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียให้หลินอี้จุนบริหารแล้ว ส่วนเขาต้องถูกโยกย้ายไปเทคโนโลยีอี้ฉี ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปออกหน้าหรอก
“ส่งฉีฉีไปที่บ้านตาของเธอก่อนเถอะ”หลังจากหลินอี้จุนกลับมา ลู่เฉินก็พูด
“ถ้าคุณจะไปงาน นั้นฉันก็ไม่ไปแล้ว”หลินอี้จุนพูด
“ฉันไม่ใช่เป็นตัวแทนของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย”ลู่เฉินพูด
“เทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้บริจาคไม่ใช่หรือ นั้นยังไปทำไม ไปให้คนอื่นล้อเลียนหรือ?”หลินอี้จุนพูดอย่างโกรธ
หลายวันนี้เธอก็ได้เห็นข่าวการโจมตีขับไล่เทคโนโลยีอี้ฉีจากสื่อแหล่งต่างๆ เทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้ออกมาให้คำอธิบาย เธอก็เลยเชื่อว่าเทคโนโลยีอี้ฉีไม่ได้บริจาคจริงๆ
“ฉันเป็นตัวแทนของเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ต เอ๊ะ ฉันเป็นเจ้าของเซิ่งซื่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย เดิมทีคิดจะ……”ลู่เฉินยิ้มออกมา คิดว่าคำพูดด้านหลังไม่จำเป็นต้องพูดออกมาแล้ว
ตอนนั้นที่เขารับซื้อซูเปอร์มาร์เก็ตของตระกูลวู ก็คิดจะเอามาเป็นข้ออ้างให้หลินอี้จุน แต่คิดไม่ถึงว่าหลินอี้จุนจะรู้ฐานะของเขาได้เร็วขนาดนี้ นั้นสิ่งพวกนี้ก็ไม่มีความหมายอีก
“เออ”หลินอี้จุนพยักหน้าอย่างราบเรียบ ช่วงเวลานี้เธอยังคงโกรธลู่เฉินอยู่ ถ้าลู่เฉินไม่มายอมรับเรื่องที่เขาไปเล่นที่Moonlight Baths นั้นเธอก็ไม่คิดจะให้อภัยลู่เฉิน
ตามจริงถ้าไม่ใช่ว่าคำนึงถึงฉีฉี ไม่แน่เธอคงหย่าร้างกับลู่เฉินแล้ว
เธอเป็นผู้หญิงที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะเป็นเรื่องของการแต่งงานและครอบครัว เธอทนเรื่องเลวร้ายไม่ได้แม้แต่เรื่องเล็กน้อยเรื่องเดียว เวลาที่ลู่เฉินยากจนมาก เธอไม่ได้ทอดทิ้งลู่เฉิน และก็ไม่ได้ทำสิ่งที่ไม่ดีต่อลู่เฉินด้วย
ตอนนี้ลู่เฉินรํ่ารวยแล้ว เธอก็ไม่ยอมให้ลู่เฉินทำเรื่องที่ไม่ดีต่อเธอด้วย
แต่หลายวันนี้เธอได้คิดไปนานมาก คิดเรื่องหลายๆอย่าง ในที่สุดเธอยอมปล่อยวางเพื่อฉีฉี
ขอให้แค่ลู่เฉินยอมรับเรื่องนั้นมา เธอก็จะเลือกให้อภัยลู่เฉิน
แค่ผ่านไปแล้วหลายวันนี้ ลู่เฉินยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ทำให้อารมณ์ของเธอยิ่งตกต่ำลงไปอีก
“คุณไปเองเลย ฉันจะส่งฉีฉีไปที่แม่ของฉันก่อน”ระหว่างที่หลินอี้จุนพูดก็ได้พาฉีฉีออกจากบ้าน
เดิมทีลู่เฉินยังคิดจะนั่งรถของหลินอี้จุนไปที่โรงแรมหยูโจวด้วยกัน แต่เห็นท่าทีที่เย็นชาขนาดนี้ของหลินอี้จุน เขาก็มีแค่ต้องเรียกรถไปเองแล้ว
