พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 69 การปะทะ
ป่าในเขตสามของเทือกเขาหมื่นอสูรหนาทึบจนบดบังดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์อสูรดุร้าย มันวาดภาพน่าสยดสยองจนสร้างความกลัวให้ทุกคนที่ตั้งใจก้าวเข้าไป
กลุ่มของจั๋วฝานเกาะติดกับพื้นขณะคลาน ใช้พุ่มไม้เป็นที่กำบัง พวกเขากินเม็ดยาปกปิดพลังงาน แต่ไม่เหมือนพื้นที่ก่อน ถ้าสัตว์อสูรเห็นพวกเขาที่นี่ มันจะถึงวาระ
เช่นนั้น นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่จะเดินทาง เคลื่อนที่ด้วยการคลานเป็นระยะทางสามพันลี้
เสียงร้องคำรามจะกระตุ้นความกลัวพวกเขา ทำให้คิ้วพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ระยำ!เราจะไม่มีวันไปถึงไหนได้ถึงยังคลานแบบนี้!”
หลังกระดึ้บอยู่ครึ่งวันเป็นระยะทางสิบลี้ เซี่ยเทียนหยางก็บ่นและนั่งกอดอก”ข้าไม่เอาด้วยแล้ว มันง่อยเกินไป!แถม เจ้าคิดว่าสัตว์อสูรระดับห้าจะนอนอยู่ทุกมุมงั้นเหรอ?”
“เจ้าโง่ นั่งลงก่อนมันจะสายเกินไป!”จั๋วฝานด่า
เซี่ยเทียนหยางแสยะยิ้มอย่างดูถูก”นั่นจะช่วอยะไร?ด้วยความสูงของพืชที่นี่ เจ้าคิดว่ามันจะเห็นเราได้ทันทีหรือไง?”
โฮก!
เพื่อตอบกลับการดูถูกของเขา เสียงคำรามดังก้องในหูทั้งสาม พวกเขาหันไปเห็นต้นไม้สูงตระหง่านห้าต้นถูกผลักล้มลงกับพื้น
“สัตว์อสูรระดับสี่ หมีพายุคลั่ง!”จั๋วฝานกรีดร้องขณะที่ทั้งสามสั่นไปด้วยความกลัว เซี่ยเทียนหยางยืนนิ่ง
ก่อนหมีจะได้กระโดดตะครุบเหยื่อ ห่างหนาเท่าถังก็ขดรอบตัวมัน หมีโดนรัดและโยนขึ้นฟ้าขณะที่ร้องอย่างน่าเวทนา
เมื่อมันตกลงมาปากก็เปิดกว้างและกลืนมันลงไปทั้งตัว เมื่อปากปิด เลือดก็พ่นออกมารอบๆ สร้างเป็นแอ่ง
แม้กระทั่งจั๋วฝานก็รู้สึกสั่นกลัว
นั่นคืองูหลามยาวสามสิบเมตรที่มีหงอนสีแดงและเกล็ดแข็ง ดวงตาเย็นของมันมองหาอาหารมื้อต่อไป
“สัตว์อสูรระดับห้า งูเหลือมหงอนเพชร!”
“วิ่ง!’
จั๋วฝานแหกปากขณะเร่งความเร็วการคลานและอีกสองก็รีบตามมา แม้แต่เซี่ยเทียนหยางก็ไม่สนภาพลักษณ์และคลานตาม
เขาได้เจอความน่ากลัวของพื้นที่นี้กับตา แค่ครั้งเดียวและเขาก็กลายเป็นพวกขลาดเขลา มันเห็นได้ชัดว่าทำไมแม้แต่ผู้บ่มเพาะเซียนยังมาตายที่นี่
เมื่องูหลามหงอนเพชรกินหมี เพราะมันตัวโต มันจึงไม่สังเกตเห็นทั้งสามและออกไปหาอาหารมื้อต่อไป
“บัดซบ จั๋วฝาน!ข้าต้องบ้าแน่ๆที่ตกลงมากับเจ้าในนรกแห่งนี้!”เซี่ยเทียนหยางคลานสุดแรงเกิน แต่ก็ยังบ่น กลัวว่าชีวิตของเขาจะหายไปโดยไม่ได้ระบายอะไรออกมา
เขาน้ำตาไหลพราก เขาได้ยินว่าสถานที่นี้ป่าเถื่อน แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ถ้าเขาพยายามยืนให้สูงขึ้นกว่านี้ ในไม่ช้าเขาจะพบอันตราย
จั๋วฝานเยาะเย้ย”ไม่มีใครบอกเจ้าให้มา ทำไมเจ้าไม่คลานกลับไปละ?”
