พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่172 ถูกจับ
บทที่172 ถูกจับ
“เสี่ยวซัวจุนงั้นเหรอ? หรือว่าจะ……”
เมื่อพบว่าลู่เฉินไม่สนใจพวกเขา และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน มองดูแล้วคล้ายกับเสี่ยวซัวจุน ตำรวจทั้งสองคนก็เริ่มใจคอไม่ดี
หรือว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับเสี่ยวซัวจุนกัน?
เดี๋ยวก่อนนะ ครั้งที่แล้วเขาบริจาคถึง 50 ล้านเชียว ให้ตายเถอะ!เขาเป็นเศรษฐีที่บริจาคเงินช่วยเหลือกว่า 50 ล้าน!!!
ตายแน่ ตายแน่ๆ ต้องเกิดเรื่องแน่นอน!
ทั้งสองมองหน้ากันและรีบกลับไปยังสถานีตำรวจ
ณ เวลานี้ที่ร้านกาแฟ จางกุ้ยกำลังคุยอยู่กับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนผู้นี้ชื่อว่าจู้ปินเป็นคนของบ้านตระกูลจาง เขาก็คือคนที่จางดาวเรนโทรไปหา เชิญให้มาดื่มกาแฟด้วย
ปกติแล้วจู้ปินก็รับใช้งานบ้านตระกูลจางและรับของกำนัลเสมอมา แม้ของกำนัลเหล่านั้นจะเป็นของกำนัลที่ไว้ให้แก่บุคคลเบื้องล่างของตระกูลจางแต่ก็สามารถสื่อถึงความหมายได้อย่างดี
ดังนั้นทุกครั้งเมื่อตระกูลจางมีเรื่องให้เขาช่วยเขาก็จะช่วยอย่างเต็มที่
เรื่องในวันนี้เดิมทีก็ค่อนข้างร้ายแรง เพราะนอกจากพนักงานในร้านที่โทรแจ้งตำรวจแล้วผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาและลูกค้าที่เข้ารับใช้บริการก็ได้โทรแจ้งตำรวจเช่นกัน!
เรื่องร้ายแรงเพียงนี้เขากลับไม่เกรงกลัว หากไม่มีความสัมพันธ์ในกรมตำรวจแล้วละก็ จางกุ้ยเองก็คงไม่กล้าทำแบบนี้
เพราะไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ร้ายแรงเกินไปจริงๆ สุดท้ายคงต้องถูกดำเนินคดี
แต่ตอนนี้เขาไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว
เนื่องจากเขาเชื่อมั่นในความสามารถของบ้านตระกูลจาง อีกทั้งเชื่อมั่นว่าตระกูลจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้
ในขณะเดียวกันมือถือของจางกุ้ยก็ดังขึ้น เมื่อเขายกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคนจากในกรมตำรวจ
“จางกุ้ย เรื่องนี้จัดการไม่ง่ายเลย ฝ่ายตรงข้ามโทรหาเสี่ยวซัวจุนต่อหน้าพวกผม!” หนึ่งในตำรวจสองคนนั้นพูดขึ้น
“เขาเป็นใครกัน?เขารู้จักกับเสี่ยวซัวจุนเหรอ?” จางกุ้ยถามด้วยความตกใจ
“ผมเองยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่ฟังจากบทสนทนาที่เขาคุยกับเสี่ยวซัวจุนเมื่อครู่ รู้สึกว่าเสี่ยวซัวจุนเองก็กลัวเขาอยู่เหมือนกัน” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น
“อะไรนะ? เสี่ยวซัวจุนกลัวเขาเหรอ? ก็แค่เจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง?” จางกุ้ยรู้สึกว่าตำรวจสองคนนั้นคงบ้าไปแล้ว กล้าพูดแม้กระทั่งล้อเล่นแบบนี้ออกมา
“ใช่ครับ! พวกเราแอบฟังเสียงขอเขาด้วย”
“เอาล่ะผมรู้แล้ว เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปก่อนแล้วกัน ส่งคนไปสอบปากคำก็พอ” จางกุ้ยพูดออกมาอย่างไม่สนใจแล้ววางสายไปทันที