เหตุที่สองวันนี้เขาไม่ได้ไปซื้อรถใหม่ ก็เพื่อรอให้อู๋ไคมาชดใช้ค่ารถให้เขา แต่ผ่านไปสองวันแล้ว ยังไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิด ถ้าหากเขาได้เจอเฉินจือหรานในงานของวันนี้ เขาจะให้เธอไปหาเรื่องอู๋ไคสักหน่อย ไม่แน่เขาอาจต้องไปขอคำตอบจากตระกูลอู๋ด้วยตัวเองแล้ว
เขาเป็นคนที่มีหลักการในตัว บอกแล้วว่าจะให้อู๋ไคชดใช้ค่ารถก็ต้องให้อู๋ไคชดใช้แน่นอน
ลู่เฉินเรียกรถมาถึงโรงแรมหยูโจว ก็ได้เห็นนอกโรงแรมมีรถหรูจอดอยู่เต็ม
งานเลี้ยงขอบคุณของวันนี้แค่ได้เชิญชวนนักธุรกิจที่บริจาคเงินตั้งแต่ 1 ล้านขึ้นไป เมื่อเห็นรถหรูหราที่เต็มไปหมด ลู่เฉินก็รู้ว่ากิจกรรมบริจาคในครั้งนี้ดำเนินการไปด้วยดีภายใต้การนำของเซ่เว่ยเหา
เมื่อยอดบริจาคทั้งหมดของเมืองหยูโจวออกมา จะต้องมากกว่าเมืองอื่นๆแน่นอน ต้องขึ้นพาดหัวข่าวแล้ว
ตามจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักธุรกิจที่บริจาคเงิน เพราะนี่เป็นการโฆษณาที่ดีที่สุด แถมยังได้ชื่อเสียงที่ดีมาด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดของบริษัทและธุรกิจแห่งหนึ่งก็คือชื่อเสียง
ชื่อเสียงก็เป็นคำสรรเสริญจากประชาชน กิจกรรมในครั้งนี้จะต้องผลักดันเศรษฐกิจของเมืองหยูโจวให้เจริญก้าวหน้าอีกครั้ง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ลู่เฉินก็รู้สึกนับถือความสามารถของเซ่เว่ยเหาด้วย
เพิ่งมาที่เมืองหยูโจวได้ไม่นาน ก็จะสามารถผลักดันเศรษฐกิจของเมืองหยูโจวให้เจริญก้าวหน้าครั้งหนึ่ง สามารถคาดการณ์ได้ว่า อนาคตอีกหลายปีตำแหน่งทางการเมืองของเขาก็จะถูกเลื่อนขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“พี่น้อง แกเรียกรถมาเหรอ?”
พอดีในเวลานี้ มีชายหนุ่มและหญิงสาวสี่คนเดินลงมาจากรถปอร์เช่718คันหนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นว่าลู่เฉินลงมาจากรถแท็กซี่ ล้วนรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่ไง มีไรหรือเปล่า?”ลู่เฉินสำรวจทั้งสี่คน แล้วถาม
“คุณรู้หรือเปล่าว่างานเลี้ยงเพื่อการขอบคุณของวันนี้สำหรับกลุ่มคนพวกไหนไหม?”ชายหนุ่มคนหนึ่งมองไปที่ลู่เฉินอย่างเยาะเย้ย
“จัดขึ้นสำหรับคนที่ได้บริจาคเงินไม่ใช่หรือ?ฉันก็ได้บริจาค มาไม่ได้เหรอ?”ลู่เฉินแกล้งถามอย่างตกใจ
ในสายตาของทั้งสี่คนล้วนปรากฏความดูถูกออกมา ผู้หญิงทรงผมหยักคนหนึ่งในนั้นพูดเสียดสีว่า”ไปกัน จะพูดกับเขาทำไมล่ะ ก็แค่คนจนที่คิดจะไปกินฟรีอยู่ฟรีในงานเลี้ยง”
“ใช่ใช่ ฉันเดาว่ามากสุดเขาก็แค่ได้บริจาคไม่กี่สิบบาทหรอก จากนั้นก็คิดจากเข้าไปประจบสอพลอคนใหญ่คนโต”สาวสวยผมสั้นอีกคนหนึ่งก็พูดเหยียดหยามเหมือนกัน
“แกได้บริจาคแค่ไม่กี่สิบบาทเหรอ?”ชายหนุ่มก่อนหน้านี้หงายคิ้วขึ้นมา และถามลู่เฉิน
