พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 104 เบื้องหลังตระกูลเจิ้น[รีไรท์]
บทที่ 104 เบื้องหลังตระกูลเจิ้น[รีไรท์]
เมื่อหลิงตู้ฉิงปลอบหลิงไช่หยุนเสร็จ เขาจึงส่งคนไปตามมี่ไล หลิวเฟ่ยเฟ่ยและเสี่ยวเยว่เฟิงมาพบกับเขา
“ข้าต้องการให้เจ้าหาคนมาช่วยทำธุรกิจ” หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับมี่ไล “ข้าต้องการให้พวกเจ้าสามคนวางแผนเปิดหอการค้าให้กับข้า ข้าต้องการใช้เงินอย่างเร็วที่สุด”
“นายท่าน หากท่านต้องการเงินตอนนี้ ทำไมไม่ให้ข้าส่งข่าวไปบอกท่านพ่อของข้าล่ะ ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องยินดีมอบเงินให้กับนายท่านแน่นอน” มี่ไลแนะนำ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ได้ ตอนนี้ตระกูลของเจ้าเองก็กำลังเตรียมการเปิดตัวโอสถกำเนิดรากฐาน พวกเจ้าเองก็ต้องการใช้เงินเช่นกัน และอีกอย่างจำนวนเงินที่ข้าต้องการนั้นไม่ใช่น้อย ๆ อย่างต่ำที่ข้าต้องการคือหลัก 10 ล้าน!”
หลังจากมี่ไลได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเงินหลัก 10 ล้าน นางก็ก้มหน้าเงียบลงทันที นางได้แต่สงสัยว่าหลิงตู้ฉิงต้องการเงินมากขนาดนั้นไปเพื่ออะไร
“นายท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องเปิดหอการค้าอะไรนั่นหรอก หากท่านเพียงแค่ต้องการเงิน ข้าเองก็สามารถให้ท่านได้มากเพียงพอ” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดขึ้น
“เจ้ามีเงินถึง 10 ล้าน งั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มที่ข้าตั้งกลุ่มเสื้อคลุมโลหิต พวกเราทำเงินได้จากงานลอบสังหารเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ขอเพียงสกุลเงินที่ท่านต้องการไม่ใช่เหรียญคริสตัล แต่เป็นเพียงเหรียญทองแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ 10 ล้านเลย ต่อให้ท่านต้องการร้อยล้านข้าก็สามารถให้ท่านได้” เสี่ยวเยว่เฟิงตอบกลับ
หลังจากได้ฟังเสี่ยวเยว่เฟิงอธิบาย หลิงตู้ฉิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสารถีของเขาเคยเป็นผู้นำกลุ่มลอบสังหารชื่อดัง เพราะฉะนั้นเรื่องเงินสำหรับนางก็ควรไม่มีปัญหาอะไร
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย งั้นเราคงไม่ต้องเปิดหอการค้าอะไรกันอีกแล้ว ข้าจะยืมเงินของเจ้ามาก่อน และในอนาคตข้าจะตอบแทนคืนให้เจ้าเท่ากับมูลค่าของเงินที่ข้ายืมเจ้ามา”
“นายท่าน ท่านพูดอะไรของท่านกัน ตอนนี้ข้าเป็นคนของท่าน ฉะนั้นเงินของข้าก็เหมือนเป็นเงินท่านเช่นกัน” เสี่ยวเยว่เฟิงหัวเราะ
มี่ไลที่ฟังอยู่ด้านข้างถามขึ้นมาอย่างสงสัย “อะไรคือเหรียญคริสตัล?”
