พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 49
หลังพึมพำภายใต้ลมหายใจสักพัก เจ้าอ้วนก็พูด’นี่ถูกกำหนดไว้แล้ว อะไรคือรากฐานของตระกูล?หินปราณ เม็ดยา?ไม่ มันคือของสนับสนุน พลังคือรากฐานของตระกูล”
“ศาลาเฉียนหลงมีเก้าผู้อาวุโส โหยวหมิงกู่มีสิบอสงผู้อาวุโส เจ็ดตระกูลใหญ่ต่างมีอำนาจเป็นของตัวเอง แถม ทุกคนถือว่าทรงเกียรติมาก พ่วงด้วยอาวุธลับที่ทุกคนถือ แม้กระทั่งเรา ราชวงศ์ก็ไม่กล้ายั่วโมโหพวกเขา.”
ดวงตาของเจ้าอ้วนพลันส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์”ตอนนั้น เพื่อทำให้เจ็ดตระกูลใหญ่หยุด บรรพชนได้ยึดทรัพย์สินของตระกูลพวกเจ้าไป นี่ทำให้พวกเจ้าไร้เคล็ดบ่มเพาะกับวิชายุทธ์ มันยังเพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้เจ็ดตระกูลใหญ่ละสายตาจากพวกเจ้าเมื่อห้าร้อยปีก่อน.”
“แต่ ไม่มีใครคิดว่าพวกเจ้าจะยังถือครอบวิชายุทธ์ระดับนภาขั้นต่ำไว้”เจ้าอ้วนแสดงรอยยิ้มส่อเสียด”ด้วยวิชายุทธ์นี้ พวกเจ้าจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ต่อให้เจ็ดตระกูลใหญ่ก็ยังมีวิชายุทธ์ระดับนภาแค่หนึ่งหรือสองเท่านั้น”
ทั้งสามตระกูลประหลาดใจ
พวกเขาไปมีวิชายุทธ์นี้ตอนไหน?ถ้ามี พวกเขาคงใช้มันไปแล้ว
มีแค่จั๋วฝานที่กลอกตา นึกถึงบางสิ่ง
ด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ มือของเจ้าอ้วนเปล่งแสงและเผยแท่งหยกเขียว”นี่คือวิชายุทธ์มนุษย์ขั้นต่ำ การผสานวิชา ด้วยตัวมัน มันไม่มีค่า แต่ถ้าเจ้าใช้มันกับวิชายุทธ์จิตวิญญาณของตระกูลพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถหลอมรวมพวกมันเป็นวิชายุทธ์ระดับนภาได้”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ฝ่ามือมังกรหวนกลับของตระกูลลั่ว ลูกเตะสายลมของตระกูลไช่และดัชนีสายฟ้าของตระกูลเหล่ยนั้นเดิมเป็นวิชายุทธ์เดี่ยวที่ราชวงศ์แยกเป็นสาม และมีแค่ราชวงศ์ถึงรู้วิธีฟื้นฟูมัน”จั๋วฝานหรี่ตา
เจ้าอ้วนตกใจ แต่จากนั้นก็พยักหน้า”พ่อบ้านจั๋วฉลาดมาก มีวิชายุทธ์ไม่มากที่สามารถแยกวิชายุทธ์อื่นได้ และจำนวนของวิชายุทธ์ที่สามารถฟื้นคืนได้ก็ยิ่งมีน้อย ข้าไม่คิดว่าพ่อบ้านจั๋วจะรู้เรื่องนี้ ถ้าท่านพ่อไม่พูด ข้าเองก็คงไม่รู้”
จั๋วฝานยิ้ม
บางทีอาจเพราะวิชายุทธ์แยกนั้นไม่ธรรมดาแม้แต่ในขั้นมนุษย์ แต่ละนิกายในแดนศักดิ์สิทธิ์จึงยึดพวกมันไว้ พวกเขาแยกวิชายุทธ์หลักพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์เสื่อมทรามเผยแพร่ มีแค่ศิษย์ของผู้นำนิกายถึงมีสิทธิ์เรียนวิชายุทธ์แบบสมบูรณ์
จั๋วฝานหันไปมองตระกูลไช่กับตระกูลเหล่ย พวกเขาตกใจ แต่ดวงตากลับแสดงความเสียใจสุดซึ้ง
