พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่26 หนึ่งแสน
บทที่26 หนึ่งแสน
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เฉิน หลินอี้จุนกลอกตาไปมองเขา
“ถ้าคุณไม่อยากพูดก็ตามใจ คืนนี้นอนคนเดียวต่อไปแล้วกันนะคะ” หลินอี้จุนคิดว่าลู่เฉินยังโกรธอยู่จึงไม่อยากพูดความจริงออกมา
เมื่อพูดจบเธอก็เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เธอยังมีโครงการวิลล่าทะเลสาบจิงหลงต้องจัดการอีก
เมื่อเห็นท่าทางของหลินอี้จุน ลู่เฉินได้แต่ยักไหล่แล้วฝืนยิ้มอยู่ในใจ
ทำไมภรรยาของเขาถึงไม่ยอมเชื่อเขากัน?
หลินอี้จุนกลับไปที่ห้องนอนและเพิ่งเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมแผนเมื่อ เธอได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวของเธอ
“พี่คะ ถามพี่เขยดูหรือยัง?” หลินอี้เจียถาม
“ถามแล้ว แต่เขาไม่ตอบ น่าจะโกรธอยู่น่ะ ไว้วันหลังจะถามใหม่แล้วกัน” หลินอี้จุนตอบ
“ค่ะเข้าใจแล้ว ไว้พี่รู้คำตอบอย่าลืมบอกกันด้วยนะคะ” หลินอี้เจียพูด
“อืม มีเรื่องอื่นอีกไหม พี่จะรีบทำงานต่อ” หลินอี้จุนถามต่อ
“ไม่มีแล้ว งั้นไม่รบกวนพี่แล้ว แค่นี้นะคะ” หลินอี้เจียถามธุระเสร็จก็วางสายไป
หลินอี้จุนวางโทรศัพท์และเอนกายบนเก้าอี้หายไปในความคิด
จะเป็นลู่เฉินจริงๆเหรอ?
ฉันจะเชื่อคำพูดเขาได้ไหม
แต่ถ้าหากไม่ใช่เขา จะเป็นใครกันนะ?
……
วันต่อมาลู่เฉินเดินทางไปที่บริษัท เขาพบกระเป๋าหนังสีดำใบหนึ่งตกอยู่จึงได้หยิบขึ้นมาส่งไปให้ยามที่ออกตรวจพื้นที่อยู่บริเวณนั้น
“จู้สวย ผมเก็บกระเป๋านี้ได้ตรงนั้นน่ะ ช่วยส่งไปที่ศูนย์ทีว่าเป็นของใครทำตกไว้ ติดต่อให้ไปรับคืนที่ห้องศูนย์นะ” ลู่เฉินนำกระเป๋าหนังสีดำส่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ชื่อว่าจู้สวย
“ไม่เห็นหรือไงว่าคนลาดตระเวนอยู่ เอาไปให้เองไม่เป็นหรือไง?” จู้สวยพูดอย่างไร้ความอดทน
“อ้อ งั้นเชิญทำธุระต่อไปเถอะครับ” ลู่เฉินพยักหน้า เขาไม่ได้ประจำอยู่ที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยนี้หลายวัน ลืมไปสนิทว่าคนในนี้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่นัก
“หึหึ คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ เลียแข้งเลียขาผู้บริหารเสี้ยได้แล้วคิดว่าตัวเองใหญ่หรือไง?” จู้สวยพูดเหน็บแนมตามหลังลู่เฉินที่เดินไปยังห้องศูนย์
“แหม ถ้าแกยอมเอาเมียประเคนให้ผู้บริหารเสี้ยถึงบนเตียงแบบเขาล่ะก็ ไม่แน่ก็มีสิทธิ์ทำอำเภอใจแบบนั้นแหละ” เพื่อนยามอีกคนพูดขึ้น
เมื่อลู่เฉินได้ยินคำพูดนี้เขาหันหลังกลับมาทันที สายตาเยือกเย็นมองไปที่ทั้งสอง
“ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือบ้าๆนี่ หยูไห่?ฟ่านหมิง?” เขาถามขึ้น
เรื่องราวหลายๆอย่างเขาไม่ค่อยเอามาใส่ใจนัก แต่เรื่องที่ทำให้ภรรยาของเขาเกิดมลทินเขาจะทำเป็นไม่ได้ยินคงไม่ได้
