พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่28 เสี่ยวจิง
บทที่28 เสี่ยวจิง
คนที่เข้ามาขวางทางไว้นั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นจางซานหยวนเถ้าแก่ร้านสะสมของโบราณนั่นเอง
เมื่อมองเห็นจางซานหยวนพาลูกน้องมาดักทางตนไว้ ลู่เฉินไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เพียงแต่รู้สึกผิดหวังกับพวก Three Heroes of the Water Margin
พวกนั้นเป็นหลู้จองที่เขาฝึกฝนมา ในวันนั้นเขาพูดอย่างชัดเจนว่าจางซานหยวนจะหักมือของเขา นั่นก็หมายความว่าให้พวกเขาหักมือจางซานหยวนทิ้งซะ
แต่ดูแล้วมือของจางซานหยวนยังอยู่ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“ท่าทางจะต้องอบรมสั่งสองคนของตัวเองให้ดีกว่านี้หน่อยเสียแล้ว” ลู่เฉินพูดขึ้น
“ไอ้หนู ฉันไม่อยากเสียเวลาเปลืองน้ำลายกับแกหรอกนะ เอาถ้วยเรืองแสงนั่นมาซะ แล้วเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่างคนต่างอยู่ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจละกัน” จางซานหยวนจ้องมองลู่เฉินด้วยแววตาอาฆาตแค้น
ถ้วยเรืองแสงนั่นมีค่ากว่าห้าล้านเชียว เมื่อเทียบกับเงินห้าล้านนั้นเรื่องอื่นเขาไม่สนใจมันอีกต่อไป
ลูกน้องเจ็ดแปดคนที่อยู่ข้างหลัง กวัดแกว่งมีดไปมด้วยท่าทางดุดันพร้อมต่อสู้
“ลูกพี่เฉิน คนพวกนี้เป็นใครครับ มองดูแล้วไม่ธรรมดา พี่ไปทำเรื่องอะไรให้พวกเขาเหรอ?” เสี่ยวจิงถามขึ้น
“ผมมีเรื่องกับไอ้พวกหน้าโหดแบบนี้ไม่ใช่แค่คนสองคนหรอก นี่เป็นพวกขี้ปะติ๋วเท่านั้น ถ้ากลัวก็หลบไปอยู่ข้างหลังก่อนนะ” ลู่เฉินยิ้มเยาะ
“ผมอาจจะไม่มีความรู้ความสามารถอะไร แต่เมื่อเรียกพี่ว่าพี่แล้ว ชาตินี้ก็จะขอเป็นลูกน้องพี่ตลอดไป” เสี่ยวจิงพูดอย่างจริงจัง
เขาเพิ่งจะกลับจากกองทหาร อายุไม่มาก ถ้านับถือใครแล้วก็มอบให้ได้แม้ชีวิต
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องถามมาก จับมือสู้กับไอ้พวกนี้กันเถอะ” ลู่เฉินพยักหน้า
เสี่ยวจิงพยักหน้าตอบรับ กำหมัดทั้งสองขึ้นมาตั้งท่าพร้อมต่อสู้
แม้ว่าคนทั้งแปดในกระดานจะถือมีดพร้า แต่เขาไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อย
หนึ่งคือหลังจากเขากลับจากกรมทหาร พูดได้ว่าไม่มีการสู้รบใดที่เขาไม่เคยเจอ การต่อสู้ธรรมดาแค่นี้เขาไม่หยิบมาใส่ใจ
สองคือเรื่องของการต่อยตี ลู่เฉินมีฝีมือดีกว่าเขามาก เขาไม่ต้องกังวลอะไร
แม่งเอ้ย พวกแกคงจะเป็นประเภทไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ ไปพวกเรา ลุย!” จางซานหยวนเมื่อเห็นท่าทีไม่ยินยอมของลู่เฉินและเสี่ยวจิง แต่กลับตั้งตาสู้แล้วนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าในวันนี้คงต้องนองเลือดกันไปข้างหนึ่ง
ชายร่างสูงใหญ่เจ็ดแปดคนนั้นเมื่อได้ยินคำสั่งก็กรูกันเข้ามา
ภายใต้แสงแดดเจิดจ้านี้ เเสงสะท้อนจากคมมีดทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
โชคดีที่ในจังหวะนี้ไม่มีใครเดินผ่านเข้ามาในซอย ไม่เช่นนั้นคงตกใจไม่น้อย
ลู่เฉินและเสี่ยวจิงก็เริ่มขยับตัว
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ทั้งสองเป็นเหมือนหมาป่าที่ดุร้าย ส่วนคู่ต่อสู้นั้นมีมีดอยู่ในมือ
ดังนั้นจึงไม่ประนีประนอมให้แก่กัน
ผัวะ ผัวะ ผัวะ!!!
เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที จางซานหยวนมองเห็นลูกน้องของเขาเจ็ดแปดคนนั้นนอนกองรวมกันที่พื้นร้องโอดโอย
แต่ลู่เฉินและซูจิงเดินผ่านคนทั้งแปดไปแล้ว และยืนตรงหน้าจางซานหยวน
“แก แก พวกแกมันไม่ใช่คน!” จางซานหยวนตัวสั่น
บรรดานักเลงต่างๆเขาเคยเจอมานับไม่ถ้วน แต่สำหรับสองคนนี้มีความสามารถเหมือนกับสัตว์ประหลาด เขายังไม่เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน
“นี่เพื่อนฝูง เมื่อไม่กี่ก่อนคนคนนี้บอกว่าจะหักมือผม แล้วก็มีใครบางคนอาสารับคำจะทำให้ แต่ดูเหมือนผมจะโดนหักหลังเสียแล้วละ คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม?” ลู่เฉินไม่ได้สนใจจางซานหยวน เขาหันมาพูดกับเสี่ยวจิง
“ในเมื่อลูกพี่เฉินเอ่ยปากมาเเล้ว ผมจะปฏิเสธได้ยังไงกัน” เสี่ยวจิงมองมาที่ลู่เฉิน เข้าใจความหมายที่เขาพูดดี
การที่ลู่เฉินจะหักมือของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก แต่ลู่เฉินกลับให้เขาช่วย เขาเข้าใจในความหมายของลู่เฉินดี
เพียงแต่ประหลาดใจเล็กน้อย การกระทำเช่นนี้ไม่ค่อยเหมือนลูกพี่เฉินที่เขารู้จัก
“แกจะหักแขนลูกพี่ฉันงั้นเหรอ?” เสี่ยวจิงเดินหน้าไปหาจางซานหยวน
“เอ่อ เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น ไอ้น้องชาย พี่ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นมาก่อนเลยนะ ถ้วยเรืองแสงนั่นก็ไม่เอาแล้วด้วย” จางซานหยวนมองมาที่ลู่เฉิน ท่าทางเขาหวาดกลัวเเละเป็นกังวล
“ลูกพี่เฉินบอกว่าใช่ ก็คือใช่” เสี่ยวจิงพูดจบก็จับเข้าให้ที่ข้อมือของจางซานหยวน ตามด้วยก็หักมือของจางซานหยวน
กร๊อบบบบ!
