พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 86
โดยไม่ต้องขยับนิ้ว ทุกคนตกใจ นิ่งไม่ขยับ นี่ยังเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกสามารถทำได้?
ซ่งเฉียนกับซ่งอวี่มองหน้ากัน และความเข้าใจที่มีต่อจั๋วฝานก็ปรับใหม่ หัวใจทั้งคู่เต็มไปด้วยความตกใจ
พรึ่บ!
ด้วยเสียงทะลุอากาศ เงาดำพลันทิ้งตัวลงมาข้างฉีเทียนเหล่ย ตอนเขาเห็นสภาพของฉีเทียนเหล่ย เขาก็อดตกใจไม่ได้และความโกรธก็แสดงออกมา
“นี่มันเรื่องอะไร ฝีมือใครกัน?”
ชายคนนั้นเงยหน้าและคำราม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธกวาดมองทุกคน แต่เมื่อเขามองดวงตาเย็นชาของจั๋วฝาน รูม่านตาของเขากลับหดและความโกรธก็สลายหายไป
คิ้วของจั๋วฝานขมวดโดยไม่รู้ตัว และเขาก็มีข้อสงสัยในใจ
คนคนนี้อาจอายุเกิน 40 มีหนวดเครา และตัดสินจากกลิ่นอายโดยรวม เขาควรเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักรหลอมกระดูก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสวมชุดคลุมหรูหรา เขาน่าจะเป็นปรมาจารย์ตระกูล
หลังตกใจ ซ่งเฉียนก็ได้สติจากเสียงคำรามของชายวัยกลางคน และพลันขอโทษด้วยความกลัว มีน้ำตาในดวงตาของนางและนางก็กำลังจะร้องไห้
“ข้าขออภัย ท่านลุง มันเป็นเพราะข้าเอง อย่าโทษใครเลย”
ดวงตาของชายคนนั้นหันไป และพบสองพี่น้องตระกูลซ่ง ใบหน้าขุ่นมัวหายไปและหัวเราะออกมา”ฮ่าๆๆ..เฉียนเอ๋อร์นี่เอง ข้าก็ว่าทำไมเด็กนี่ถึงวิ่งมาประตูเมืองแต่เช้า เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนี่เอง”
“ไป ไปบ้านกับลุงของเจ้า มันหายากที่เจ้าจะมาเมืองหลานหลิง ลุงต้องทำหน้าที่เจ้าเมืองให้ดี!”ชายคนนั้นหัวเราะ ราวกับไม่สนใจเรื่องของฉีเทียนเหล่ยเลยและแบกฉีเทียนเหล่ยขึ้นบ่าขณะนำทาง
เขาดูเหมือนผู้อาวุโสที่น่ารัก แต่ก่อนเขาจะเดินไป สายตาของเขามักเหลือบมองจั๋วฝาน
“ใครบอกว่าตระกูลฉีดูถูกเจ้า?พวกเจ้าสองพี่น้องโกหกข้า”
มุมปากจั๋วฝานยกขึ้น”ลุงของเจ้าคิดว่าเจ้าสำคัญกว่าฉีเทียนเหล่ยซะอีก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเด็กนี่จะกลัวแค่ไหน”
“ทำไมกัน?เขาคือผู้นำตระกูลฉี ฉีกังเลี่ย แต่เขาไม่เคยใจดีกับเราเลย”ซ่งอวี่อดเม้มปากไม่ได้ ใบหน้าของเขาดูสับสน”แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ มันดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไป ฉีเทียนเหล่ยคือลูกชายคนเดียวชองเขา และเขาก็มองว่าลูกชายของเขาสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น วันนี้ลูกชายเขาประสบอุบัติเหตุ แต่เขากลับไม่เอาความ มันต้องผิดปกติ!”
