พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 63
ซวบ!
ใต้เงาของป่า ร่างสีเทาไหววูบ วินาทีที่สัตว์อสูรเห็นเขา มันก็กระโดดหาเขาด้วยความโลภ
แต่มันกลับล้มลงพื้นอย่างไร้ชีวิตด้วยรอยหมัดที่ประทับบนหน้าอกมัน
ดวงตาของผู้อาวุโสเจ็ดดำมืด แต่ความเร็วของเขายังเหมือนเดิม ไม่เหมือนจั๋วฝาน การบินของเขาดึงดูดปัญหาไม่มาก
แต่นี่ก็ทิ้งศพสัตว์อสูรระดับสามไว้ด้านหลัง เขาโชคดีพอไม่พบสัตว์อสูรระดับสี่ ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้
ซวบ
ทันใดนั้น เขาก็พุ่งเข้าพื้นที่โล่ง เขาตรวจสอบร่องรอย ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา
“ฮี่ๆๆ เจ้าหนูสามตัว อยากหนีงั้นรึ?”ผู้อาวุโสเจ็ดแค่นเสียง เขายืนขึ้น กวาดมองรอบๆด้วยดวงตาเย็นชา”เจ้าจะออกมาเอง หรือให้ข้าลากเจ้าออกมา?”
เสียงตะโกนของเขาปกคลุมทั้งป่าด้วยจิตสังหารและทำให้สัตว์อสูรใกล้ๆกลัว
“ฮ่าๆๆ ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้อาวุโสเจ็ดถึงโด่งดัง ไม่แปลกใจที่เจ้าจะถูกเรียกว่าปีศาจเจ้าเล่ห์ ถึงกับรู้ว่าเรามีกันกี่คนจากร่องรอยเล็กน้อย ข้าประทับใจจริงๆ!’
เสียงหัวเราะของจั๋วฝานดังสะท้อนผ่านอากาศ ผู้อาวุโสเจ็ดขมวดคิ้ว”เจ้าหนู เจ้าเพิ่งเข้าสู่ระดับกลั่นลมปราณขั้นหก”
“หูดี!”
จั๋วฝานรู้สึกสั่นสะท้าน ผู้อาวุโสคนนี้น่ากลัวกว่าที่เขาคิด แต่เขาก็ยังรักษาความเยือกเย็น
“ผู้อาวุโสเจ็ดต้องเหนื่อยแน่หลังไล่ตามมานาน การสู้กันที่นี่จะดึงดูดสัตว์อสูรระดับสี่ มันจะทำให้เจ้าลำบาก เรามาตกลงกันเป็นไง?”
“ตกลง?”ผู้อาวุโสเจ็ดแค่นเสียง
จั๋วฝานยิ้ม”ผู้อาวุโสเจ็ดไล่ตามเราก็เพราะทรายเพชร ถ้าเราแบ่งให้ครึ่ง เจ้าจะเต็มใจปล่อยเราไปไหม?”
“เจ้าพูดเล่นอะไร ทรายเพชรเป็นของข้าตั้งแต่ต้น เจ้าอยากต่อรองด้วยของที่เจ้าขโมยไปจากข้า?”ผู้อาวุโสเจ็ดหัวเราะขณะที่แผ่จิตสังหารออกมา”ข้าไม่เพียงจะเอาทรายเพชรของข้าคืน แต่ข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้าด้วย!’
จากนั้นผู้อาวุโสก็กระโจนผ่านต้นไม้ เขาฟาดฝ่ามือออกมา เผยให้เห็นจั๋วฝานที่นั่งบนหินด้านหลัง
“ฮี่ๆๆ เจ้าหนู เจ้ารู้ถึงประสาทสัมผัสหูข้าแต่ก็ยังพูดเรื่องเงื่อนไขกับข้ารึ!”
ผู้อาวุโสเจ็ดส่งฝ่ามือไปอีกฝ่ามือ ครั้งนี้ เจาะจงที่จั๋วฝาน แต่จั๋วฝานกลับสงบตามเคย เขายิ้ม”ฮี่ๆๆ ข้าไม่เคยกลัวที่จะเผยตัวตั้งแต่ต้น!’
มือของจั๋วฝานขยับและ..
บูม!
เกิดเสียงดังสนั่น จากด้านหลังจั๋วฝาน เสาไฟสูง 50 เมตรลุกโชน และด้วยเสียงนกร้อง มันก่อตัวเป็นรูปทรงของฟีนิกส์
มันสยายปีกและระเบิดเสาไฟสองเสาใส่ผู้อาวุโสเจ็ด!