เซี่ยเทียนหยานมองบน
[พระเจ้า ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน สัตว์อสูรกำลังจะออกหากิน และการคลานจะไม่ได้ผลกับพวกมัน ข้าจะตาย!]
[การเกาะติดจั๋วฝานย่อมดีสุด เขาตั้งค่ายกลได้และจะไม่มีสัตว์อสูรตัวใดหลงเข้ามา]
เซี่ยเทียนหยางตอบ”ในเมื่อข้าลงเรือลำเดียวกับเจ้าแล้ว การกลับไปก็เท่ากับการฆ่าตัวตายชัดๆ”
จั๋วฝานกับเสวี่ยหนิงเซียนส่ายหัว
จากนั้นกำหนดการของทั้งสามก็คือคลานทุกวันและมุดใต้ค่ายกลตอนกลางคืน และหลังผ่านไปเดือนหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็คลานข้ามระยะทาง 3000 ลี้ได้จนแขนขากับเอวช้ำไปหมด
ข่าวดีคือยิ่งใกล้ สัตว์อสูรยิ่งน้อย จั๋วฝานรู้ว่าพวกเขาเข้าอาณาเขตของสัตว์อสูรระดับหกแล้ว อสูรที่อ่อนแอจึงไม่กล้าเข้าใกล้
ในเขตสาม สัตว์อสูรระดับหกคือราชา หากพวกมันพบอสูรบางตัวที่หลงเข้ามาในนี้ พวกมันจะไล่ตามมันไปเป็นพันลี้ ทั้งหมดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของราชา
โดยเฉพาะถ้ามีมนุษย์!
จั๋วฝานยืดตัวและพ่นลมหายใจ แม้เขาจะทำท่าผ่อนคลาย เซี่ยเทียนหยางก็ยังกลอกตาขณะลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง”เรา..ยืนได้แล้ว?”
จั๋วฝานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม”ระหว่างทางมานี่ มีสายตากับหูหลายคู่ที่จับจ้องการเคลื่อนไหว เราจึงคลานเพื่อเลี่ยงพวกมัน ที่นี่คืออาณาเขตของสัตว์อสูรระดับหก การซ่อนจะมีผลมากกว่าการคลาน”
เซี่ยเทียนหยางพบที่ปลอดภัยเป็นครั้งแรกในรอบเดือนและยิ้ม”มันก็ปลอดภัยกว่าที่อื่นนะสิ?”
จั๋วฝานเลิกคิ้ว”เจ้าจะพูดแบบนั้นก็ได้ แต่เราจะตายเร็วขึ้นถ้าพบกับสัตว์อสูรระดับหก!”
รอยยิ้มของเซี่ยเทียนหยางหายลับไปและน้ำเสียงของเขาก็ดูขมขื่น”งั้นเรามาทำบ้าอะไรที่นี่?ทำให้พวกมันเชื่อง?ยังไง?”
จั๋วฝานยิ้มด้วยความมั่นใจ
เขาได้พิจารณาประเด็นนี้นานแล้ว เขามาสถานที่อันตรายเช่นเขตสามพร้อมแผน เขาแค่ต้องส่งหนอนเลือดเข้าไปในตัววิหคสายฟ้าและทุกอย่างก็จะจบ
แต่ปัญหาคือยังไง
ครื่น!
จั๋วฝานกำลังคิดแผน แต่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลับเกิด ทั้งสามรู้สึกว่าพื้นใต้เท้าพวกเขาสั่น
พวกเขากะพริบตาด้วยความตกใจ
สิ่งนี้ต้องมาจากการปะทะกันอย่างรุนแรงของสัตว์อสูร แต่ตลอดการคลาน พวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงดังขนาดนี้ ไม่แม้แต่ตอนสัตว์อสูรระดับห้า 2 ตัวสู้กัน
มีเพียงคำตอบเดียว..