“คุณจู้ครับ คุณคิดว่าเสี่ยวซัวจุนจะเกรงกลัวเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตธรรมดาๆคนหนึ่งไหม?” เมื่อเขาวางสายลงก็ถามจู้ปิน
“จะเป็นไปได้ยังไง? อย่าว่าแต่เจ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย ต่อให้เป็นคุณชายทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็ไม่กล้าขัดใจเสี่ยวซัวจุนหรอก” จู้ปินส่ายหัว
“ก็นั่นน่ะสิ ผมรู้สึกว่าตำรวจคนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขาโทรมาหาผมเมื่อครู่เพื่อต้องการบอกเป็นนัยๆว่าให้ผมระมัดระวังหน่อย มิน่าล่ะถึงได้เป็นแค่ตำรวจชั้นผู้น้อยอยู่วันยังค่ำ” จางกุ้ยหัวเราะเยาะออกมา
“ถูกต้องแล้วครับ อีกทั้งหากเสี่ยวซัวจุนรู้จักกับเขาจริงๆ การที่เขาจะเป็นปรปักษ์ต่อคุณก็ต้องคำนึงถึงความสามารถของตระกูลจางอยู่บ้าง การที่ตระกูลจางจะจัดการเสี่ยวซัวจุนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเอาเสียเลย” จู้ปินพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
สิ่งเหล่านี้เขาได้ใช้เวลาหลายปีในการสืบความหลังของสี่ตระกูลใหญ่นี้มา ต่อให้เป็นเสี่ยวซัวจุนเองก็ไม่กล้าที่จะขัดใจตระกูลจางอย่างง่ายๆแน่นอน
จางกุ้ยพยักหน้า และด้วยเหตุผลนี้บ่งบอกได้ว่าทำไมเขาถึงได้จงรักภักดีต่อบ้านตระกูลจาง
เนื่องจากไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตระกูลจางก็จะหาวิธีป้องกันเขาจนได้
เมื่อจางกุ้ยกลับไปยังสถานีตำรวจ และกำลังจะสอบถามความคืบหน้าของสถานการณ์ ที่Supermarket เนื่องจากมีคนแจ้งตำรวจ เขาจึงต้องทำหลักฐานลงบันทึกประจำวันไว้
จางกุ้ยนั่งพิงไปที่พนักเก้าอี้และกำลังจะโทรศัพท์หาตำรวจที่ส่งไปสอบสวนก็พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามา
“คุณหลิว พวกคุณ……”จางกุ้ยตกตะลึง เขายังทำอะไรไม่ถูก
“พวกเราได้รับรายงานมาว่าคุณทำผิดกฎหมาย ขอเชิญไปกับพวกเราด้วย ทั้งตำรวจและหน่วยพิเศษหลายคนตรงเข้ามาและกุมตัวจางกุ้ยเอาไว้
สีหน้าของจางกุ้ยเปลี่ยนไปเป็นขาวซีดทันที
ไม่ว่าสุดท้ายผลตรวจสอบจะสรุปว่าเขาจะทำผิดกฎหมายหรือไม่ แต่ก็จะมีบันทึกไว้ให้แปดเปื้อน แม้ว่าตระกูลจางจะสามารถช่วยเขาออกมาได้แต่ก็คงไม่มีใครกล้าใช้เขาแล้ว!
จางกุ้ยถูกคุมตัวขึ้นรถไปตอนนี้ เขาจิตตกมาก
เขารู้ว่ามีคนกำลังจัดการเขาอยู่เบื้องหลัง และเขาต้องการรู้จริงๆว่าคนคนนั้นเป็นใคร?
“คุณหลิว เห็นแก่ที่พวกเรารู้จักกันมาตั้งนานหลายปีคุณจะพอจะบอกผมได้ไหมว่าเป็นใครกัน” จางกุ้ยถามหลิวซื่อฉาย
หลิวซื่อฉายนิ่งเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดออกมาว่า “เซ่เว่ยเหา”
“อะไรนะ!เซ่ซูเจี๋ย?คุณล้อผมเล่นหรือไง?” จางกุ้ยระบายออกมาด้วยความตกตะลึง เขาและเซ่ซูเจี๋ยนั้นไม่เคยมีความโกรธแค้นอันใดต่อกัน อีกทั้งเขาเองก็มักประจบประแจงเซ่ซูเจี๋ยอีกด้วย เขามีเหตุผลอะไรกัน?
อีกอย่าง ที่เซ่ซูเจี๋ยกำจัดเขาไปอย่างนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?
“คุณลองคิดดู ดีๆว่าคุณไปขัดขาผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนเข้า?”เซ่ซูเจี๋ยไม่ได้ประชุมอะไรทั้งสิ้นแต่กลับแจ้งถึงข้อหาของคุณต่างๆนานาอีกทั้งหลักฐานมอบให้ทางเรา พวกเราทุกคนสังเกตได้ถึงความโมโหในแววตาของเซ่ซูเจี๋ย
“คุณน่าจะพอเดาออกว่าสีหน้าเซ่ซูเจี๋ยเวลาโมโหเป็นยังไง แน่นอนว่าสิ่งที่เขาโกรธนั้นไม่ใช่เพราะคุณทำผิดมากมาย แต่ว่าเป็นเพราะคุณไปขัดใจใครเข้า” หลิวซื่อฉายกล่าว
จางกุ้ยได้ยินดังนั้นก็ขาอ่อนนั่งทรุดลงไป สีหน้าของเขาซีดเผือด เขาบ่นไม่หยุดว่า “เขามีความสามารถมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
วินาทีนั้นเขาเข้าใจแล้วว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้มีต้นเหตุมาจากเรื่องในวันนี้นี่เอง
เขาไม่ใช่คนโง่ แค่ดูก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเถ้าแก่ซุปเปอร์มาร์เก็ตคนนั้นและเซ่ซูเจี๋ยว่าดียิ่ง ในวันนี้เขาเองไม่ได้เข้าร่วมขัดขวางการก่อความไม่สงบที่ Supermarketนั้น และเรื่องนี้ถูกรายงานไปยังเซ่ซูเจี๋ยเซ่ซูเจี๋ยลงมือด้วยตัวเอง จึงได้ตรวจสอบเจอหลักฐานในการกระทำความผิดอื่นๆก่อนหน้านี้ด้วย
พูดตามตรงว่าเมื่อตอนที่เซ่ซูเจี๋ยติดต่อมาทางพวกเขาพวกเขา ก็พอจะเดาออกได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร?
“เขา?ใครกันอย่างนั้นหรือ?” หลิวซื่อฉายถามด้วยความประหลาดใจ
“ลู่เฉิน เจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตเซิ่งซื่อ” จางกุ้ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น บัดนี้เขาเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ทำลงไปหากเขา รู้ว่าลู่เฉินกับเซ่ซูเจี๋ยวิธีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ต่อให้ฉีกหน้าตาคุณจางเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้
“ลู่เฉินอย่างนั้นเหรอ?” หลิวซื่อฉายอุทานออกมา “ในเมื่อยังไงคุณก็ทำผิดต่อเขาแล้ว การที่คุณถูกลงโทษในวันนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล”
“สมเหตุสมผลอย่างนั้นเหรอ?หมายความว่าอะไรกัน?” จางกุ้ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณไม่รู้ว่าลู่เฉินเป็นใครอย่างนั้นเหรอ?”จู้ปินถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่รู้ไงล่ะ!!! ถ้ารู้ว่าเขาเป็นใครผมจะกล้าทำแบบนี้กับเขาหรอ?”จางกุ้ยถามออกมา อึดอัดใจยิ่งนัก
หลิวซื่อฉายกระซิบเบาๆที่ข้างหูจางกุ้ยว่า “เอาล่ะเห็นแก่ที่คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมมา ผมจะบอกความจริงกับคุณให้ฟัง
เขาเป็นคนที่ทั้งยวี่โจวกำลังตามหา ลู่เฉินเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี ดังนั้นผมจึงได้บอกว่าสมเหตุสมผล”
“อะไรนะ! เขาเป็น……”
จางกุ้ยพูดแล้วเบิกตากว้าง เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้วแต่ภายในใจเขาก็ยังตกตะลึงไม่หาย
ลู่เฉินเป็นเถ้าแก่เทคโนโลยีอี้ฉีอย่างนั้นหรือ?
บอกไปใครจะเชื่อกันล่ะ!