“ค่ายกล?”
ผู้อาวุโสตกใจเพราะไม่คิดว่าหนูอ่อนแอจะรู้จักค่ายกล จากพลังที่มันแสดง มันต้องเป็นระดับห้า
โดยไม่ประมาทอีกต่อไป เขาฟาดฝ่ามือใส่เสาไฟ
บูม!
เสาไฟระเบิดและผู้อาวุโสก็ลอยออกไปพร้อมฝ่ามือที่ไหม้
ดวงตาไร้ความกังวลของผู้อาวุโสตอนนี้ไม่หลงเหลืออีกแล้ว
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป”ผู้อาวุโสเจ็ดหรี่ตา”ไม่คิดเลยว่าผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณขั้นหกจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า แต่แย่หน่อยที่มันไม่พอจะล้มข้า!’
ผู้อาวุโสเจ็ดคำรามและประสานมือ
เงาปีศาจผุดขึ้นด้านหลังเขาจากพลังลมปราณสีดำที่บิดเบี้ยว เกิดเสียงโหยหวนรอบตัวเขา และอุณหภูมิก็ลดลง
ดวงตาของจั๋วฝานหรี่ตา “เคล็ดปีศาจพยาบาท นี่คือมรดกของโหยวหมิงกู่รึ?”
“ฮี่ๆๆ คนตายจะรู้ไปทำไม?”
ผู้อาวุโสเจ็ดหัวเราะและชี้นิ้ว เงาปีศาจพุ่งใส่จั๋วฝานพร้อมเสียงกรีดร้อง จั๋วฝานตอบสนองด้วยการประสานมือ
ฟีนิกส์ไฟกรีดร้องและพ่นไฟออกมา
ปัง!
ไฟและเงาปะทะกันกลางทาง เมื่อไฟแตะตัวปีศาจ เสียงฟู่ก็ดังราวกับมันชนเข้ากับน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสเจ็ดมองมันด้วความภาคภูมิใจขณะที่จั๋วฝานหรี่ตา”หนิงเอ๋อร์ ตอนนี้แหละ!”
เสียงร้องเบาๆดังจากอีกด้านไม่ไกลจากจั๋วฝาน ค้อนสายลมเกรี้ยวกราดทุบผ่านไม้ และเผยให้เห็นเสวี่ยหนิงเซียงที่นั่งอยู่บนหิน
ตามเสียงเรียกของจั๋วฝาน นางประสานมือตามที่เขาสอน
ลมหนาวเย็นม้วนตัว พัดเหมือนคมมีดขณะที่มันผสานเข้ากับการโจมตีของฟีนิกส์
เสาไฟขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่าในชั่วพริบตา และเริ่มผลักเงาปีศาจไป
ใบหน้าของผู้อาวุโสเจ็ดดำมืด เขาประสานมือเพื่อเสริมพลังให้เงาปีศาจ
แต่ด้วยความช่วยเหลือของหนิงเซียง จั๋วฝานจึงเหนือกว่าและผู้อาวุโสเจ็ดก็เริ่มหลั่งเหงื่อ
เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะมีอีกคนกำลังควบคุมค่ายกล!
แต่ก่อนเขาจะได้คิดมาตรการโต้ตอบ จั๋วฝานก็ตะโกนอีกครั้ง
“เซี่ยเทียนหยาง เขาเป็นของเจ้าแล้ว!’
“ฮ่าๆๆ ข้ากำลังรออยู่เลย!คอยดูข้าผ่าสมองของยอดฝีมือปราณนภาให้ดี!’
ท่ามกลางเสียงพูดของเซี่ยเทียนหยาง สายฟ้าระเบิด เผยให้เห็นเขานั่งอยู่อีกด้านของจั๋วฝานและตรงข้ามกับเสวี่ยหนิงเซียง
เซี่ยเทียนหยางประสานมือและระเบิดมังกรสายฟ้ายาว 50 เมตรออกมา ด้วยเสียงคำราม มันพุ่งใส่เงาปีศาจ
บูม!
เมื่อสายฟ้าชนเข้ากับเงา มันก็กระตุ้นการระเบิด!