เมื่อสองวันก่อนเขาให้เสี้ยจุนสืบหาเรื่องราวนี้แล้ว ไม่คิดว่าในวันนี้เขาจะยังได้ยินข่าวลือบ้าๆนี่ เขารู้สึกผิดหวังในตัวเสี้ยจุนเล็กน้อย
เขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองในวันนี้
“ใครปล่อยข่าวพวกเราจะไปรู้ได้ยังไง ก็แค่ได้ยินคนเขาพูดต่อๆกันมา แล้วอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องจริงนี่ กล้าเอาตัวเมียเข้าแลกแต่ไม่กล้ายอมรับเหรอ?” ยามอีกคนที่ชื่อว่าหยูเจิ้งขำ
ลู่เฉินมองไปที่พวกเขาทั้งสองแล้วพูดด้วยความเย็นชาว่า “พวกคุณสองคนถูกไล่ออกแล้ว จะบอกดีๆไหมว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ หรือจะให้ตำรวจมาสืบสวน”
เขาตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมาย หากทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการจะไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้เชียวหรือ
“อ๋อเหรอ แกคิดว่าแกเป็นใครกัน อยากทำอะไรก็ได้หรือไง? ก็แค่เอาเมียเข้าแลก ทำเป็นอวดดีไปได้” จู้สวยไม่เชื่อว่าลู่เฉินจะไล่พวกเขาออกได้จริงๆ
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น บริษัทคงจะวุ่นวายไปหมดแน่
โดยภาพรวมแล้วพวกเขาก็ยังเชื่อมั่นในเสี้ยจุน
นอกจากนี้ นายเซียยังเป็นผู้ถือหุ้นคนที่สองใน บริษัท
ลู่เฉินไม่อยากเสียเวลากับพวกขี้ปะติ๋วสองคนนี้ เขาหันหลังเดินไปยังห้องศูนย์
การไล่ยามออกแค่สองคน แค่คำพูดคำเดียวก็สำเร็จไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ
“ลู่เฉิน ทำไมกระเป๋าสตางค์ของหวังเหยียนมาอยู่ที่แกได้?” ลู่เฉินที่เพิ่งเดินมาถึงศูนย์ดูแลรักษาความปลอดภัย ก็ได้ยินเสียงของหยูไห่ดังขึ้น สายตาเขามองมาที่กระเป๋าหนังสีดำใบนี้
“ผมเก็บได้ข้างนอกน่ะ ถ้าเป็นของหวังเหยียนฝ่ายการเงินละก็งั้นขอฝากกลับไปคืนด้วยนะ” ลู่เฉินพูดแล้วนำกระเป๋าเงินส่งให้หยูไห่
หยูไห่รับไปแล้วเปิดดู “เงินในนี้ล่ะ?”
“เงินอะไร?” ลู่เฉินขมวดคิ้ว กระเป๋าสตางค์ใบนี้ตอนเก็บได้ก็ไม่มีอะไรอยู่ข้างในแล้วนี่
“เมื่อสักครู่ฉันออกไปกดเงินมาหนึ่งแสนใส่ไว้ในกระเป๋าใบนี้ แต่ไม่รู้ไปทำหล่นอีท่าไหน ลู่เฉินถ้าหากเงินหนึ่งแสนนั่นเธอเป็นคนเอาไป ขอร้องให้คืนมาเถอะนะ ตอนนี้สถานะทางการเงินที่บ้านไม่ดี ฉันไม่มีปัญญาหาเงินหนึ่งแสนมาชดเชยจริงๆ”
หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องศูนย์ฯ ไม่ใช่ใครอื่นเป็นหวังเหยียนนั่นเอง
สีหน้าของหวังเหยียนเป็นกังวลมาก เงินหนึ่งแสนสำหรับเธอเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอเดินทางมาศูนย์รักษาความปลอดภัยติดต่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยค้นหา
“หวังเหยียน เงินนี้เขาเอาไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นกระเป๋าจะไปอยู่ในมือได้ยังไง” หยูไห่พูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“คุณหวังหวังเหยียน ผมไม่ได้เอาเงินไป ก็แค่เก็บกระเป๋าได้แต่ข้างในมันว่างเปล่า” ลู่เฉินไม่ได้ใส่ใจเงินแค่หนึ่งแสน แต่เงินนี้เขาไม่ได้เอาไป จะให้เขายอมรับได้อย่างไร
