พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 1013 ยอมเป็นทาสรับใช
เป็นที่รู้กันทั้งโลกว่าตำหนักไร้หทัยนั้นมีจุดอ่อนที่ร้ายแรงอยู่อย่างหนึ่งคือ ถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่เชี่ยวชาญในเรื่องเต๋ามิติสักเท่าไหร่
ในอดีตเหล่าผู้คนแทบจะทั้งหมดที่หลบหนีหลิงตู้ฉิงได้สำเร็จล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญเต๋าแห่งมิติทั้งนั้น
ไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ตราบใดที่สามารถหลบหนีเข้าไปอยู่ในช่องว่างมิติได้สำเร็จ หลิงตู้ฉิงก็จะไม่มีวันตามทันและยิ่งโดยเฉพาะเหล่าสมาชิกของเผ่าเทพมิติที่เชี่ยวชาญเต๋ามิติที่สุด หากได้เข้าไปอยู่ในช่องว่างมิติเมื่อไหร่ หลิงตู้ฉิงไม่มีวันทำอะไรพวกเขาได้แน่นอน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูมิติตัวนี้ถึงไม่เห็นหลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ อยู่ในสายตาเลย
“เจ้า…เจ้าอยากตายนักใช่ไหมไอ้หนูสารเลว!” หลิงฟ่างหัวจ้องเขม็งไปที่หนูมิติ
หนูมิติหัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “นังหนู เจ้ามันก็แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอจะมาขู่ข้ารึไง?”
“แล้วถ้าเป็นข้าล่ะ?” จู่ ๆ พ่อของหลิงฟ่างหัวปรากฏกายขึ้น
สีหน้าของหนูมิติเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับพ่อของหลิงฟ่างหัว “แล้วไง? เจ้ากับข้าพวกเราต่างอยู่ในขอบเขตเทวะราชาขั้นสูงสุดเหมือนกัน มันยังไม่แน่ด้วยซ้ำว่าเจ้าหรือข้าใครจะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเผ่าของเราในอนาคต!”
เนื่องจากเต๋ามิติเป็นเต๋าที่ลึกลับและพิเศษกว่าเต๋าอื่น ๆ พวกเขาพิเศษถึงขนาดที่ว่าแม้แต่จักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดที่เชี่ยวชาญในเต๋าประเภทอื่น หากไม่เชี่ยวชาญในเรื่องของเต๋ามิติพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรผู้เชี่ยวชาญเต๋ามิติขอบเขตเทวะราชาได้เลย ดังนั้นเพื่อความสมดุล สวรรค์จึงไม่เคยอนุญาตให้คนของเผ่าเทพมิติทะลวงระดับขึ้นไปเป็นจักรพรรดิเทพได้สำเร็จเลยสักคน
หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างขบขันและพูดกับหนูมิติว่า “อย่ามาอวดเบ่งกับข้าแบบนี้ ถ้ามีอะไรอย่างอื่นทำก็จงรีบ ๆ ไปซะ เผ่าหนูมิติของเจ้าแทบจะไม่เหลือสมาชิกกันอยู่แล้ว หากเจ้าตายไปอีกตัวมันจะเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของเผ่าเจ้าเอง และอีกอย่างถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นหนู แต่เจ้าคือสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากเผ่าเทพมิติไม่ใช่เผ่าหนู ดังนั้นเจ้าไม่มีความจำเป็นที่จะแล่นไปแล่นมาเป็นเครื่องมือให้กับเผ่าอสูรแบบนี้”
“หุบปากไปเลยเจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า! เอาไว้เจ้าจับข้าให้ได้ก่อนค่อยมาปากดีต่อหน้าข้า!” หนูมิติตวาดขึ้นเสียงดัง
เมื่อตวาดจบ มันสร้างพายุนับสิบลูกส่งเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงทันที และในเวลาเดียวกันมันก็สร้างกำแพงมิติกั้นขวางตัวมันกับหลิงตู้ฉิงอีกนับสิบชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้หลิงตู้ฉิงบุกเข้ามาถึงตัวมันได้
ถ้าดูจากการกระทำของมัน แม้จะดูก้าวร้าวแต่จริง ๆ แล้วหากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ชัดอย่างชัดเจนว่ามันเองนั้นกลัวหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างมาก และเตรียมพร้อมที่จะหนีอยู่ทุกเวลา
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ จากนั้นเขาพุ่งตัวผ่านกำแพงมิติทั้งหมดที่หนูมิติสร้างขึ้น และไปโผล่ตรงหน้าของมัน จากนั้นเขาเอ่ยถามขึ้น “เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าจะไม่ฟังข้า?”