“สัตว์อสูรระดับหก!”พวกเขาตะโกนพร้อมกัน
“ดูเหมือนว่าจะมาจากทางนั้น!”จั๋วฝานวิ่งตรงไปขณะที่เซี่ยเทียนหยางแหกปาก”สัตว์อสูรเหล่านั้นจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
จั๋วฝานแสยะยิ้ม
ถ้าหนึ่งในนั้นคือวิหคสายฟ้า มันก็สมบูรณ์แบบ เขาจะนอนรอและหาโอกาสโจมตี
เสวี่ยหนิงเซียงตามเขาไปเงียบๆ ทุกที่ที่จั๋วฝานไป นางจะอยู่ใกล้ๆ ดังนั้น เซี่ยเทียนหยางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตามไป
15 นาทีต่อมา ทั้งสามได้ยินเสียงฟ้าร้องในท้องฟ้าและเสียงเปลวไฟคราม
ทั้งสามแอบอยู่หลังก้อนหินขนาดใหญ่ในหุบเขาเล็กและมองไปด้านบน แต่ภาพนั่นก็ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
สัตว์อสูรสองตัวบินขึ้นสูง ทั้งคู่คือสัตว์อสูรระดับหก
ตัวหนึ่งเป็นนกสีน้ำเงินที่มีลำตัวยาว 15 เมตร และปีกกว้าง 20 เมตร สายฟ้าแล่บบนตัวมันขณะที่แตกในอากาศ
แม้จะตัวเล็กกว่าสัตว์อสูรระดับห้าเสียอีก การกระพือปีกทุกครั้งของมันก็ปกคลุมท้องฟ้าด้วยคมมีดลมและสายฟ้าที่ฟาดใส่หินในหุบเขาจนแหลก
สัตว์อสูรระดับห้าจะถูกทำลายด้วยการโจมตีเช่นนี้
“วิหคสายฟ้า!”
จั๋วฝานหรี่ตา[เขาไม่ได้โกหกข้า รังของวิหคสายฟ้าอยู่นี่]
จากนั้นเขาก็หันไปมองอสูรอีกตัว
มันเป็นสิงโตบินที่ห่อหุ้มด้วยไฟสีแดง แผงคอของมันลุกเป็นไฟและมันก็มีปีกไฟยาว 30 เมตร ยาวเท่าตัวมัน การกระพือปีกของมันส่งไฟที่กลืนกินท้องฟ้าและแผดเผาทั้งหุบเขา
“สัตว์อสูรระดับหก ราชาสิงโตเพลิง!”
หัวใจของจั๋วฝานบีบรัด ราชาสิงโตเพลิงทรงพลังพอๆกับอสูรระดับเจ็ด มันจึงทำให้วิหคสายฟ้าเสียเปรียบ
เขาคิดว่าถ้าวิหคสายฟ้าสู้กับสัตว์อสูรระดับหกตัวอื่น เขาจะฉวยโอกาสได้
น่าเสียดายที่มันกำลังเผชิญหน้ากับราชาสิงโตเพลิง วิหคสายฟ้าจะแพ้และถูกฆ่า!แต่นั่นจะไม่ทำลายแผนการเขา?
[ไม่ ข้าต้องช่วยมัน!]
[แต่ยังไง?การต่อสู้นี้ไม่ต้องอะไรกับการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับเซียน การเข้าไปยุ่งมีแต่จะฆ่าตัวตาย]
บูม!
ขณะที่จั่วฝานกำลังคิดแผน อสูรทั้งสองก็ปะทะกันอีกครั้ง
ราชาสิงโตเพลิงพ่นลูกไฟขณะที่วิหคสายฟ้าส่งพายุสายฟ้าไปด้วยการกระพือปีกของมัน ตั้งใจบดขยี้
แต่จากนั้น ราชาสิงโตก็กระแทกร่างใหญ่โตมันใส่วิหคสายฟ้าแสนบอบบาง
นกกู่ร้องและดิ้นในอากาศ
จั๋วฝานลอบถอนหายใจ
แน่นอน วิหคสายฟ้านั้นเชี่ยวชาญการใช้ธาตุของนางเหมือนราชาสิงโตเพลิง แต่ตัวนางขาดพลังกายภาพ
มันจะตายถ้าเป็นแบบนี้
“พี่ใหญ่จั๋ว ช่วยเจ้านกน้อยน่าสงสารได้ไหม?”เสวี่ยหนิงเซียงใช้สายตาแบบลูกหมาจ้องมองเขา
จั๋วฝานแทบกระอักเลือด
[เจ้านกน้อย?อืม มันจัดอยู่ในประเภทนกนางแอ่น แต่มันก็เป็นสัตว์อสูร แล้ว มันตัวเล็กตรงไหน?]
แต่เสียงวิงวอนของเสวี่ยหนิงเซียงก็สะท้อนในหัวเขา
[วิหคสายฟ้าต้องรอด!]