พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่167 ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยกแก้วดื่มให้
บทที่167 ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยกแก้วดื่มให้
“หนึ่งในนั้น นิ้วคุณน่าจะนับพออยู่หรอกนะ” ลู่เฉินพูดแล้วยิ้ม
หลี่ชิงเฉิงได้แต่หัวเราะออกมา แต่ภายในใจนั้นก็คิดว่าเป็นอย่างที่ลู่เฉินพูด เธอกำลังนั่งนับอยู่ว่าในประเทศนี้ห้าอันดับมหาเศรษฐี คนไหนมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ต่อจากนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ได้ขึ้นสู่เวทีเพื่อกล่าวแสดงความรู้สึก และกล่าวเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยทุกๆท่าน
หลังจากทุกสิ่งดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการแสดงจากศิลปินต่างๆที่เชิญมา และบริกรในโรงแรมก็ได้ทยอยเก็บเครื่องดื่มและของทานเล่น เพื่อเตรียมตัวเสริ์ฟอาหารคาว
พิธีการต่างๆนั้นพูดได้ว่ากำลังจะสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ ต่อจากนี้ก็คือเวลาแห่งการรับประทานอาหารและการสนทนา
“มาค่ะมาๆ ดื่ม!ชนแก้ว!” หลี่ชิงเฉิงเอ่ยขึ้นกลับทุกคนด้วยความชื่นชมยินดี ขัดแย้งกับบุคลิกของเธอเล็กน้อย
เนื่องจากเป็นไวน์แดง หลินอี้จุน เฉินจื่อหรานและคนอื่นๆก็ได้ดื่มกันอย่างสนุกสนาน
โต๊ะอื่นๆก็เช่นกัน พวกเขาดื่มให้กันและกันอย่างไม่ขาดสาย
หนุ่มสาวไม่น้อยที่เดินมายังโต๊ะของลู่เฉิน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มาดื่มให้เขา แต่ดื่มให้กับเฉินจื่อหรานและหลี่ชิงเฉิง
กระทั่งบางคนมองดูลู่เฉินด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก็มี
“คุณคือลู่เฉิน คนที่ทำให้จางดาวเรนต้องชดใช้ถึง 50 ล้าน แล้วทำให้สถานบันเทิงของเขาต้องถูกปิดเพื่อตรวจสอบอย่างนั้นเหรอ?”
ในทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะลู่เฉินและนั่งลงด้วยความไม่เกรงใจ
“คุณคือ……?” ลู่เฉินมองไปทางเขา
“ผมชื่อว่าจางดาวจง แต่คุณวางใจได้ผมกับคุณไม่ใช่ศัตรูกัน ตรงกันข้ามพวกเราอาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้!”
“อ๋อ เหรอครับ” ลู่เฉินมองดูจางดาวจงแล้วยิ้มออกมาเบาๆ “คุณแน่ใจได้ยังไงว่าเราอาจจะเป็นเพื่อนกัน?”
“ฮ่าๆ ก็ต้องดูคุณแล้วล่ะ” จางดาวจงพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ท่าทางของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นกัน
ลู่เฉินได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรออกมา
จางดาวจงหันไปทางหลี่ชิงเฉิงยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนูหลี่ครับ ไม่เจอกันตั้งนานนะครับ”
“อ้อ คุณชายจางนี่เอง ไม่เจอกันตั้งนานนะคะ” หลี่ชิงเฉิงยกแก้วขึ้นไปทางจางดาวจง
“คุณหนูเฉิน ขอดื่มให้คุณด้วยนะครับ” จางดาวจงหันไปทางเฉินจื่อหราน เขาไม่ได้สนใจผู้ช่วยของพวกเธออีกสามคนเลย
จางดาวจงและจางดาวเรนนั้นเป็นลูกคนละแม่กัน และเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดทายาทเช่นกัน พวกเขาล้วนมีนิสัยเกเร
แต่เขาคนนี้มีข้อดีอยู่ตรงที่ว่าไม่ได้เจ้าชู้สักเท่าไหร่ ในสายตาของเขานั้นมีเพียงอำนาจและชื่อเสียง เขาเชื่อมั่นในหลักการและเหตุผลที่ว่า ผู้ชายหากประสบความสำเร็จในด้านอำนาจหน้าที่การงานแล้วละก็ ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวหรือสิ่งใดก็สามารถคว้ามาได้ทั้งสิ้น