บางทีอาจเพราะพวกเขาประมาทในการปกป้องวิชายุทธ์ที่สืบทอดกันมาและปล่อยให้โหยวหมิงกู่ขโมยไป โดยเฉพาะตระกูลไช่
“เหล่าผู้นำ โปรดนำวิชาสืบทอดของพวกท่านออกมา”เจ้าอ้วนวางแท่งหยกบนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม
แต่มีแค่ลั่วหยุนชางที่นำวิชายุทธ์ของตระกูลนางออกมา หลังเหล่ยยู่ถิงรู้ถึงการทรยศหักหลังของหยางหมิง นางก็ได้ส่งมอบฝ่ามือมังกรหวนกลับคืนให้ลั่วหยุนชาง แต่ผู้นำคนอื่นกลับมองกันด้วยความละอายใจ
เจ้าอ้วนขมวดคิ้ว
เหล่ยหยุนเทียนประสานมือ ถอนหายใจ”ฝ่าบาท ข้าไม่สามารถปกป้องวิชายุทธ์ของบรรพบุรุษข้าได้จากเงื้อมมือของโหยวหมิงกู่ ข้ายอมรับการลงโทษของฝ่าบาท”
“ว่าไงนะ?”เจ้าอ้วนตบโต๊ะ
ไช่หรงยกมือขึ้น”ฝ่าบาท..ข้าเองก็ด้วย…”
เจ้าอ้วนตัวสั่นด้วยความโกรธ”จะ-เจ้า พวกเจ้าสองคนเป็นผู้นำตระกูลได้ไงกัน?เจ้าลืมคำสั่งของบรรพบุรุษหรือไง?พวกเจ้าควรปกป้องมันด้วยชีวิต”
ทั้งสองคุกเข่า”โปรดยกโทษให้เราด้วย ฝ่าบาท”
เจ้าอ้วนถอนหายใจขณะเกาหัว
ไช่หรงจ้องเขา”ฝ่าบาท ท่านสามารถมอบวิชายุทธ์นภาให้เราได้อีกหรือไม่?”
“ให้มารดาเจ้าสิ!”
เจ้าอ้วนทนไม่ไหวและเริ่มก่นด่า ถ่มน้ำลายใส่ไช่หรงที่กำลังคุกเข่า”เจ้าคิดว่าวิชายุทธ์นภาคืออะไร กะหล่ำปลี?แม้กระทั่งราชวงศ์ก็ยังมีแค่สี่ และก็แย่งกันแล้ว ถ้าข้านำมันออกมาสักอัน ทุกคนจะรู้ จากนั้นตระกูลพวกเจ้าจะเติบโตได้ยังไง?”
“เจ้าหมูโง่ เจ้าเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม?”เจ้าอ้วนตบไช่หรง จากนั้นก็กระทืบเท้า
ไช่หรงขดตัว นอนตัวสั่นบนพื้น
“เอาไงกันดี เอาไงกันดี?ปฏิบัติการไข่มุกลับพังแล้ว!”
จั๋วฝานแสยะยิ้ม นำแท่งหยกสองแท่งออกมา”เจ้าชายสาม ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิชายุทธ์ของตระกูลพวกเขา”
“ว่าไงนะ?”
ผู้นำทั้งสองตะโกนพร้อมกัน จ้องไปทางจั๋วฝาน ไช่หรงนั้นตกใจสุด
เหล่ยหยุนเทียนมองจั๋วฝานพยักหน้าขอบคุณ ถ้าไม่ใช่เขา ไม่เพียงตระกูลเหล่ยจะไม่ฟื้น พวกเขายังโดนประหารด้วยความโกรธของเจ้าชายสาม
“ฮ่าๆๆ พ่อบ้านจั๋ว เจ้าน่าทึ่งมาก ข้ามองออกแล้วว่าทำไมผู้อาวุโสจิ่วของศาลาเฉียนหลงจึงประเมินเจ้าไว้สูงนัก!”เจ้าอ้วนยินดี และวิ่งเข้าสวมกอดจั๋วฝาน”ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงล้มเหลวในหน้าที่แล้ว ข้าเป็นหนี้เจ้า”
จั๋วฝานยิ้ม ส่ายหัว”นี่เพื่อตระกูลลั่ว”
“ใช่ ถูกต้อง เพื่อตระกูลลั่วและเพื่อข้า ฮ่าๆๆ..”เจ้าอ้วนตบไหล่จั๋วฝาน จากนั้นก็รวมแท่งหยกทั้งสี่”ตอนนี้ที่เรามีวิชายุทธ์ ต่อไปคือการผสานสามตระกูล ตามกฏที่ตั้งไว้ สองตระกูลจะรวมเข้ากับตระกูลที่แข็งแกร่งสุด และวิชายุทธ์นภาจะอยู่ในการดูแลของผู้นำตระกูล เช่นนั้น เจ้า..”