“ใช่!”จั๋วฝานหัวเราะเยาะและพึมพำ
ซ่งเฉียนมองแผ่นหลังฉีกังเลี่ยหายไปจากระยะไกล จากนั้นก็หันมามองทั้งสอง”จะอะไรได้?วันนี้เขาอาจจะอารมณ์ดีก็ได้ โชคดี เขาไม่สนใจ ไม่งั้น เราคงไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับออกไป”
“หึ เจ้ามองโลกในแง่ดีไป”จั๋วฝานแค่นเสียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาคือผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นสูงสุด ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับนภามาเอง จั๋วฝานก็ไม่กลัว เนื่องจากเขามีพลัง ความมั่นใจของจักรพรรดิปีศาจจึงหวนกลับมา
แต่ทว่า ซ่งเฉียนกับซ่งอวี่ไม่รู้ว่าจั๋วฝานแข็งแกร่งแค่ไหน
ซ่งเฉียนรีบเดินมาหาเขา บีบหน้าผากเขาอย่างแรง และมองเขาด้วยแววตาเสน่หา”ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง แต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน เจ้าก็ยังเป็นแค่ผู้บ่มเพาะหลอมกระดูก เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของยอดฝีมือระดับนภาได้อย่างไร?ถ้าเจ้ายั่วยุพวกเขา แม้กระทั่งเสี่ยวอวี่กับข้าก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้”
จั๋วฝานอดหัวเราะเยาะและยักไหล่ไม่ได้
ซ่งเฉียนส่ายหัวอย่างหน่ายใจ แต่สายตานางยากจะละจากจั๋วฝาน ทัศนคติของจั๋วฝาน ซึ่งไม่สนใจทุกสิ่งรอบข้างทำให้หัวใจของสาวน้อยหวั่นไหว
มันทำให้นางอยากอยู่กับเขาโดยไม่รุ้ตัว มันเป็นความรู้สึกปลอดภัยแบบแปลกประหลาด
หลังจากนั้น ภายใต้การจัดเตรียมของตระกูลฉี พี่น้องตระกูลซ่งกับจั๋วฝานต่างย้ายเข้าลานตระกูลฉี แต่ก่อนจะได้คุยเรื่องวัตถุดิบปรุงยา คนจากตระกูลฉีก็มาแจ้งว่าผู้นำอยากระลึกถึงอดีตกับตระกูลซ่ง
ซ่งเฉียนกับซ่งอวี่จำต้องไปพบฉีกังเลี่ยก่อน ทิ้งจั๋วฝานไว้ในบ้านลำพัง แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ ในที่สุดเขาก็จะได้อยู่อย่างสงบ
สามชั่วโมงให้หลัง ประตูห้องเปิดแผ่วเบา จั๋วฝานผู้กำลังนั่งบนเตียง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาไหววูบและมองสองพี่น้องตระกูลซ่งที่ย่องเข้ามา
“คุยกับฉีกังเลี่ยนั่นเสร็จแล้วเหรอ?”
ซ่งเฉียนกับซ่งอวี่ต่างตกใจ พวกเขาตัวแข็งและพยักหน้า ดวงตาที่มองจั่วฝานยังเต็มไปด้วยความกัลว
“เกิดอะไร ตาแก่นั่นไม่ได้ทำให้พวกเจ้าอึดอัดใช่ไหม?”คิ้วของจั๋วฝานอดขมวดไม่ได้ และเกิดความสงสัยขึ้นในหัวใจ
สองพี่น้องตระกูลซ่งส่ายหัวพร้อมกัน
ทั้งคู่จ้องมอง จั๋วฝานกลายเป็นยิ่งสงสัยขึ้น ตอนนี้ ซ่งเฉียนหัวเราะขึ้นมา”จั๋ว..เอ๋อร์ น้องจั๋ว ปรมาจารย์ฉีได้จัดงานเลี้ยงและอยากเชิญเราไปร่วม”
จั๋วฝานขมวดคิ้วมองทั้งสองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยิ้ม”เขาคือคนที่เชิญพวกเจ้า ข้าไม่รู้จักเขา ข้าจะไม่ไป”
“ไม่ได้!”
