พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่35 ฟ่านหมิงรู้สึกตื่นเต้น
บทที่35 ฟ่านหมิงรู้สึกตื่นเต้น
“ช่างเถอะ คุณไม่ต้องตอบก็ได้ สัญญาที่ฉันเซ็นวันนี้ก็เป็นเพราะผู้จัดการหวังเห็นแก่คุณหรือเปล่าคะ?” หลินอี้จุนไม่รอให้เขาตอบกลับก็ถามขึ้น
ลู่เฉินยักไหล่ไม่ได้พูดอะไร ท่าทีไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่หลินอี้จุนพูด
“ฉันเริ่มไม่เข้าใจริงๆ คุณรู้จักคนมากมาย ทำไมถึงไปเป็นยามรักษาความปลอดภัยที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย คุณไม่ใช่คนไร้ความสามารถ ถ้าคุณเลือกทำงานด้านการขายก็คงทำได้ดีกว่าฉันเสียอีก หรือเพราะว่าคุณไม่ไว้ใจฉัน?” หลินอี้จุนพูดไปพูดมา เธอดูเหมือนโมโหขึ้นกว่าเดิม
“ผมไม่เชื่อคุณตรงไหน อีกอย่างใครบอกว่าผมเป็นยาม……” ลู่เฉินยังพูดไม่จบก็ถูกหลินอี้จุนพูดขัดขึ้นมาว่า
“โอเค คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ถ้าคุณเชื่อใจฉันก็ไปลาออกจากหน้าที่รักษาความปลอดนี้ซะ แล้วไปหางานดีๆทำ คุณถูกลอตเตอรี่ไม่ใช่เหรอ เอาเงินมาทำทุนค้าขายก็ได้ ถ้าเงินไม่พอเดือนหน้าโบนัสฉันออกฉันจะให้คุณเพิ่มอีกสามแสน” หลินอี้จุนไม่อยากได้ยินคำพูดแก้ตัวใดๆจากเขาอีก
“โอเคเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ผมจะไปลาออก” ลู่เฉินฝืนยิ้ม
วันต่อมาหลังหลินอี้จุนส่งฉีฉีไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้วก็โทรหาฟ่านหมิงบอกว่าวันนี้เธอลางานหนึ่งวันเนื่องจากไม่ค่อยสบาย
ฟ่านหมิงรีบตอบตกลงในทันที
ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจนักแต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อใจลู่เฉินว่าวังเหว่ยจะไม่ทำความร่วมมือกับฟ่านหมิง
“ลู่เฉินนะลู่เฉิน คุณมีเรื่องปกปิดฉันอยู่อีกเท่าไหร่กันแน่?” หลินอี้จุนพิงไปที่เบาะรถแล้วบ่นพึมพำ
หลังจากที่ฉีฉีออกจากโรงพยาบาล เธอก็รู้สึกว่าลู่เฉินเปลี่ยนไปจากเดิม
เธอรู้สึกได้ว่าลู่เฉินมีเรื่องราวที่ปกปิดเธอไว้หลายเรื่อง แต่เธอก็ไม่อยากถามให้เขารำคาญ
ทางด้านฟ่านหมิงเมื่อได้รับสายจากหลินอี้จุนก้ยิ้มด้วยความพอใจ
แม้ว่าคอมมิชชันโครงการนี้จะเป็นของหลินอี้จุน แต่ต่อไปฐานลูกค้ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย ก็จะเป็นของเขา
เพียงแค่ทำบริการหลังการขายให้ดี สามารถทำให้กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยพอใจได้ เขาเชื่อว่าในอนาคตจะมีโอกาสดีๆตามมาอีกมากมาย
“หลิวหยานฉี๋ เดี๋ยวไปพบผู้จัดการหวังของแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ” ฟ่านหมิงหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วพูดกับหลิวหยานฉี๋
หลิวหยานฉี๋แม้จะไม่ได้มีหน้าตาสวยงามเท่ากับหลินอี้จุน แต่ก็ถือว่าเป็นพนักงานขายที่หน้าตาดีทีเดียว และที่สำคัญเธอค่อนข้างเป็นกันเอง เขาคิดว่าหากพาหลิวหยานฉี๋ไปด้วยน่าจะดีกว่า
“ได้ค่ะผู้จัดการฟ่าน” หลิวหยานฉี๋ตอบรับ