เสียงกระดูกหักดังกังวาน จากนั้นตามด้วยเสียงร้องเหมือนหมูโดนเชือดของจางซานหยวน
“ลูกพี่เฉิน ผมว่าเเขนข้างนั้นต่อให้รักษาหายก็คงใช้งานไม่ได้อีกต่อไป” เสี่ยวจิงเดินมารายงาน
เขาเชื่อในฝีมือเขา
“อืม ไปกันเถอะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับแล้วหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตู้เฟย
เสี่ยวจิงไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองหลังจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงโอดโอยของจางซานหยวน
“ตู้เฟย มาเจอกันที่ร้านหยก36หน่อยนะ เดี๋ยวจะส่งชื่อห้องไปให้ ไม่ต้องถามอะไรมาก มาก่อนค่อยคุยกัน” ลู่เฉินวางสายทันทีหลังพูดจบ
ตู้เฟยเป็นหนึ่งในเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่ลู่เฉินมีอยู่ในเมืองยวี่โจวนี้ เขารู้จักตู้เฟยดี
หากเขาไม่ได้ผิดหวังกับพวก Three Heroes of the Water Margin วันนี้เขาคงยังไม่โทรหาตู้เฟยให้ออกมาเจอหน้า
“ลูกพี่เฉิน ได้ยินมาว่าอาหารที่นี่แพงมาก เงินเดือนยังไม่ออก ผมไม่ปัญญาเลี้ยงพี่จริงๆ” เสี่ยวจิงมองชื่อร้านอาหารแล้วพูดขึ้น
ถึงแม้เขาไม่เคยมากินที่ร้านนี้ แต่ก็รู้ดีว่าหยก36เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ยวี่โจว อย่างต่ำเฉลี่ยคนละหนึ่งพัน และห้องส่วนตัวที่แพงที่สุดฉันได้ยินมาว่ามื้อหนึ่งอาจมีราคาหลายแสน
“วันนี้ผมเลี้ยงเอง” ลู่เฉินพูดขึ้น
“ลูกพี่เฉิน ถ้าเงินที่ลูกพี่ใช้กินข้าวมื้อนี้เป็นเงินไม่บริสุทธิ์ ผมขอไม่กินนะ” เสี่ยวจิงลังเลก่อนพูดขึ้น
ลู่เฉินหยุดเดินแล้วมองดูเสี่ยวจิงด้วยความประหลาดใจ พูดว่า “อะไรคือเงินที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์?”
สายตาเสี่ยวจิงขาดความมั่นใจเขาพูดว่า “ลูกพี่เฉิน ผมนับถือพี่มาโดยตลอดนะ ถึงแม้ว่าผมไม่ควรจะสงสัยในตัวพี่ แต่บางเรื่องที่ติดอยู่ในใจทำให้ผมไม่สบายใจเท่าไหร่”
ลู่เฉินมองดูเสี่ยวจิงแล้วหยิบบุหรี่มวนหนึ่งส่งให้เขา ส่วนตัวเองหยิบมามวนหนึ่งจุดไฟ
เสี่ยวจิงไม่ได้จุดบุหรี่ เขาได้แต่มองมาที่ลู่เฉิน แล้วพูดว่า “สองสามวันมานี้ผมได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพี่สะใภ้……ผมไม่เชื่อว่าพี่เป็นคนแบบนั้น แต่ช่วงนี้ทุกครั้งที่ผมไปที่บริษัทก็เห็นพี่อยู่แต่ในห้องผู้บริหารเสี้ย ผมไม่สบายใจจริงๆ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาจะพูดกับลู่เฉินในวันนี้พอดี
คนอื่นๆพูดว่าลู่เฉินยอมเสนอเมียตัวเองให้กับเสี้ยจุนถึงบนเตียง จึงได้กล้าทำเรื่องต่างๆนานาในบริษัท แต่สำหรับเขาแล้วนั้นไม่เชื่อแน่นอน
แต่เขาก็อยากได้ยินข้อเท็จจริงจากปากของลู่เฉินเอง
ลู่เฉินดับบุหรี่ทิ้ง ยิ้มแล้วตอบว่า “ถ้าคุณเชื่อผม ก็เดินเข้าไปในร้านนี้กินข้าวกัน แล้วคุณจะรู้ทุกอย่างนในพรุ่งนี้”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร เสี่ยวจิงนับถือเขาเป็นพี่ชายคนนึงนั้นไม่ผิดแน่ แต่จะเชื่อใจเขาโดยไม่สงสัยแบบตู้เฟยหรือไม่ ก็ต้องดูการตัดสินใจของเขาในวันนี้
เสี่ยวจิงถอนหายใจแบบโล่งอก แล้วเลือกเดินตามลู่เฉินเข้าไปในหยก36
“พี่เขย มาทำอะไรที่นี่”
เมื่อทั้งสองเดินผ่านโต๊ะในห้องโถงโต๊ะหนึ่งก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาทางเขา
เมื่อลู่เฉินกลับไปดูพบว่าที่โต๊ะนั้นมี หลินอี้เจีย หวังเสวี่ยและชายหนุ่มในชุดสูทนั่งมองเขาอยู่