พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 100 เบี้ยวเดิมพัน[รีไรท์]
บทที่ 100 เบี้ยวเดิมพัน[รีไรท์]
สีหน้าของหลิงฉุยฟงเปลี่ยนทันที เมื่อจู่ๆกลับมีปราณกระบี่ขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 8 พุ่งสวนออกมาจากใต้จุดยืนของบรรดาทหารที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มุ่งตรงมายังเขา
พลังปราณกระบี่พลังระดับนี้มันคงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับหลิงฉุยฟงหากมันมีแค่ 2-3 สาย แต่นี่พวกมันพุ่งออกมาพร้อม ๆ กันถึง 11 สาย
หลิงฉุยฟงที่ถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไม่มีเวลาแม้จะหยิบอาวุธตัวเองออกจากแหวนมิติเพื่อมาปัดป้อง เขาทำได้แค่เอียงตัวหลบไปมา และปล่อยหมัดพลังระดับขอบเขตประสานทะเลปราณสวนออกไปปะทะกับปราณกระบี่ที่เขาหลบไม่ได้
แต่ทว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ หลิงฉุยฟงถึงแม้ว่าจะพยายามต่อต้านจนสุดความสามารถแต่ก็ยังมีปราณกระบี่อยู่ 1 สายที่หลุดเข้ามาปะทะกับร่างของเขา ถึงแม้ว่าปราณกระบี่จะไม่ได้ทะลุผ่านเข้าไปในผิวหนังแต่มันก็สร้างความเจ็บปวดได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นว่าหลิงฉุยฟงได้รับบทเรียนไปจนพอแล้ว เขาจึงบังคับปราณกระบี่ที่เขาสร้างไว้ให้สลายไปจนหมด จากนั้นเขายิ้มและพูดกับหลิงฉุยฟงว่า “กระบี่นี้ข้าเตรียมให้ท่านโดยเฉพาะ เพื่อล้างความกังขาในใจของท่านให้ชัดเจน”
หลิงฉุยฟงที่ยังไม่หายแสบจากปราณกระบี่เมื่อครู่ยืนหอบด้วยอารมณ์ตื่นตะลึง
หลังจากปราณกระบี่ทั้งหมดสลายไป บรรดาทหารจึงเริ่มเดินขยับตัวมาตั้งแถวอยู่ใกล้ ๆ กับหลิงฉุยฟง และมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาหวั่นเกรง
หลังจากหลิงฉุยฟงพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งเขาพูดขึ้นว่า “อย่างที่คาดไว้เลย ไอ้หลานชายเจ้านี่มันยอดจริง ๆ! แต่อันที่จริง ทหารพวกนี้เป็นทหารที่ปู่ของเจ้าตั้งใจให้ข้านำพวกเขามาอยู่กับเจ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้าจะมอบพวกเขาทั้งหมดให้เจ้าเลยละกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลิงฉุยฟงเมื่อพูดจบเขาหัวเราะและเตรียมตัวที่จะเดินไปยังม้าของเขาเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูล
เมื่อเห็นหลิงฉุยฟงกำลังจะจากไปหลิงตู้ฉิงเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านกำลังจะไปไหน?”
“กลับตระกูล! ปู่ของเจ้ากำลังรอให้ข้ากลับไปรายงานเรื่องของเจ้าอยู่” หลิงฉุยฟงตอบกลับ
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเอ่ยว่า หากท่านแพ้ พวกท่านจะต้องอยู่ที่นี่กับข้า พวกท่านในที่นี้ไม่ใช่แค่พวกทหาร แต่รวมถึง ‘ท่าน’ ด้วย!”
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงกล่าว หลิงฉุยฟงมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตางุนงง เขาตอบกลับหลิงตู้ฉิงไปด้วยอาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “อะไร จะ เจ้า ล้อข้าเล่นเหรอไง ข้าเป็นแม่ทัพในกองทหารของปู่เจ้านะ ข้าจะมาอยู่เล่นที่นี่กับเจ้าได้ยังไง ข้ายังมีงานต้องทำที่ค่าย!”