ดังนั้นผู้ช่วยของหลินอี้จุน เฉินจื่อหรานและหลานหลิงหรือแม้กระทั่งหลี่ชิงเฉิง พวกเธอล้วนเป็นผู้หญิงที่สวยงาม แต่ในสายตาของจางดาวจงนั้น เขามองเป็นเพียงโครงกระดูกที่มีรูปร่างสดใส
หลังจากจางดาวจงดื่มกับหลี่ชิงเฉิงและเฉินจื่อหรานแล้วเห็นว่าลู่เฉินไม่ดื่มให้กับตน ก็มองไปด้วยสายตาไม่พอใจ
“คุณคิดว่าคุณจะสู้กับจางดาวเรนได้ไหม?” จางดาวจงหรี่ตาลงแล้วถามลู่เฉิน
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมกับจางดาวเรนไม่ได้โกรธแค้นกันนะ” ลู่เฉินหัวเราะ
“คุณคิดว่าผมโง่หรือไง? หรือคุณคิดว่าคุณบริจาคเงิน 100 ล้านแล้วได้ขึ้นไปอยู่อันดับ 6 ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใครแล้วเหรอ? ผมจะบอกคุณให้นะครั้งที่แล้วที่คุณต่อยชนะฮันเทียน เขาได้กลับไปรวบรวมศิษย์พี่ศิษย์น้องมาไม่น้อย แม้ว่าคุณจะสามารถเอาชนะฮัรเทียนได้ แต่คุณคิดว่าความสามารถของฮัรเทียนเป็นยังไงล่ะ?” จางดาวจงเอ่ยถาม
“เขาก็เก่งนะ” ลู่เฉินพยักหน้าตอบ เขาพูดออกมาตามความจริง ครั้งที่แล้วแม้ว่าจะเอาชนะฮันเทียนได้เพียงหมัดเดียว แต่เขาก็ต้องใช้เทคนิคพิเศษช่วย
ถ้าไม่อย่างนั้นความสามารถในระดับฮันเทียน คงไม่พลาดให้กับลู่เฉินง่ายๆแน่
“ผมจะบอกคุณตามตรงนะ จากที่ฟังคุณปู่พูดมา พวกคนที่ฮันเทียนรวบรวมมานั้นเก่งกว่าเขาหลายเท่านัก อีกทั้งต่อให้คุณเอาชนะคนพวกนั้นได้ แต่คุณคิดว่าจะสามารถเอาชนะอาจารย์ของท่านเทียนได้หรือเปล่า? เขาผู้นั้นเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง และผมยังได้ยินคุณปู่พูดอีกว่าอาจารย์ของฮันเทียน หลิงเต้าจื่อนั้นอายุถึง 130 ปีแล้ว แต่มองไปยังคล้ายกับคนอายุแค่ 5-60ปีเขาฝึกฝนตนเองด้วยวิชายืนยงคงกระพัน เกรงว่าคุณจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้วล่ะ!”จางดาวจงพูดออกมา
“แล้วยังไงต่อ?” ลู่เฉินถามขึ้น อาจารย์ที่เขาพูดถึงคือหลิงเต้าจื่อ ลู่เฉินเคยได้ยินจากหยุนลาวมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นอาจารย์ของฮันเทียน
หลิงเต้าจื่อเป็นผู้มีวิทยายุทธระดับสูงอย่างที่ว่ามา อีกทั้งนิสัยแปลกประหลาด เขาชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ลู่เฉินคิดว่าหากเขาสามารถเอาชนะศิษย์พี่ศิษย์น้องของฮันเทียนได้ หลิงเต้าจื่ออาจจะออกมาต่อสู้กับเขาด้วยตัวเอง
“แล้วไงอย่างนั้นเหรอ? เพียงแค่คุณยอมแพ้ในตอนนี้ บางทีจางดาวเรนอาจจะไว้ชีวิตคุณก็ได้! คุณเชื่อไหมล่ะ?” จางดาวจงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
ลู่เฉินเพียงยิ้มไม่ตอบอะไร สิ่งที่จางดาวจงพูดออกมาเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น จากนิสัยของจางดาวเรนนั้นถ้าเขาพ่ายแพ้ แน่นอนว่าจะต้องหาวิธีแก้แค้นให้จงได้
“แต่ผมช่วยคุณได้นะ” จางดาวจงพูดออกมา
“จะช่วยผมได้ยังไง?” ลู่เฉินถามอย่างเจ้าเล่ห์
“คุณดื่มให้ผมก่อนสักแก้ว แล้วเรียกผมว่าพี่ ผมก็จะค่อยๆอธิบายให้คุณฟัง!” จางดาวจงยื่นมือออกไปตบเข้าที่บ่าลู่เฉิน
ลู่เฉินหุบยิ้มลงในทันที คิดไม่ถึงว่าเขาพูดกับจางดาวจงมาตั้งนาน สุดท้ายแล้ววัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการให้เขาดื่มให้เท่านั้นเอง
เขารู้สึกประหลาดใจจริงๆ หรือจางดาวจงจะไม่ถูกกับจางดาวเรนกัน?