ซ่งอวี่ตกใจและอดพูดโพล่งไม่ได้ แต่ทันทีที่เขาพูด เขาก็เห็นแววตาสงสัยที่เพิ่มในดวงตาจั๋วฝาน แต่เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย สุดท้าย ข้าก็ต้องหัวเราะ”ฮ่าๆๆ…น้องจั๋ว นี่คือตระกูลฉี เจ้าภาพเชิญเรา การไม่ไปคงทำให้เขาเสียหน้า”
จั๋วฝานไตร่ตรองสักพัก เลิกคิ้ว”ข้าต้องไป?”
“เจ้าต้องไป!”ซ่งเฉียนพยักหน้าและพูด
จั๋วฝานแค่นเสียง ยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้า”ดี งั้นนำทาง งานเลี้ยงของเจ้าภาพ ต่อให้เป็นคนนอก ก็ต้องไป”
ซ่งเฉียนผู้กำลังนำทางพลันตัวสั่นตอนได้ยิน พวกเขามองหน้ากันอย่างขมขื่น
ไม่ช้า ทั้งสามก็มาถึงหน้าโถง ที่ถูกจัดอย่างละเอียดอ่อน ฉีกังเลี่ยนั่งบนที่นั่งหลักด้วยรอยยิ้ม และมีผู้อาวุโสระดับหลอมกระดูกอีกเก้าคนรอบโต๊ะกลม
และที่มุมโต๊ะ มีกำแพงซ้ายขวา ซึ่งเป็นจุดบอด แต่มีเก้าอี้โดดเดี่ยวสามเก้าอี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสำรองให้พวกเขา
ด้วยรอยยิ้มเย็นในหัวใจ จั๋วฝานรู้ทันทีว่าเขากำลังจะโดนซุ่มโจมตี เขาจงใจวางตำแหน่งเขาไว้ในจุดที่ทุกคนสามารถโจมตีพร้อมกันได้ และไม่มีทางออกไป
บัดซบ เจ้าช่วยทำให้มันเนียนกว่านี้ได้ไหม
จั๋วฝานเม้มปากแต่ไม่สนใจ ยังไงซะ ก็แค่คนที่อยากตายน
ตอนเขามาถึงโต๊ะ จั๋วฝานก็นั่งที่ว่างพร้อมสองพี่น้องซ่ง
พอเห็น ทุกคนบนโต๊ะก็มามองพวกเขาด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
“เฉียนเอ๋อร์ เสี่ยวอวี่ ลุงของข้ามีความสุขมากที่พวกเจ้ามาเมืองหลานหลิง วันนี้ ลุงข้าอยากดื่ม ขอให้พวกเจ้าประสบความสำเร็จในการเดินทางไปเมืองฮั่วอวี่ และเข้าหอคอยฮั่วอวี่ได้สำเร็จ”
ฉีกังเลี่ยมองทั้งสาม หัวเราะลั่น หยิบแก้วขึ้นและดื่ม
คนอื่นเองก็ยกแก้วขึ้น กระดกจนหมดแก้ว สองพี่น้องตระกูลซ่งก็ไม่เว้น แต่จั๋วฝานกลับหยิบแก้วขึ้น และแนบมันกับปาก แต่จมูกของเขากลับขยับ และรอยยิ้มแปลกๆก็ยกขึ้นที่มุมปาก และเขาก็วางแก้วลง
พอเห็น ฉีกังเลี่ยก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและทุกคนก็กลายเป็นไม่พอใจ
“ฮ่าๆๆ..น้องชายลั่วฝาน ข้าได้ยินเฉียนเอ๋อร์กับเสี่ยวอวี่พูดว่าเจ้าดูแลพวกเขาตลอดทางจนปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ ข้าก็จะดื่มให้เจ้าอีกแก้ว”
ฉีกังเลี่ยดื่มให้จั๋วฝานอีกครั้ง แต่จั๋วฝานยังไม่ขยับ
ตอนนี้ ทุกคนบนโต๊ะมองมาที่จั๋วฝานพร้อมกันและจิตสังหารก็เอ่อล้นในดวงตา
ฉีกังเลี่ยขยิบตาให้พวกเขาสงบลงและจากนั้นก็แกล้งมองจั๋วฝาน”น้องชายลั่ว ในฐานะผู้นำตระกูลฉี ข้าดื่มให้เจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่ดื่ม?หรือว่าเจ้าดูถูกข้า?”