หลินอี้จุนได้รับการเลื่อนขั้นนั้น หลิวหยานฉี๋เองก็ไม่พอใจเท่าไรนักและรอโอกาสประจบประแจงฟ่านหมิงอยู่พอดี ไม่แน่ว่าบางทีฟ่านหมิงอาจให้เธอเลื่อนขั้นก็เป็นได้
เมื่อเห็นฟ่านหมิงพาหลิวหยานฉี๋เดินทางไปพบผู้จัดการหวังของแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย พนักงานคนอื่นๆก็เกิดความอิจฉาขึ้น
“ครั้งนี้หัวหน้าหลินขาดทุนยับเยินแน่ๆ ผลงานใหญ่ขนาดนี้กลับโดนผู้จัดการฟ่านคาบไปกินได้”
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าหัวหน้าหลินไปทำอะไรผู้จัดการฟ่านเอาไว้ แย่งผลงานกันไม่พอ วันนี้ฉวยโอกาสที่หัวหน้าหลินไม่มาทำงานพาหลิวหยายฉี๋ที่ไม่ลงรอยกับหัวหน้าหลินอยู่แล้วไปคุยงานด้วย ถ้าหัวหน้าหลินรู้เข้าคงโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแน่ๆ”
“นี่มันเรื่องของพวกเธอตรงไหนไม่ทราบ เค้าจะเป็นยังไงกันเกี่ยวกับพวกเราไหม ถ้ามีเวลาไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของชาวบ้านนะ สู้เอาเวลาไปทำงานดีกว่า ดีไม่ดีอาจขายโครงการใหญ่สำเร็จก็ได้” พนักงานเก่าแก่คนหนึ่งพูดขึ้นแล้วหยิบเอกสารเดินออกไป
ส่วนคนอื่นๆก็พากันแยกย้ายทำหน้าที่ของตน
ฟ่านหมิงขับรถมายังโรงแรมที่นัดหมายคุยงาน ก่อนลงจากรถเขาไม่ลืมที่จะจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย
แม้ว่าสัญญาจะเซ็นเรียบร้อยแล้ว และเมื่อวานนี้แกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยก็โอนค่ามัดจำ จำนวนเงินห้าล้านกว่ามาเรียบร้อย แต่การพบปะพูดคุยรายละเอียดในวันนี้ก็ถือว่าสำคัญมาก
ที่สำคัญไปกว่านี้คือ เขาจะต้องทำให้วังเหว่ยยอมรับการเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการนี้ให้ได้
เขาเชื่อว่าจะแทนที่หลินอี้จุนในการรับผิดชอบโครงการนี้กับแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงผู้จัดการที่มีประสบการณ์มากมายคนหนึ่ง เขามีสิทธิ์ในการตัดสินใจมากกว่าหลินอี้จุนด้วยซ้ำ
เมื่อทั้งสองเข้ามายังห้องที่จองไว้ในโรงแรม วังเหว่ยยังเดินทางมาไม่ถึง
“ผู้จัดการฟ่านคะ พวกเราเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการกะทันหันแบบนี้ ผู้จัดการวังจะว่าอย่างไรไหม เขาจะยกเลิกความร่วมมือกับเราไหมคะ?” หลิวหยายฉี๋พูดด้วยความกังวล
ในฐานะพนักงานฝ่ายขายที่มีประสบการณ์คนหนึ่ง เธอรู้ดีว่าผู้รับผิดชอบโครงการนั้นสำคัญต่อความร่วมมือของสองบริษัทมากขนาดไหน แม้ในวันนี้ฟ่านหมิงจะพาเธอมาด้วย แต่เธอรู้ตัวดีว่าทั้งความสามารถและรูปร่างหน้าตาเธอห่างไกลจากหลินอี้จุนไม่น้อย
เกี่ยวกับเรื่องรูปร่างหน้าตานี้ เธอเองก็ยอมรับในความพ่ายแพ้
หลินอี้จุนนั้นหน้าตาดีถึงขนาดผู้หญิงด้วยกันแบบเธอยังอาย
แม้ว่าเธอจะแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ใบหน้าและเรือนร่างนั้นสาวๆทั่วไปก็ยังไม่กล้าสู้
“น่าจะไม่มีผลกระทบนะครับ สัญญาก็เซ็นแล้ว ถ้าหากผู้จัดการหวังผิดสัญญาละก็ พวกเขาจะไม่สูญเสียเงินห้าล้านไปเปล่าๆเหรอ?” ฟ่านหมิงพูดอย่างมั่นใจ
“ที่สำคัญคือ ถ้าหากกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยผิดสัญญาจริงๆ บริษัทจะสามารถหักเงินมัดจำนั้นไว้ได้จริงๆเหรอคะ?” หลิวหยายฉี๋เริ่มกังวลขึ้นกว่าเดิม