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงสามารถทะลวงผ่านกำแพงมิติของมันได้หมดราวกับความฝัน หนูมิติทั้งตกตะลึงทั้งหวาดผวา
กำแพงมิตินับสิบชั้นที่ขวางกั้นมันไม่มีความหมายเลยงั้นเหรอ?
ถึงแม้ว่าถ้ามองจากตาเปล่าแล้วมันกับเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ดูห่างกันไม่มากเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วด้วยกำแพงมิติที่ถูกสร้างขึ้นขวางกั้นตัวมันกับหลิงตู้ฉิงทำให้ระยะทางที่ห่างกันจริง ๆ นั้นห่างกันเป็นร้อยล้านกิโลเมตร
ด้วยกำแพงมิติที่มากมายขนาดนั้นต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเทพขั้นสูงสุดก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยหากจะทำลายมันได้สำเร็จทั้งหมด แต่แล้วทำไมคนผู้นี้ถึงสามารถผ่านกำแพงมิติของมันได้ภายในพริบตาราวกับไม่มีอะไรขวางกั้นอยู่เลย?
หลังจากได้สติ หนูมิติรีบถอยหายเข้าไปในช่องว่างมิติส่วนลึกมากขึ้นไปอีกด้วยความเร็วสูงสุดผ่านช่องว่างมิตินับไม่ถ้วน จากนั้นเมื่อมันมั่นใจว่ามันหนีพ้นแล้ว มันก็หยุดลงพร้อมกับอุทานกับตัวเอง “นั่นมันบ้าอะไรกัน! โชคดีที่อยู่ในพื้นที่ช่องว่างมิติ ข้าเลยเร็วกว่ามัน ไม่งั้นป่านนี้มันฆ่าข้าทิ้งไปแล้วแน่ ๆ!”
“ถ้าเจ้าคิดว่ายังหนีไม่หนำใจพอ เจ้าจะหนีต่ออีกก็ได้นะข้าไม่ว่า” เสียงของหลิงตู้ฉิงดังขึ้นที่ข้างหูของมัน
ดวงตาของหนูมิติเบิกโพลงพร้อมกับร่างกายของมันแข็งทื่อจากอาการช็อค
มันมั่นใจว่าไม่มีใครในโลกนี้แน่นอนที่ตามมันทันในพื้นที่ช่องว่างมิติ แต่แล้วทำไมชายผู้นี้ถึงได้ตามมันทันแบบนี้? และที่สำคัญมากไปกว่านั้นมันจับสัมผัสของชายผู้นี้ไม่ได้เลย!
“นะนะ…นี่เจ้าสำเร็จเต๋ามิติด้วยงั้นเหรอ?” หนูมิติถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ทำไม? เจ้าคิดว่ามีแค่เผ่าเทพมิติเผ่าเดียวเท่านั้นเหรอที่ฝึกฝนเต๋ามิติได้?”
เหงื่อเริ่มผุดขึ้นเต็มร่างกายของหนูมิติ
“เอาล่ะ ตอนนี้มาถึงคำถามสำคัญกันแล้ว เจ้าอยากตายแบบไหน?” หลิงตู้ฉิงถามหนูมิติด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม
“องค์เหนือหัววววว โปรดเมตตาข้าด้วยเถอะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่ล้อเล่นท่านเท่านั้นเอง โปรดละเว้นชีวิตน้อย ๆ ของข้าด้วยเถอะ…” หนูมิติคุกเข่าลงทันทีด้วยอาการสั่นกลัว “ท่านเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเผ่าของข้าเหลือน้อยแล้วว่าหากข้าตายไปเผ่าของข้าจะยิ่งลำบาก เพราะฉะนั้นโปรดเถอะองค์เหนือหัว โปรดเห็นแก่เผ่าของข้าด้วยโปรดอย่าได้ฆ่าข้าเลย…”
หลิงตู้ฉิงเลิกคิ้วขึ้นและตอบกลับ “นั่นมันเป็นเรื่องของเผ่า เจ้าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย!”
“องค์เหนือหัว ถ้าท่านละเว้นชีวิตข้ามันจะมีประโยชน์กว่าจริง ๆ นะ!” หนูมิติรีบเอ่ยขึ้นเสริมเพื่อโน้มน้าว “ข้าสัญญาว่าข้าจะทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง ข้าจะไม่ล่วงเกินท่านอีกต่อไปหรือไม่…หรือไม่ท่านให้ข้าไปเฝ้าประตูตำหนักของท่านเหมือนกิเลนของท่านก็ได้ ข้ารับประกันว่าในอนาคตมันจะไม่มีใครที่ผ่านประตูตำหนักของท่านไปได้ง่าย ๆ แม้แต่คนของเผ่าเทพมิติก็ไม่อาจหลุดรอดผ่านข้าไปได้เช่นกัน!”