เงาปีศาจไม่สามารถเอาชนะพลังที่เพิ่มขึ้นได้และถูกระเบิดจนแหลก ในไม่ช้าก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
ผู้อาวุโสเจ็ดกระอักเลือด !
สิ่งนี้ท้าทายตรรกะทั้งหมด วันนี้ หนูสามตัวทำร้ายเขา!แต่หนูไม่ได้จบแค่ไหน พวกมันยังระเบิด ลม ไฟ สายฟ้าใส่เขาอีก
ถ้าเขาไม่ทำอไรตอนนี้ เขาจะบาดเจ็บสาหัส หรือแม้กระทั่งตาย!
ผู้อาวุโสเจ็ดโอบกอดตัวเอง และสะบัดโซ่คล้ายตะขาบที่พลันปรากฏในมือ
บูม!
การโจมตีของพายุ ไฟ สายฟ้าถูกระเบิดออกไปขณะที่ผู้อาวุโสก้าวถอยหลัง ฝั่งของจั๋วฝานเองก็ตัวสั่นสะท้านขณะที่แต่ละคนรู้สึกว่ามีเลือดลมตีขึ้นอก มันเสมอ!
“สมบัติมารระดับสี่?”จั๋วฝานจริงจัง
ผู้อาวุโสเจ็ดอ้าปากและเห่า”ดี ทำได้ดี ข้าเดินทางไปทั่วโลกมานานแล้วแต่วันนี้ หนูสามตัวกลับทำให้ข้าอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้!’
เขาหันไปมองจั๋วฝาน”ข้ายอมรับว่าเจ้าแกร่ง ถ้าเรายังสู้ต่อ มันจะจบด้วยสองฝ่ายที่ตาย มันดีกว่าที่จะรับข้อตลงแรกของเจ้า ส่งทรายเพชรให้ข้าครึ่งหนึ่งและข้าจะไป!”
ทั้งสามสบตากัน เสวี่ยหนิงเซี่ยงกับเซี่ยเทียนหยางไม่อยากตอแยโหยวหมิงกู่และพยักหน้า ขณะที่จั๋วฝานแสดงรอยยิ้มน่ารัก”ได้ มาตกลงกัน!’
เขากระโดดออกจากหิน ผู้อาวุโสเจ็ดเก็บอาวุธเขาและบินไปทางจั๋วฝาน
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างกันสิบเมตร ดวงตาของทั้งคู่พลันระเบิดจิตสังหารออกมา
“ตายซะ เจ้าสารเลว!”
“ฆ่าเขาซะ!’
เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกัน ผู้อาวุโสเสร็จเรียกสมบัติมารออกมา สะบัดมันใส่จั๋วฝานขณะที่จั๋วฝานประสานมือ
ไฟกับโซ่ตะขาบปะทะกัน
เซี่ยเทียนหยางกับเสวี่ยหนิงเซียงตกใจ แม้จะพลาดการปะทะครั้งแรก แต่ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ส่งสายฟ้ากับลมไป
ผู้อาวุโสเจ็ดไม่สามารถหลบและต้องทำลายการโจมตีด้วยโซ่อีกครั้ง แต่เขาก็ถูกบังคับให้ถอยหนีขึ้นฟ้า
ใบหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนเป็นสีขาว จับจ้องจั๋วฝานด้วยความโกรธ”สารเลว ใครมันจะเชื่อเจ้า?”
“ฮี่ๆๆ ผู้บ่มเพาะปีศาจมันต้องเจอกับข้า!’จั๋วฝานยิ้มเยาะ
เสวี่ยหนิงเซียงกับเซี่ยเทียนหยางมองด้วยความงุนงง
[พวกเขาเป็นใครกัน?คนหนึ่งน่ารังเกียจยิ่งกว่าอีกคน ไม่ว่าใครก็ไม่ควรไว้วางใจ]
ทั้งคู่มีแค่ความคิดเดียวตั้งแต่ต้น ฆ่า
[พวกเขาชั่วร้ายเกินไป เจ้าเล่ห์ และชอบหักหลัง….]
[ถ้าหนึ่งในนั้นไว้ใจอีกฝ่าย งั้นคงมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปแล้ว]
ความคิดนี้ทำให้ทั้งสองอ้าปากค้าง ดวงตาของพวกเขาจับจ้องจั๋วฝานเขม็ง[ขอบคุณพระเจ้าที่เรามีคนชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ในหมู่พวกเรา ไม่งั้นเราคงตายไปแล้ว]