“ท่านคิดจะกลับคำงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หลิงฉุยฟงเมื่อได้ยินคำถามนี้เขาก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเขาตัดสินใจได้ เขาหันหลังกลับไปทางประตูคฤหาสน์และวิ่งเผ่นขึ้นม้าควบหนีไปอย่างรวดเร็วทันที ทิ้งให้บรรดาคนที่มองดูอยู่ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
เมื่อเห็นหลิงฉุยฟงเผ่นแนบไปอย่างรวดเร็ว หลิงตู้ฉิงถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งจากนั้นจึงหันกลับไปมองยังบรรดาทหารที่ยืนตั้งแถวอยู่ในลาน
ทหารเหล่านี้แท้จริงแล้วคือทหารส่วนตัวของตระกูลหลิง ไม่ใช่ทหารที่ประจำการแต่อย่างใด ก่อนที่พวกเขาจะออกมาจากตระกูลวันนี้ หลิงเจิ้งสงเองได้ออกคำสั่งกับพวกเขาไว้ก่อนแล้วว่าหน้าที่ของพวกเขาคือการรับใช้และทำตามคำสั่งทุกอย่างของหลิงตู้ฉิงโดยไม่มีข้อแม้
“ใครเป็นผู้นำกลุ่มของพวกเจ้า?” หลิงตู้ฉิงตะโกนถามไปยังเหล่าทหาร
จบคำของหลิงตู้ฉิง ทหารนายหนึ่งซึ่งอยู่แถวหน้าสุดประสานมือพร้อมกับโค้งคำนับหลิงตู้ฉิง จากนั้นจึงตะโกนขึ้นว่า “เรียนนายน้อย! ข้ามีนามว่า จิวเย่ เป็นหัวหน้าของพวกเขา ข้าและทหารอีกจำนวน 199 นายพร้อมรับคำสั่งของนายน้อยทุกประการ!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดว่า “เอาล่ะ พวกข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ยังไม่ได้เก็บกวาดสถานที่ พวกเจ้าจงแยกย้ายกันไปทำความสะอาดรอบ ๆ บริเวณทั้งหมดให้เรียบร้อย”
“รับทราบ!” จิ่วเย่ประสานมือคารวะอีกครั้งจากนั้นจึงหันไปส่งสัญญาณให้บรรดาทหารแยกย้ายกันไปทำความสะอาด
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นบรรดาทหารแยกย้ายกันออกไปทำความสะอาดแล้วเข้าจึงหันไปหาคนอื่นที่ยืนอยู่ในลาน “พวกเจ้าเองก็พากันไปเลือกเรือนที่พวกเจ้าจะอยู่ได้แล้ว”
พวกเด็ก ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาต่างพากันตื่นเต้นรีบวิ่งไปเลือกเรือนที่ตนเองถูกใจทันที ชีวิตแต่ก่อนของพวกเขามีกันเพียงห้องโทรมๆเพียงคนละห้อง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะมีเรือนอันสวยงามเป็นของตัวเองถึงคนละหลัง พวกเขารู้สึกดีใจกันเป็นอย่างมาก
ในพริบตาเดียวทุกคนที่อยู่ในลานล้วนวิ่งหายไปเลือกเรือนของตนเองกันหมดเหลือแต่เพียงหลิงตู้ฉิงและจ้าวเหมิงลู่ที่ยังคงยืนอยู่กันสองคน
“แล้วทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปเลือกเรือนกับพวกเขาอีก?” หลิงตู้ฉิงถามจ้าวเหมิงลู่
จ้าวเหมิงลู่มองไปยังหลิงตู้ฉิงที่ยังทำตัวซื่อบื้อ ไม่รู้จักกาลเทศะที่ให้นางไปเลือกเรือนในคฤหาสน์แห่งนี้ นางยังไม่ได้แต่งงานเข้าตระกูลหลิงแล้วนางจะสามารถอาศัยอยู่ชายคาเดียวกับหลิงตู้ฉิงได้ยังไง!?