“เหล้ามีพิษต่อลำไส้ ข้าดื่มมันมาเยอะแล้ว”ปากของจั๋วฝานขดขึ้น”ยิ่งไปกว่านั้น ข้าขอแนะนำให้ปรมาจารย์ฉีดื่มน้อยลง ท่านจะได้ไม่สับสนและทตัดสินใจผิด ๆ ยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุ และนำหายนะมาสู่ตระกูล”
ฉีกังเลี่ยอดกำหมัดไม่ได้ และหน้าผากของเขาก็เค้นเหงื่อเย็นออกมา คนอื่นเองก็ตึงเครียดและมองเขาพร้อมกัน
หลังสูดหายใจลึก ฉีกังเลี่ยก็สงบลงและพูดด้วยรอยยิ้ม”น้องชายทำให้ข้าชื่นชมจริง ๆ ไม่สงสัยเลยที่สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกได้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่คนหนุ่มก็ยังมีความอวดดี ตอนนี้ เจ้าควรดื่มเพื่อหาความสนุกให้ชีวิต”
ฉีกังเลี่ยหัวเราะและขยับแก้วให้จั๋วฝาน จั๋วฝานเหลือบมองและอดส่ายหัวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากจากโลกนี้ไปเร็วนัก!”
ฉีกังเลี่ยยืนขึ้นและคำราม”เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ฮี่ๆๆ..เจ้าไม่ต้องเสแสร้งอีกแล้ว เจ้าควรรู้ว่าข้าเป็นใครนานแล้ว ไม่งั้นเจ้าคงไม่จัดเตรียมแผนใหญ่โตเพื่อรอให้ข้าเข้ามา!”
จั๋วฝานหยิบแก้วขึ้น และเอียงมันเล็กน้อย ของเหลวค่อย ๆ ไหลลง แต่เมื่อของเหลวโดนโต๊ะ ควันขาวกลับพวยพุ่งและโต๊ะก็สลายหายไปในชั่วพริบตา
“ยาพิษที่สกัดจากสัตว์อสูรระดับสี่ อสรพิษแดงสินะ?”
มุมปากของเขายกขึ้น จั๋วฝานหัวเราะเยาะให้ฉีกังเลี่ยและพูด”และผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกเหล่านี้ก็ควรเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจ้า การมาพบกับคนรุ่นเยาว์คงเป็นการให้เกียรติกันมากเกินไปหน่อยมั้ง”
“หึ ปรมาจารย์ฉี มันยากที่จะไม่ทำให้ข้าสงสัยการจัดเตรียมของเจ้า ฮ่าๆๆ..เจ้าไม่คิดว่าเจ้าทำเกินไปหน่อยหรือ?”
จั๋วฝานหัวเราะเยาะ ทำให้ใบหน้าของฉีกังเลี่ยหน้าแดงและหอบหายใจหนัก
“ดี ในเมื่อเจ้ารู้หมดแล้ว งั้นข้าก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป”ฉีกังเลี่ยคำราม ระเบิดพลังออกมา กดดันสองพี่น้องตระกูลซ่งจนหน้าซีด
“จั๋วฝาน เจ้ากล้าดียังไงถึงตอแยโหยวหมิงกู่?ตอนนี้เจ้าหุบเขาได้ออกประกาศล่าเจ้าไปทั่วแล้ว และทั้งจักรวรรดิจะไม่หยุดล่าเจ้า แทนที่จะปล่อยให้คนอื่นทำสำเร็จ มันดีกว่าที่ข้าจะเอาหัวเจ้าไปให้โหยวหมิงกู่เพื่อรับรางวัล!”
“ผู้อาวุโสทั้งหมด ฆ่ามัน!”