“ฝ่าบาท”ไช่หรงดีดตัวขึ้น”ตระกูลลั่วมีสมาชิกแค่สี่คน และตระกูลเหล่ยก็ใกล้ล่มสลาย มีเพียงตระกูลไช่ของข้าเท่านั้นที่รุ่งเรือง เช่นนั้น ข้าจะรับหน้าที่นี้และสนับสนุนพวกเขาภายใต้ปีกของตระกูลข้าเอง สำหรับตอนนี้ ข้าจะรับตระกูเลหล่ยกับตระกูลลั่วเป็นศิษย์ของตระกูลไช่และช่วยเหลือราชวงศ์ในการทำตามแผนลับ”
ขณะพูด ไช่หรงก็ยื่นมือไปหาแท่งหยก แต่ก็มีมือหยาบมาหยุดเขาไว้ เหล่ยหยุนเทียนจ้องเขา
“ไช่หรง ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกจะไปเป็นผู้นำตระกูลได้ไง?”
“ฮึ่ม แล้วไง?ตามพลัง ตระกูลข้าเหนือสุด”ไช่หรงเลิกคิ้ว
“อย่าเพิ่งมั่นใจ”เหล่ยหยุนเทียนจ้องไช่หรงและมองเหล่ยยู่ถิง นางแสดงรอยยิ้มภาคภูมิใจและก้าวออกมา”ผู้นำตระกูลเหล่ย เดือนที่ผ่านมา ข้าได้รวบรวมคนของภูเขาลมดำที่กระจัดกระจายทั้งหมด เรามีคนหกร้อยคน ครึ่งหนึ่งเป็นผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณ นับกันตามพลังอย่างเดียว ตระกูลไช่จึงอ่อนแอกว่า”
“ฮ่ๆาๆๆ แล้วไง?พวกเจ้าก็เป็นแค่โจร!”
ไช่เซียวถิงหัวเราะ”ตระกูลเหล่ยเป็นแค่พวกโจร!ถ้าพวกเจ้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูล เราจะเป็นตระกูลใหญ่ที่น่าขันสุด!”
“เจ้าเรียกใครว่าพวกโจร?เจ้าอยากตายหรือไง?”
“แล้วเจ้าจะบอกว่าพวกเจ้าไม่ใช่โจร?”
ในชั่วพริบตา ตระกูลเหล่ยกับตระกูลไช่ก็เริ่มสู้กันแย่งตำแหน่งผู้นำ จั๋วฝานลอบยิ้มข้างๆ
[ตระกูลใหม่นี้เพิ่งก่อตั้ง และมันก็ยังเป็นคำถามว่าจะอยู่รอดได้หรือไม่ แต่กลุ่มคนโง่เหล่านี้กลับหลงผิด คิดว่าตัวเองจะสู้กับเจ็ดตระกูลใหญ่ได้]
เจ้าอ้วนกับฟางฉิวไป่ล้อเลียนกลุ่มที่ทะเลาะกันด้วยสายตา
ใบหน้าของลั่วหยุนชางแดงด้วยความโกรธ พวกเขาสู้กันโดยไม่สนใจตระกูลลั่ว มันเห็นได้ชัดถึงความคิดของพวกเขา
แม้พวกเขาจะมีกันแค่สี่ พวกเขาก็ยังเป็นหนึ่งในสามตระกูล แต่ตระกูลเหล่านี้กลับไม่เห็นหัวพวกนาง!
ปัง!
สองตระกูลหยุด หันไปเห็นลั่วหยุนไห่ทุบโต๊ะ
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ดวงตาแน่วแน่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป แม้แต่จั๋วฝานก็ยังเลิกคิ้ว
“จะเถียงกันไปทำไม?”