ลู่เฉินยิ้มและไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เดินตรงไปหน้าประตูโรงแรมโดยตรง
“ไอ้ยากจน แกหยุดลงเดี๋ยวนี้นะ พี่เทาของฉันกำลังถามแกอยู่ ทำไมไม่ตอบวะ”สาวสวยผมหยิกเห็นว่าลู่เฉินไม่สนใจพวกเธอ เลยโกรธขรึมขึ้นมาทันที
ลู่เฉินหันไปมองผู้หญิงผมหยิก เหล่ตาขึ้นมา ท่าทีที่เหนือกว่าคนอื่นของทั้งสี่คนทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“แกใครวะ ฉันรู้จักแกหรือเปล่า?”ลู่เฉินพูดอย่างเยาะเย้ย
“แกหยิ่งใช่ไหม กูจะทำให้แกเข้าไปในโรงแรมไม่ได้ แกเชื่อไหม?”ผู้หญิงผมหยิกคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะมาเถียง เลยพูดคุกคามทันที
เธอก็เป็นสาวสวยที่มีชื่อมีเสียงของเมืองหยูโจว ตระกูลเจียงของพวกเธอก็เป็นตระกูลที่พอมีอำนาจในหยูโจว เธอไม่เคยโดนคนจนแบบนี้เมินมาก่อนเลย
ที่เหลืออีกสามคนก็ล้วนมองไปที่ลู่เฉินอย่างเยาะเย้ย เดิมทีพวกเขาเห็นว่าลู่เฉินเรียกรถมางานเลี้ยง เลยคิดจะหยอกล้อเขาสักหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ไว้หน้าพวกเขาเลย
“ไม่เชื่อ”ลู่เฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
“เฮ่อ นั้นแกรอไว้นะ”ผู้หญิงผมหยิกหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นก็โบกมือให้ยามสองคนที่อยู่ข้างๆ
ยามที่เฝ้าประตูทั้งสองคนเห็นว่าเธอได้ขับรถปอร์เช่มา ล้วนไม่กล้าละเลย รีบเดินมาอย่างเร็ว
“พวกแกล้วนรู้ว่างานขอบคุณวันนี้จัดขึ้นสำหรับผู้ที่บริจาคเงินตั้งแต่หนึ่งล้านขึ้นไปใช่ไหม?”ผู้หญิงผมหยิกถามยาม
“ใช่ครับ”ทั้งสองคนพยักหน้า ไม่ทราบว่าหญิงผู้ร่ำรวยคนนี้จะทำอะไร
“โอเค อ้ายยากจนคนนี้เพียงแค่บริจาคไม่กี่สิบบาทเอง แถมอาจจะไม่ได้บริจาคสักบาทด้วยซ้ำ พวกแกดูเขาไว้ให้ดีซะ อย่าให้เขาได้เข้าไปนะ ไม่นั้นถ้าเขาก่อเรื่องอะไรขึ้นมา และถูกเซ่ซูเจี๋ยตรวจพบ พวกแกก็ต้องซวยไปด้วย”ผู้หญิงผมหยิกชี้ไปที่ลู่เฉินแล้วพูด
ทั้งสองคนตะลึง พวกเขาล้วนไม่ได้รับแจ้งว่าห้ามให้คนที่บริจาคน้อยเข้า
แต่เมื่อกี้นี้พวกเขาได้เห็นกับตาว่าลู่เฉินได้นั่งรถแท็กซี่มา ดูจากการแต่งกายของลู่เฉิน ก็ไม่เหมือนคนรวย เหมือนจะเป็นคนที่อยากจะเข้าไปกินฟรีอยู่ฟรี
งานเลี้ยงขอบคุณของวันนี้ เซ่ซูเจี๋ยและคนใหญ่คนโตในเมืองร่วมกันเป็นเจ้าภาพของวันนี้ ห้ามมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่นั้นพอถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะรับผิดชอบไม่ไหว
“คุณผู้ชายครับ ขอโทษครับ คุณเข้าไปไม่ได้ครับ”
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินเดินเข้าไปข้างในโดยตรง ยามทั้งสองคนก็ห้ามลู่เฉินไว้โดยไม่มีการลังเลสักนิด