เอาเถอะ ต่อให้เขาไม่ถูกกับจางดาวเรน แต่ทำไมลู่เฉินจะต้องทำความร่วมมือกับเขาด้วย?
เมื่อหลี่ชิงเฉิงและเฉินจื่อหรานได้ยินดังนั้นก็หันไปทางลู่เฉิน เขาจะยอมดื่มให้จางดาวจงจริงๆเหรอ? และจะยอมเรียกเขาว่าพี่อย่างนั้นเหรอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่ชิงเฉิง ถึงแม้ว่าเธอเพิ่งจะรู้จักกับลู่เฉิน แต่ความรู้สึกประทับใจที่มีให้ลู่เฉินในครั้งแรกก็ดีทีเดียว ดังนั้นเธอจึงได้มอบนามบัตรของตัวเองให้แก่ลู่เฉินแม้รู้จักกันครั้งแรก
“ให้ผมดื่มให้คุณเหรอ? ไม่เอาล่ะ” ลู่เฉินยิ้มแล้วพูด
“ทำไม! คุณดูถูกผมเหรอ?” จางดาวจงสีหน้าเคร่งขรึมไปทันที
“จะดูถูกหรือไม่ดูถูก ก็อยู่ที่คุณคิดแล้วกัน” ลู่เฉินหัวเราะ
“งั้นคุณหมายความว่ายังไง? จางดาวจงสีหน้าไม่น่ามองเท่าไหร่ในตอนนี้ ลู่เฉินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าดูถูกเขา
เขาเป็นถึงหนึ่งในผู้สืบทอดตระกูลจาง ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไปเขาเป็นถึงคุณชายผู้สูงส่ง ส่วนลู่เฉินเพียงแค่เป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆเท่านั้น เขามีคุณสมบัติอะไรจะมาดูถูกกัน!
“ผมหมายถึงว่า ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมจะให้ผมยกแก้วดื่ม” ลู่เฉินออกมาเบาๆ
“เหอะๆ! ลู่เฉิน ไม่เลวนี่ คุณพูดอยู่ตั้งนานสุดท้ายก็คือดูถูกผมใช่ไหม? งั้นคุณลองพูดมาซิว่าคนแบบไหนถึงจะมีคุณสมบัติพอให้คุณยกแก้วดื่มให้!” จางดาวจงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น
ลู่เฉินกำลังจะพูดอะไรออกมาก็พบว่าเซ่เว่ยเหาเดินถือแก้วตรงมาทางเขา
โต๊ะรอบรอบข้างพากันส่งสายตามองมาด้วยความอิจฉา และสำหรับโต๊ะของลู่เฉิน ตอนนี้ทุกคนลุกขึ้นยืนยกเว้นลู่เฉินคนเดียว
“เซ่ซูเจี๋ย!”
จางดาวจง หลี่ชิงเฉิง หลินอี้จุนและคนอื่นๆทักทายเขาขึ้นด้วยความเคารพ
“นั่งเถอะๆๆ ผมจะมาดื่มกับคุณลู่ซักสองแก้ว ไม่รบกวนเวลาของพวกคุณหรอก”
เซ่เว่ยเหาพูดและยิ้มกับพวกเขา จากนั้นนั่งลงตรงที่ของจางดาวจง