ลั่วหยุนไห่กวาดตามองและพูด”ในการรวมตระกูลนี้ มีตระกูลเดียวที่คู่ควรเป็นผู้นำซึ่งก็คือตระกูลลั่วของข้า’
คำประกาศของลั่วหยุนไห่ทำให้พวกเขาตกใจ ไช่เซียวถิงเยาะเย้ย”เด็กอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร?เจ้าอ่อนแอสุดในหมู่เรา ไม่คู่ควรเลยัสกนิด อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่ามีสิทธิ์นำเรา?”
ลั่วหยุนไห่ยิ้ม
ทุกคนต่างจำสีหน้านี้ได้ มันซ้อนทับกับคนที่พวกเขารู้จักดี นี่ทำให้พวกเขาหันไปมองจั๋วฝาน
[นรก จั๋วฝานได้ทำลายเขาจนหมดแล้ว!]
จั๋วฝานอารมณ์ฉุนเฉียว
“ตระกูลลั่วไม่มีคน ไม่มีเงินหรือเม็ดยา มันมีแค่เราสี่”ลั่วหยุนไห่มองด้วยตาเป็นประกาย”แต่ตระกูลเราแข็งแกร่งสุดเพราะเรามีพ่อบ้านจั๋ว!”
ลั่วหยุนไห่หันไปหาจั๋วฝานด้วยความเทิดทูนในสายตา
ถ้าตระกูลลั่วมีสิทธิ์เป็นผู้นำ มันต้องขอบคุณจั๋วฝาน ฝีมือของเขาประจักษ์ชัด แม้กระทั่งศาลาเฉียนหลงก็มั่นใจว่าถ้าจั๋วฝานอยู่กับตระกูลลั่ว การเติบโตของมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลา
ภายใต้สายตาคาดหวังและกังวล โดเฉพาะสายตาเป็นประกายของลั่วหยุนไห่ จั๋วฝานก็ส่ายหัว
[เด็กนี่แทบไม่เคยแสดงความคาดหวังจากข้า ข้าไม่สามารถทำให้เขาผิดหวังได้]
“ฮึ่ม จั๋วฝานก็แค่พ่อบ้าน คนสถานะต่ำแบบเขาจะคู่ควรกับการนำตระกูลไช่เราได้ไง?เจ้าหนู ตระกูลเราควรเป็นผู้นำ อย่า..”
ไช่เซียวถิงเยาะเย้ยแต่ก็พูดไม่ทันจบคำเพราะจั๋วฝานได้ตบโต๊ะ เผยให้เป็นข้อตกลงการเป็นพันธมิตร
ภายใต้ความสงสัยของทุกคน จั๋วฝานหัวเราะ”นี่คือสัญญาพันธมิตรของตระกูลลั่วและศาลาเฉียนหลง”
“ว่าไงนะ?”
เจ้าอ้วนตกใจจนร่างสั่นสะท้านและเกือบล้มหงายหลัง แม้กระทั่งฟางฉิวไป๋ก็ยังหรี่ตา ตรวจม้วนหนังแกะด้วยความตกใจ
ศาลาเฉียนหลงคือหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ คนกลุ่มเดียวที่คู่ควรจะทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับพวกเขาก็คือคนอื่นจากเจ็ดตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้…
ด้วยแววตาลึกซึ้ง ฟางฉิวไป๋ถอนหายใจขณะถามจั๋วฝาน”เจ้าหนู เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
“ได้รับการยกย่องและคุณค่าประดุจวีรบุรุษ!”
เขาพยักหน้าให้ฟางฉิวไป๋จากนั้นก็หันไปหาสองตระกูล พูดด้วยเสียงเย็น”ข้าจะบอกให้ ต่อให้ไม่มีปฏิบัติการไข่มุกลับนี่ ตราบเท่าที่ข้าอยู่นี่ ตระกูลลั่วจะเติบโตจนเทียบเคียงได้กับเจ็ดตระกูลใหญ่”
“เจ้าไม่มีทางช่วยเราได้!ตรงกันข้าม พวกเจ้ามันแค่ภาระ”
อีกสองตระกูลหน้าเสีย
ด้วยแก้มที่มีเลือดฝาด ลั่วหยุนชางเชิดคางอย่างภาคภูมิ ลั่วหยุนไห่แสยะยิ้มด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วฝานด้วยความเคารพ…