แม้จะไม่ใช่หนึ่งในคณะผู้บริหาร แต่เธอรู้ดีว่ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยนั้นน่ากลัวเพียงใด ไม่มีบริษัทใดกล้าหักเงินมัดจำไว้ต่อให้กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยผิดสัญญาก็ตาม
ฟ่านหมิงเลิกคิ้วขึ้น คำพูดของหลิวหยานฉี๋นั้นเขาเองก็เคยคิดมาก่อน แต่เขาคิดว่ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยน่าจะไม่ทำเช่นนั้น
“ถ้าผู้จัดการวังเรียกร้องจะพบหลินอี้จุน ก็ต้องดูความสามารถของเธอแล้วละ ถ้าหากครั้งนี้ทำได้ดีผมจะพิจารณาเลื่อนขั้นให้คุณนะ” ฟ่านหมิงมิงมาที่หลิวหยายฉี๋ทำนองว่าเหตุใดในวันนี้เขาจึงพาเธอมาด้วย
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไม่ทำให้ผู้จัดการฟ่านต้องผิดหวังนะคะ” หลิวหยานฉี๋พยักหน้าตอบรับ ภายในใจเธอแอบอมยิ้ม
เธอรอคำพูดประโยคนี้จากฟ่านหมิงมานานแล้ว
จากตอนที่ฟ่านหมิงเรียกเธอมาด้วยเธอก็เข้าใจว่าวันนี้ฟ่านหมิงต้องการให้เธอใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์
แน่นอนว่าหากพยายามแล้วก็ควรได้ผลตอบแทน
นี่คือนิสัยของเธอ
หากฟ่านหมิงไม่เอื้อประโยชน์ให้เธอ เธอคงไม่ทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือเขา
“อืม ทำให้ดีนะครับ ตราบเมื่อผมยังอยู่ในบริษัทนี้ รับรองว่าจะไม่เอาเปรียบคุณแน่นอน” ฟ่านหวิงตบบ่าหลิวหยายฉี๋
“พูดได้ยังไงว่าไม่ให้ฉันถูกเอาเปรียบ ฉันทำงานกับคุณมาตั้งสี่ปีแล้วนะคะ และฉันทุ่มเทให้กับทุกงานไม่เคยบ่น แต่สุดท้ายคนที่ได้เลื่อนขั้นคือหลินอี้จุน เธอมีอะไรดีกว่าฉันกัน ทั้งความสามารถและประสบการณ์” หลิวหยายฉี๋พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“เรื่องการเลื่อนขั้นครั้งที่แล้วเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่า ใครจะไปรู้ว่าหลินอี้จุนมันจะโชคดีขนาดนั้น ผู้บริหารเสี้ยเป็นคนออกตัวเลื่อนตำแหน่งให้เอง ผมก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ แต่ไม่เป็นไรถ้าโครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ผมจะเสนอชื่อคุณกับผู้ถือหุ้นรายใหม่” ฟ่านหมิงปลอบใจเธอ
หลิวหยานฉี๋ลึกๆแล้วแอบดีใจที่ฟ่านหมิงเห็นในความสามารถของเธอ
ในเวลานี้เอวประตูได้ถูกเปิดออก ทั้งสองเห็นวังเหว่ยเดินตรงเข้ามา
ฟ่านหมิงไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปให้การต้อนรับ
“สวัสดีครับพี่วัง ผมชื่อฟ่านหมิงเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการต่อจากนี้” ฟ่านหมิงรีบพูดแนะนำตัวแล้วยื่นมือไปทักทาย
“สวัสดีครับ” วังเหว่ยยื่นมือไปทักทายตอบ
ฟ่านหมิงดีใจมาก มองดูแล้ววังเหว่ยน่าจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการ หลินอี้จุนหนอหลินอี้จุน โชคไม่เข้าข้างเธอเสียแล้ว บริษัทจะมีหรือไม่มีเธออยู่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรเลย
เมื่อคิดได้ดังนี้ ในใจของฟ่านหมิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด