พ่อจอมผยอง / คุณพ่อสายเปย์ - บทที่402 กลับประเทศ
บทที่402 กลับประเทศ
เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่ตนเอง ขู้ปาจึงต้องยิ้มแหย
ในเมื่อลู่เฉินพูดอย่างนั้นเขามีทางเลือกอื่นไหมล่ะ?
เขาต้องไม่มีทางเลือก นอกจากต้องมอบอำนาจของกองทหารคืน มิฉะนั้นเขารู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาอาจไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่ชีวิตก็คงไม่มีเหลือ
เขานึกถึงซางปาและนึกถึงความน่ากลัวของสำนักสังหาร
“ผมยอมมอบอำนาจของกองกำลังให้ และสนับสนุนการปรับโครงสร้างของประเทศครับ”ขู้ปาพูดอย่างจนปัญญา แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่เขาก็รู้ว่าจะต้องกำจัดระบบผู้ปกครองนครพื้นเมืองเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้ประเทศสงบสุขได้
“ดีมาก แม้ว่าคุณจะมอบอำนาจทางทหาร แต่คุณก็สามารถรับราชการทหารได้หรือจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ แน่นอน ผมขอแนะนำให้คุณอยู่ในเซิ่งหูอานในฐานะหนึ่งในหกรัฐมนตรีน่าจะดีที่สุด” ลู่เฉินกล่าว
จากนั้นเขาก็บอกว่าเขาจะช่วยประเทศเจียซือ ในการปรับโครงสร้างเพื่อให้รัฐมนตรีทั้งหกคน มีอำนาจเท่าเทียมกัน
“โอเคผมเชื่อที่ผู้บัญชาการลู่พูดครับ” ในเมื่อยอมที่จะส่งกำลังกองทหาร ขู้ปาก็ไม่สนใจอะไรมากแล้ว
จากนั้นลู่เฉินได้เสนอแผนการปรับโครงสร้าง ซึ่งได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากทั้งสามคน
สามวันต่อมา เปียนิโอก็ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ โดยมีผู้ครองนครคนอื่น ๆ มาร่วมงานฉลองด้วยตนเอง
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คิดไม่ถึงคือกษัตริย์องค์ใหม่ต้องการให้พวกเขาส่งอำนาจการสั่งการทหารคืน
ผู้ครองนครคนอื่นๆต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน แต่พวกเขาถูกควบคุมโดยองครักษ์ของราชวงศ์ทันที
ในขณะเดียวกันเจสซี ตู้เฟย และเซียวจ้านทำการแบ่งองครักษ์ออกเป็นสามหน่วย เดินทางมาถึงถิ่นของผู้ครองนครอีกสามคนโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็เอาชนะกองทัพของผู้ครองนครทั้งสามได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาถึงจุดนี้ ประเทศเจียซือได้กำจัดระบบและผู้ครองนครลง และเปลี่ยนเป็นผู้ว่าราชการทั้งหกจังหวัดแทน
พอประเทศเจียซือเป็นปึกแผ่น ลู่เฉินได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครูโดยกษัตริย์เปียนิโอ และตู้เฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ตำแหน่งราชครูที่ลู่เฉินเป็น แค่แต่งตั้งไว้ในนามเท่านั้น
ส่วนแม่ทัพตู้เฟยควบคุมกองทัพของเจียซือทั้งหมด
และนี่อาจเป็นเพราะการประนีประนอมยอมความของพวกเจสซีด้วย
เพราะพวกเขารู้ดีว่าหากพวกเขาไม่ยอมยกอำนาจทางทหารให้ ลู่เฉินอาจจะหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนพวกเขาก็ได้
ส่วนเซียวจ้าน ก็ได้ทำหน้าที่ดูแลสำนักสังหารแทนที่ตู้เฟย
การมาเจียซือในครั้งนี้ สำหรับลู่เฉินแล้วถือว่าได้รับประโยชน์มากมายเลยทีเดียว