“ลู่เฉิน นี่จะทำตลกอะไรอีก กระเป๋าของหวังเหยียนอยู่ในมือแก แต่กลับบอกว่าไม่ได้เอาเงินข้างในไป คิดว่าพวกเราโง่หรือไง?” หยูไห่หัวเราะ
“คุณคิดว่าผมเหมือนคนที่ขาดแคลนเงินแสนนี้หรือไง?” ลู่เฉินถามขึ้น เขามองออกว่าหยูไห่ตั้งใจให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้
“แกล้งทำเสแสร้งอะไร? ก่อนหน้านี้ลูกสาวแกเข้าโรงพยาบาลหมดค่ารักษาตั้งมากมาย ตอนนี้แกยังติดหนี้ค่ารักษาพยาบาลอยู่ตั้งหลายแสน ยังมีหน้ามาพูดว่าไม่ขาดแคลนเงินหนึ่งแสน?” หยู่ไห่ได้ใจ
“ใช่ๆๆหวังเหยียน พวกเราเป็นพยานให้ได้ ลู่เฉินลางานบ่อยเพราะต้องไปดูแลลูกสาว เขายืมเงินไปหลายแสนจริงๆ เงินนี้ต้องเป็นเขาเอาไปแน่ๆ”
จู้สวยและหยูเจิ้งเห็นลู่เฉินยิ้มยะเยือก เมื่อสักครู่เขาเพิ่งเอ่ยออกมาว่าจะไล่พวกเขาออก ถึงแม้พวกเขาจะไม่กลัว แต่โอกาสแกล้งลู่เฉินดีๆแบบนี้พวกเขาจะพลาดได้อย่างไร
ที่จริงแล้วพวกเขาไม่รู้ความเป็นมาของเรื่องราวหรอก ก็แค่ไปตามน้ำเท่านั้นเอง
“ลู่เฉิน พี่ขอร้องละนะ จะให้พี่กราบก็ได้เอาเงินคืนมาเถอะ พี่ชดใช้ไม่ไหวจริงๆ!” เมื่อถูกบรรดาคนรอบกายกดดัน หวังเหยียนก็หลงเชื่อในคำพูดว่าลู่เฉินเป็นคนเอาเงินไป เมื่อพูดจบเธอกำลังจะก้มลงกราบจริงๆ
ลู่เฉินขมวดคิ้ว หยูไห่รีบพยุงหวังเหยียนขึ้นมา พูดว่า “พี่หวังจะทำอะไรน่ะ เขาเป็นหนี้สินตั้งหลายแสน ต่อให้พี่ก้มลงกราบ เขาก็ไม่คืนเงินให้พี่หรอก แจ้งตำรวจ พวกเราให้ตำรวจจัดการดีกว่า”
หยูไห่หยิบมือถือออกมาทำท่าจะโทรแจ้งความ
จู้สวยและหยูเจิ้งมองดูลู่เฉินด้วยสายตายาะเย้ย
เมื่อสักครู่ลู่เฉินยังขู่พวกเขาอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่นาทีเขาจะโดนเล่นงานเสียเอง
แจ้งตำรวจอะไรกัน หวังเหยียนกับลู่เฉินตามมาที่ห้องหน่อยนะ”
เสี้ยจุนปรากฏตัวขึ้นแล้วพูดกับทั้งสองคน
เขาบังเอิญออกมาทำธุระนิดหน่อย แต่เมื่อพบลู่เฉินยืนอยู่หน้าห้องศูนย์ฯก็รู้สึกประหลาดใจจึงเดินมาดู เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็เข้าใจดี
เมื่อเห็นผู้บริหารเสี้ย หวังเหยียนทำได้เพียงเดินตามเขาไปที่ห้องทำงาน
ลู่เฉินใช้หางตามองไปที่หยูไห่แล้วเดินตามเสี้ยจุนไปเช่นกัน
เมื่อเห็นทั้งสามเดินจากไป หยูไห่ขมวดคิ้วแล้วเดินกลับไปที่ห้องศูนย์
ภายในห้องนั้นฟ่านหมิงนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา
“ผู้จัดการฟ่าน ผู้บริหารเสี้ยเรียกลู่เฉินกับหวังเหยียนเข้าไปในห้องแล้ว ผมกำลังจะโทรเรียกตำรวจแต่ถูกเขาห้ามไว้” หยูไห่รายงานฟ่านหมิง
Comments for chapter "บทที่26 หนึ่งแสน"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
สอใส่เกือก
ปากมึงเป็นเหี้ยไร ได้โอกาสพูดความจริงเสือกอยากแต่เอาเท่ไอ้ควาย