อันที่จริงแล้วนิสัยของมันนั้นขี้ขลาดเป็นอย่างมาก สาเหตุที่มันกล้าทำตัวโอหังต่อหน้าหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นเพราะมันคิดว่าหลิงตู้ฉิงไม่สามารถทำอะไรมันได้เมื่ออยู่ในช่องว่างมิติ แต่แล้วในตอนนี้เมื่อมันเห็นว่าความสามารถที่มันภูมิใจนักภูมิใจหนาใช้ไม่ได้ผล มันจึงไม่กล้าทำตัวโอหังอีกต่อไป
หลิงตู้ฉิงหัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าขบขันและพูดว่า “ในเมื่อเจ้าสำนึกแล้ว งั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงหายตัวกลับไปอยู่กับกลุ่มของเขาทันที
ในตอนนี้เผ่าเทพมิติเหลือสมาชิกอยู่น้อยมาก และการที่เขามาที่นี่ก็เพราะว่าต้องการลบล้างบ่วงกรรมที่เขามีกับเผ่าเทพมิติ ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริง ๆ เขาเองก็ไม่อยากจะฆ่าหนูมิติเหมือนกัน ฉะนั้นการกระทำที่ผ่านมาก็คือเขาแค่ต้องการขู่ให้หนูมิติหวาดกลัวก็แค่นั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างปัญหาอะไรขึ้นเพิ่มกับเขาในอนาคต
ทางด้านของหนูมิติ ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ออกคำสั่งอะไรกับมัน มันก็ไม่กล้าที่จะหนีไปไหนอีกต่อไป มันเลือกที่จะตามหลิงตู้ฉิงกลับไปด้วยท่าทีเจียมตัว
เมื่อกลับไปถึงกลุ่มของตนเอง หลิงตู้ฉิงพูดกับพ่อของหลิงฟ่างหัว “เผ่าเทพมิติควรจะมีจักรพรรดิเทพเป็นของตนเอง ไม่เช่นนั้นเผ่าของเจ้าจะไร้ผู้นำ แต่ด้วยการที่เผ่าของเจ้านั้นแข็งแกร่งเกินไปสวรรค์จึงไม่เคยอนุญาตให้เผ่าของเจ้ามีจักรพรรดิเทพ แต่ถ้าหากพวกเจ้าสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ ของโลกภายนอกอีก และใช้ชีวิตอยู่แต่ในช่องว่างมิติเท่านั้น ข้อจำกัดในหลาย ๆ เรื่องมันจะหายไปในทันที”
พ่อของหลิงฟ่างหัวพยักหน้า “ข้าเข้าใจในสิ่งท่านพูด ในอนาคตข้าจะออกกฎห้ามเผ่าเทพมิติทุกคนไม่ให้ยุ่งกับเรื่องของโลกภายนอก และจะพยายามอย่างดีที่สุดให้พวกเขาทำตามกฎนี้ ส่วนลูกสาวของข้า การที่นางได้ติดตามท่านมันนับว่าเป็นเรื่องที่ข้าอุ่นใจที่สุด”
หากเขาสามารถกลายเป็นจักรพรรดิเทพของเผ่าเทพมิติได้จริง ๆ มันจะถือว่าเขาคือผู้นำของเผ่าเทพมิติทั้งมวล ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมสมาชิกของเผ่าให้ทำตามกฎนี้ได้อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน หนูมิติแอบสบถอยู่ในใจ
ทำไมกัน? ทำไมท่านถึงไม่เลือกข้าให้เป็นจักรพรรดิเทพ!?
อย่างไรก็ตาม เมื่อครู่มันเพิ่งจะรอดตายมาได้ ดังนั้นมันยังจะกล้าขออะไรมากอีกได้ยังไง?
หลิงตู้ฉิงไม่ได้ใส่ใจอารมณ์ที่ผันผวนของหนูมิติ เขาช่วยให้พ่อของหลิงฟ่างหัวกลายเป็นจักรพรรดิเทพทันที จากนั้นเขาจึงบอกให้หลิงฟ่างหัวบอกลาพ่อของนางเพื่อเตรียมตัวจากไป
“ท่านพ่อ นับจากนี้ข้าลาไปกับท่านพ่อตู้ฉิง โปรดรักษาตัวให้ดีด้วย!” หลิงฟ่างหัวโค้งคำนับพ่อที่แท้จริงของนาง
พ่อของหลิงฟ่างหัวพยักหน้า “ไปเถอะลูกสาวของข้า การมีเจ้าเป็นลูกนับได้ว่าเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของข้า!”
เมื่อร่ำลากันเสร็จ หลิงตู้ฉิงก็พาหลิงฟ่างหัวจากไปในทันที