อีกทั้งยังหาแร่ธาตุและทรัพยากรน้ำมันทั้งหมดในเจียซือกลับไปให้ทางบริษัทได้ใช้ประโยชน์ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีจะต้องได้กำไรจากสิ่งของพวกนี้จำนวนมหาศาลแน่นอน
หลังจากอยู่ในเจียซือได้อีกหนึ่งสัปดาห์เขาก็กลับไปที่หัวเซี่ย ส่วนที่เหลือเขาปล่อยให้ลูกน้องจัดการกันเอง
เรื่องที่ต้องพูดอีกเรื่องคือ เรื่องที่เฉินจิ้งได้เป็นผู้รับผิดชอบงานในเจียซือทั้งหมด การเพิ่มงานในครั้งนี้หนักหนามาก แต่ลู่เฉินอยากจะลองให้โอกาสเธอดู
บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีเป็นกำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องการคนที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก ลู่เฉินเองก็ไม่ใช่คนเลือกใช้คนไม่เป็นด้วย
นักธุรกิจที่ลู่เฉินเคยช่วยเหลือไว้ ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทิ้งเขาไป ยังคงพยายามเจรจาร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีให้มากที่สุด
บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีได้วัตถุดิบหายากจากประเทศเจียซือจำนวนมาก ทำให้ยิ่งเป็นที่เลื่องลือมากขึ้นไปอีก
นักธุรกิจชาวหัวเซี่ยต่างก็อยากจะร่วมธุรกิจกับบริษัทด้วย ทำให้เอกอัครราชทูตอย่างหวงไห่ทาวได้ความดีความชอบไปด้วย
เจสซีและคนอื่นๆเห็นว่าลู่เฉินไม่ผิดคำพูดที่เคยพูดไว้ งบประมาณก้อนใหญ่ถูกเอามาใช้ในการก่อสร้างในเจียซือ ทำให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงรู้สึกโล่งอกมาก
ถึงแม้อำนาจในการสั่งการทหารจะอยู่ที่ตู้เฟย แต่แค่ได้เห็นประเทศของตนเองสภาพดีขึ้นเรื่อยๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากกลับมาที่ประเทศหัวเซี่ย ลู่เฉินไม่ได้กลับไปที่ยวี่โจว แต่ไปที่ที่จงหยวนก่อน เพราะก่อนหน้านี้โจวเจินเฟ่ยกล้าไปที่เจียซือเพื่อก่อปัญหา
ลู่เฉินรู้สึกว่าจำเป็นต้องสอนบทเรียนที่ลึกซึ้งแก่ตระกูลโจวสักหน่อย
“เรียกเจ้าบ้านของพวกนายให้ออกมาเดี๋ยวนี้” ลู่เฉินพาหลินตงและเสี่ยวจิงไปที่บ้านของตระกูลโจว
ด้านนอกเขาถูกยามเรียกให้หยุดและถาม “คุณมาที่นี่เพื่อมาร่วมงานหมั้นของคุณหนูด้วยเหรอครับ พวกเขาจัดงานเลี้ยงแต่งงานที่ไพลินคลับครับ”ยามตอบ
ลู่เฉินชะงัก เมื่อเห็นว่าผู้คุมดูเหมือนจะไม่โกหก
เขาจึงเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ บอกตำแหน่งของไพลินคลับให้ฉันที” ลู่เฉินพูด
ผู้คุมไม่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาจึงบอกลู่เฉิน ที่ตั้งของไพลินคลับ
ลู่เฉินพยักหน้าและออกจากบ้านของโจวพร้อมกับอีกสองคน
ไพลินคลับเป็นคลับหรูหราที่มีชื่อเสียงที่สุดในจงหยวน โดยทั่วไปแล้วคลับจะรับเฉพาะคนดังจากจงหยวน หรือจากทั่วประเทศเท่านั้น
ที่นี่เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ที่เปิดเป็นพิเศษสำหรับผู้ใหญ่หรือชนชั้นสูง
วันนี้เป็นพิธีหมั้นของโจวเฉินเฉินลูกสาวของโจวซวิ่นฉาย กับคุณชายใหญ่ตระกูลหลิน แม้ว่าตระกูลโจวจะไม่ได้เป็นยิ่งใหญ่ในจงหยวน
แต่ความแข็งแกร่งของตระกูลโจว ก็อยู่ในห้าอันดับแรกด้วย
ดังนั้นการมีส่วนร่วมในงานของโจวเฉินเฉิน กับ หลินโพ่จวูนในวันนี้จึงมีคนดังในจงหยวนมาร่วมงาน
ชื่อเสียงของตระกูลหลินตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลแรกในตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ตระกูลหลินมีชื่อเสียงในจงหยวนเช่นกัน อีกทั้งยังมีอีกหลายตระกูลที่อยากร่วมธุรกิจกับตระกูลตระกูลหลินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นตระกูลที่มาในวันนี้จึงมี ตระกูลเฉียว ตระกูลซ่ง ตระกูลจิน ที่มีอำนาจใกล้เคียงกันหรืออาจจะมากกว่าตระกูลโจวมาร่วมงานด้วย พวกเขามาเพราะหลินโพ่จวูนโดยเฉพาะ
“ ฉันได้ยินมาว่าที่ตระกูลโจวยอมให้โจวเฉินเฉินแต่งงานกับหลินโพ่จวูน เพราะพวกเขาไปทำให้บุคคลมีอำนาจขุ่นเคือง พวกเขาจึงต้องการขอความคุ้มครองจากตระกูลหลินจริงหรือเปล่า?” หนึ่งในหนุ่มเศรษฐียกแก้วขึ้นชนแก้วกับชายหนุ่มอีกคนแล้วกระซิบถาม
“แน่นอนสิ ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าคนแก่ๆอย่างหลินโพ่จวูนจะสามารถแต่งงานกับ โจวเฉินเฉินได้เหรอ เฮ้อ น่าเสียดาย ฉันยังคอยคิดจีบเธออยู่เลย แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะดื่มไวน์ทั้งหมดในแก้วในจิบเดียวราวกับว่ากลืนความไม่พอใจทั้งหมดในใจลงไป
“โจวเฉินเฉินเป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยจงหยวน เป็นเทพธิดาในดวงใจของผู้ชายในมหาวิทยาลัยจงหยวน น่าเสียดายที่ดอกไม้เช่นนี้จะต้องมาแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ ” ชายหนุ่มส่ายหัว และถอนหายใจ แค่มองก็รู้ว่าสองคนนี้แอบชอบโจวเฉินเฉินอยู่
“ ถ้าคุณสองคนไม่อยากตายก็เลิกคุยกันหัวข้อนี้ดีกว่า เพราะถ้าคำพูดของคุณไปถึงหูของหลินโพ่จวูน ผมก็กลัวว่าครอบครัวของคุณจะต้องเจอเรื่องเดือดร้อนแน่นอน” ในเวลานี้มีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาและ ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดขมวดคิ้วถ้าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสอง แน่นอนพวกเขาจะไม่เตือนเลย ถ้าพวกเขาไม่รู้จักกัน
แน่นอนว่าพวกเขาสองคนรู้ถึงอำนาจของตระกูลหลินดี
เขาหัวเราะและหยุดพูดเรื่องนี้ ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณชายฮัว คุณรู้ไหมว่าตระกูลโจวไปทำให้ใครขุ่นเคือง ผมได้ยินมาว่าโจวเจินเฟ่ยไปที่ประเทศเจียซือเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่กลับมาโจวซวิ่นฉายก็ตัดสินใจให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับหลินโพ่จวูนทันที มันดูแปลกมากเลยจริงๆ”
“ผมได้ยินมาว่าดูเหมือนว่าจะเป็นประธานบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีนะ”คุณชายฮัวจิบไวน์ก่อนจะพูด
“ที่แท้ก็ประธานของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีนี่เอง”คุณชายฟู่พูดยิ้มๆ
“ใช่แล้ว ได้ข่าวว่าว่าตระกูลหลินเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้และครอบครัวที่ซ่อนเร้นสืบทอดกันมาหลายร้อยปี มีเครือข่ายที่กว้างขวางกว่า บริษัทเทคโนโลยีอี้ฉีเป็นเพียงวิสาหกิจธรรมดา แน่นอนว่าเทียบไม่ได้กับตระกูลหลินที่เป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้ นี่คือเหตุผลที่โจวซวิ่นฉายไม่ลังเลที่จะยกลูกสาวให้แต่งงานกับชายชราแบบนี้ “ คุณชายฮัวพูดเสียงเรียบ