“ข้าจะกลับไปนอนที่คฤหาสน์ตระกูลข้า” นางพูดกับหลิงตู้ฉิงสั้น ๆ โดยที่ไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรออกไป เนื่องจากอธิบายไปหลิงตู้ฉิงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“ที่นี่มันก็คฤหาสน์เจ้าเหมือนกัน” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
จ้าวเหมิงลู่มองไปยังหลิงตู้ฉิงอย่างเหนื่อยใจและพูดว่า “ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับท่าน มันดูไม่งามที่ข้าจะอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับท่าน!”
หลิงตู้ฉิงหยักหน้าอย่างเข้าใจและพูดขึ้น “ได้ ถ้าเช่นนั้นเรามาแต่งงานกันเลย”
จ้าวเหมิงลู่นางถอนหายใจและพูดว่า “ก่อนที่เราจะแต่งงานกันได้ ท่านจะต้องหาพ่อสื่อมาก่อน เพื่อที่จะมาสู่ขอข้าที่ตระกูล… เอาเป็นว่าตอนนี้ข้าขอกลับไปที่ตระกูลก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ทีหลังก็ได้ ยังไงพวกท่านก็ต้องอยู่ที่นี่กันอีกนานอยู่ดี”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาส่ายหัว “ข้าต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะหลังจากนี้ข้าคงจะไม่มีเวลาว่างมากนัก ข้ามีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง”
“เช่นนั้นก็ตามใจท่าน ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ” จ้าวเหมิงลู่พูดจบนางก็ยืนมองหลิงตู้ฉิงส่งสายตารอคอย
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “อืม เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
จ้าวเหมิงลู่ที่ได้ยินหลิงตู้ฉิงกล่าวร่ำลาเพียงห้วน ๆ นางก็เริ่มโมโห นางเดินไปดึงมือหลิงตู้ฉิงและพูดน้ำเสียงงอนใส่เขา “ข้าต้องการให้ท่านไปส่งข้าที่หน้าประตู!”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วมองนางอย่างไม่เข้าใจแต่เขาก็เดินไปส่งนางที่หน้าประตูแต่โดยดี และก่อนที่จ้าวเหมิงลู่จะจากไป นางได้หันกลับมาหอมที่แก้มของหลิงตู้ฉิงหนึ่งครั้งและรีบวิ่งจากไปด้วยความเขินอาย
หลิงตู้ฉิงที่เห็นจ้าวเหมิงลู่วิ่งหายไป เขายิ้มที่มุมปาก จากนั้นจึงหันหลังกลับเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อเริ่มงานแรกของเขา
งานแรกของเขานั้นคือการวางค่ายกลรอบบริเวณคฤหาสน์ทั้งหมด แต่เนื่องจากบริเวณของคฤหาสน์นั้นกว้างใหญ่เกินไป วันนี้เขาจึงวางค่ายกลได้แค่ส่วนของที่พักอาศัยของทุกคนเพียงเท่านั้น
ในวันถัดมา หลิงตู้ฉิงได้สั่งให้ทุกคนมารวมกันที่สนามฝึกในร่มที่อยู่ด้านหลังตึกคฤหาสน์หลัก เพื่อเข้าฟังชั้นเรียนของถังชี่หยุน
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงให้ถังชี่หยุนสอนที่นี่ เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้สั่งให้พวกทหารเข้าร่วมฟังในชั้นเรียนด้วย ซึ่งทำให้อาคารที่มีไว้สำหรับเป็นชั้นเรียนไม่สามารถจุคนได้ทั้งหมด
ในขณะที่ถังชี่หยุนกำลังจะเริ่มทำการสอน เงาของคนผู้หนึ่งได้ปรากฏกายขึ้นอย่างเร่งรีบตรงเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง
คนผู้นั้นที่เข้ามาคือหลิงฉุยฟง ซึ่งในตอนนี้วิ่งเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง
“หลานรักของข้า นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะมาอยู่ที่นี่กับเจ้าตามสัญญา หากเจ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วย เจ้าบอกข้าได้เลย!” หลิงฉุยฟงพูดพลางหัวเราะอย่างอึดอัด
หลิงตู้ฉิงมองไปยังหลิงฉุยฟงและพูดว่า “ท่านไปหาเก้าอี้มานั่งฟังชั้นเรียนของครูถังเงียบ ๆ ก่อน”
อันที่จริงหลิงฉุยฟงนั้นไม่ได้อยากมาอยู่ที่นี่แม้สักนิด แต่ที่เขาต้องมานั้นก็เพราะ เมื่อวานที่เขาหนีกลับไป เมื่อเขาเข้าไปหาหลิงเจิ้งสงและรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิง รวมถึงเรื่องที่เขาวางเดิมพันกับหลิงตู้ฉิงและพ่ายแพ้
หลิงเจิ้งสงที่รู้ว่าลูกชายตัวเองเบี้ยวเดิมพันหลิงตู้ฉิง เขาโมโหเป็นอย่างมากจนลงมือทุบตีลูกชายเขาอยู่ยกใหญ่และปลดตำแหน่งแม่ทัพของหลิงฉุยฟงออกรวมไปถึงถอนชื่อออกจากกองทัพและไล่ให้หลิงฉุยฟงกลับมาหาหลิงตู้ฉิง
แต่อันที่จริงหลิงเจิ้งสงนั้นไม่ได้โกรธประเด็นที่ลูกชายเขาเบี้ยวเดิมพันแต่ที่เขาโกรธเพราะโอกาสที่จะไปได้ไปอยู่เคียงข้างหลิงตู้ฉิงอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ ไอ้ลูกชายหน้าโง่ของเขากลับขว้างทิ้งไปซะอย่างนั้น เขาจึงต้องใช้ไม้แข็งโดยการปลดยศปลดชื่อลูกชายตัวเองออกจากกองทัพและบังคับหลิงฉุยฟงให้ไปหาหลิงตู้ฉิง
หลังจากนั่งฟังชั้นเรียนของถังชี่หยุนมาครึ่งค่อนวัน หลิงฉุยฟงเริ่มชักจะทนเบื่อไม่ไหว เนื่องจากชั้นเรียนของถังชี่หยุนเป็นการสอนทั่วไปเกี่ยวกับการอ่านและเขียน ซึ่งเขารู้อยู่แล้ว ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นและเดินไปหาหลิงตู้ฉิงเพื่อบอกว่าเขาจะออกไปข้างนอก จู่ ๆ หลิงฉุยฟงก็ได้รู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่สามารถขยับได้ และไม่ใช่เพียงขยับไม่ได้ ทั้งพูด และกระพริบตาก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน
หลังจากผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง ชั้นเรียนของถังชี่หยุนจึงจบลง หลิงฉุยฟงจึงเริ่มขยับได้อีกครั้ง เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก และเมื่อเขาขยับได้แล้ว เขาจึงเดินไปหาหลิงตู้ฉิงทันที
“เอ่อ… หลานรัก ข้าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม…คือแบบนี้ในระหว่างที่ข้าอยู่กับเจ้าเนี่ย หากเจ้าขอให้ข้าช่วยทำอะไรข้าก็จะทำตามที่เจ้าบอก แต่ถ้าหากในเวลาที่ข้าว่างเนี่ยข้าขอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ได้ ช่วงนี้ข้ายังไม่มีอะไรให้ท่านทำหรอก ต้องรอหลังจากคนของข้าที่มาจากเมืองฟินิกซ์อีก 5 คนมาถึงที่นี่ก่อน หลังจากนั้นข้าค่อยมอบงานให้ท่านทำ”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอออกไปข้างนอกสัก 2-3 วันจะเป็นอะไรไหม เผอิญข้านัดกับบรรดาสหายเอาไว้ที่หอรัญจวน…” หลิงฉุยฟงถามขึ้น
หลิงตู้ฉิงที่เริ่มจะเบื่อหน่ายกับหลิงฉุยฟง เขาจึงหันไปตะโกนกับลูก ๆ ของเขา “เอาล่ะ วันนี้พ่อของดการฝึกพวกเจ้า 1 วัน เดี๋ยววันนี้พวกเราจะไปเยี่ยมปู่ทวดของพวกเจ้ากัน”