เสี่ยวเยว่เฟิงหันไปมองนางและอธิบายว่า “มันคือสกุลเงินที่ทำมาจากคริสตัลพลังวิญญาณ มันสามารถใช้ในการเพิ่มระดับการบ่มเพาะของผู้เชี่ยวชาญได้ มูลค่า 1 เหรียญคริสตัลจะมีค่าเท่ากับ 500,000 เหรียญทอง”
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยต่างมองหน้ากัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางได้ฟังเสี่ยวเยว่เฟิงพูดประโยคที่ยาวขนาดนี้ และข้อมูลที่เสี่ยวเยว่เฟิงบอกเล่า ทำให้พวกนางสามารถเดาได้ว่าที่มาของเสี่ยวเยว่เฟิงจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แถมตอนนี้เสี่ยวเย่วเฟิงยังเสนอตัวเป็นนายทุนให้กับหลิงตู้ฉิงแบบไม่อั้นอีกต่างหาก
ในตอนนี้พวกนางเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามอันใหญ่หลวงจากผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว
เมื่อมี่ไลเห็นว่านางเริ่มจะดูด้อยกว่า นางจึงถามขึ้น “นายท่าน ท่านจะไม่เปิดหอการค้าแล้วจริง ๆ งั้นเหรอ ข้าคิดว่าข้าสามารถดูแลมันให้เจริญรุ่งเรืองได้แน่นอน”
ในตอนนี้มี่ไลต้องการให้หลิงตู้ฉิงเปิดหอการค้าเป็นอย่างมาก หากนางได้ดูแลหอการค้าให้หลิงตู้ฉิงและทำให้หอการค้าของเขาเจริญรุ่งเรือง นางคิดว่านางคงจะลบจุดด้อยของตัวเองได้ไม่มากก็น้อยหากเทียบกับจ้าวเหมิงลู่และเสี่ยวเยว่เฟิง
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินที่มี่ไลถาม เขาส่ายหน้า “จุดประสงค์ที่ข้าต้องการเปิดหอการค้าในตอนแรกนั่นก็เพราะข้าต้องการเงิน แต่ในเมื่อตอนนี้ข้ามีเงินแล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะไปยุ่งวุ่นวายกับการค้า ส่วนเจ้าเองก็ไม่ใช่พ่อของเจ้า เจ้ายังอยากจะไปดูแลหอการค้าให้วุ่นวายทำไม หน้าที่ที่เจ้าควรจะทำในตอนนี้คือตั้งใจฝึกฝนและเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้เร็วที่สุด”
มี่ไลกับหลิวเฟ่ยเฟ่ย เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง พวกนางทำได้แค่พยักหน้ารับทราบอย่างเสียดายที่พวกนางได้พลาดโอกาสสร้างผลงาน
เมื่อพูดจบหลิงตู้ฉิงได้หันไปหาเสี่ยวเยว่เฟิงและพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าจงไปหาหลิงฉุยฟงและถามกับเขาว่าราคาของคฤหาสน์สราณรมย์ที่ตระกูลหลิงจ่ายไปนั้นเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เมื่อเจ้าทราบถึงจำนวนแล้วเจ้าจงนำเงินไปคืนให้กับตระกูลหลิงทั้งหมดทันที”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า จากนั้นนางจึงเดินออกไปตามหาหลิงฉุยฟง เมื่อนางได้ถามถึงเรื่องราคาของคฤหาสน์แล้ว นางจึงเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิงในทันที
เมื่อไปถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิง นางวางกองเงินจำนวน 28 ล้านเหรียญทองไว้ตรงหน้าคฤหาสน์ของหลิงเจิ้งสง และบอกกับคนในตระกูลหลิงที่อยู่บริเวณนั้นว่าเงินเหล่านี้เป็นเงินที่หลิงตู้ฉิงเอามาคืนให้สำหรับมูลค่าของคฤหาสน์สราญรมย์ที่ตระกูลหลิงได้จ่ายไป
บรรดาคนในตระกูลหลิงที่เห็นเหตุการณ์ พวกเขาต่างพากันตกตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดว่าหลิงตู้ฉิงจะรวยถึงขนาดนี้
หลังจากที่หลิงเจิ้งสงได้รู้เรื่องที่หลิงตู้ฉิงส่งคนให้นำเงินมาคืน หลิงเจิ้งสงถึงกับคำรามลั่นด้วยความเดือดดาล เขาเรียกผู้คนทั้งหมดในตระกูลมาสอบถามถึงเรื่องราวที่มาที่ไป และเมื่อเขาพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าเป็นลูกหลานของเขาเองที่ดันไปพูดจาเหน็บแนมบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิง เขาต่อว่าคนในตระกูลอย่างรุนแรง บรรดาลูกหลานที่เป็นผู้ชายถูกเขาจัดการทุบตีจนอ่วม และโดยเฉพาะลูก ๆ ของเขาเอง เขาทุบตีจนหน้าบวมปูดจนแทบจะจำหน้าพ่อลูกกันไม่ได้ ส่วนบรรดาลูกสะใภ้ของเขา เขาได้ลงโทษกักบริเวณไม่ให้พวกนางออกจากเรือนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม
ส่วนเรื่องผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลิงตู้ฉิง หลิงเจิ้งสงเองไม่ค่อยกังวลใจนัก เนื่องจากที่เขาได้สังเกตลักษณะนิสัยแปลก ๆ ของหลิงตู้ฉิงแล้ว เขาคิดว่าหลิงตู้ฉิงคงไม่น่าจะนำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้มากระทบกับความสัมพันธ์ของเขา
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเจิ้นฟูเห่า เขาพยายามแสดงให้คนภายนอกเห็นว่าเขายอมถอยเรื่องของหลิงตู้ฉิงเพื่อไว้หน้าตระกูลหลิง
แต่ในใจของเขายังคงคิดอาฆาตไม่จางหาย
ไม่ว่ายังไงลูกชายของเขาได้ตกตายลงด้วยน้ำมือของหลิงตู้ฉิงถึง 2 คน ถึงแม้ว่าเจิ้นป่าเจ่าและเจิ้นสีชวงที่ตายไปจะไม่ใช่ลูกชายที่โดดเด่นที่สุดของเขา แต่เขาก็ยังไม่สามารถปล่อยวางความแค้นนี้ลงไปได้ถึงแม้ว่าจะเป็นฝั่งเขาที่เริ่มก่อนก็ตาม
แต่อันที่จริงยังมีเบื้องลึกอีกเรื่องที่เขาส่งลูกชายทั้งสองไปอยู่ที่เมืองฟีนิกซ์ ก็คือลูกชายทั้งสองนี้อันที่จริงแล้วเจิ้นฟูเห่าได้ส่งไปให้ดูแลค่ายฝึกทหารลับให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขา
และตอนนี้ไม่เพียงแต่ลูกชายของเขาจะตาย แต่เหล่าครูฝึกทหารแทบทั้งหมดที่อยู่ในค่ายฝึกลับก็ตกตายตามไปด้วย นี่ทำให้เจิ้นฟูเห่าทั้งโกรธแค้นและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน
เวลานี้เจิ้นฟูเห่าจึงตัดสินใจหยิบคริสตัลสื่อสารเพื่อที่จะติดต่อไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเขา เขาต้องให้คำอธิบายถึงเหตุผลในการสูญเสียผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ
“เรียนฝ่าบาท ข้าขออภัยในความไร้ความสามารถของข้าที่ทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวัง กระหม่อมเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าลูกชายอันไร้สมองของกระหม่อมจะสร้างความเสียหายให้กับแผนของฝ่าบาทได้ถึงเพียงนี้” เจิ้นฟูเห่าพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
องค์ชายรอง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเจิ้นฟูเห่าในตอนนี้ ในใจเขาเดือดดาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจำนวนมากได้ตกตายไปเพราะพวกลูกชายของเจิ้นฟูเห่าเป็นผู้ก่อเรื่อง โดยเฉพาะหวูชี่คงที่เขาอุตส่าห์ปลุกปั้นจนทะลวงระดับไปได้ถึงขอบเขตรวมแสงดารา
แต่ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นไปแล้ว องค์ชายรองจึงทำได้แค่ฝืนกล้ำกลืนความโกรธเอาไว้ เพราะไม่ว่ายังไงเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรรุนแรงกับเจิ้นฟูเห่าได้ เนื่องจากด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการของเจิ้นฟูเห่านั้นยังถือว่าเป็นประโยขน์อยู่ ยังไงเจิ้นฟูเห่าก็มีค่ากว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ได้ตายไปทั้งหมด
“ข้าเข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปทั้งหมดนั้นไม่สามารถโทษเจ้าได้ ดังนั้นช่างมันไปก่อน แต่ในตอนนี้เจ้าต้องหยุดความขัดแย้งกับตระกูลหลิงลงชั่วคราวก่อน ข้าได้ข่าวมาว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้ไปพบกับหลิงเจิ้งสงเรียบร้อยแล้ว และหลิงเจิ้งสงเองก็ดูนิยมชมชอบในตัวหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างมาก เขาถึงกับซื้อคฤหาสน์สราญรมย์แถมยังส่งทหารประจำตระกูลของเขาไปให้กับหลิงตู้ฉิงถึง 750 นาย เพราะฉะนั้นยังไงเจ้าก็ไม่สามารถล้างแค้นเขาในตอนนี้ได้ แล้วอีกอย่างหลิงเจิ้งสงเองได้บรรลุระดับไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 4 แล้ว ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย”
“รับทราบ ฝ่าบาท!” เจิ้นฟูเห่าตอบกลับ
“และยังมีอีกเรื่องที่ข้าได้รับรู้มา ในตอนที่หลิงตู้ฉิงเข้ามายังเมืองหลวง หลิงตู้ฉิงได้บังเอิญพบกับหยุนตงไห่ และพวกเขาทั้งคู่ก็มีข้อพิพาทกันอย่างรุนแรง ฉะนั้นเจ้าสามารถอาศัยโอกาสนี้ในการไปติดต่อให้ตระกูลหยุนเข้ามาร่วมมือกับเจ้าได้ แต่เจ้าห้ามอ้างชื่อของข้าออกไปอย่างเด็ดขาด ในการติดต่อกับพวกตระกูลหยุน”
“กระหม่อมรับทราบแล้วฝ่าบาท ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร” เจิ้นฟูเห่าตอบ
หลังจากตัดการสื่อสารจากองค์ชายรอง เจิ้นฟูเห่าจึงได้เดินทางไปยังตระกูลหยุนเพื่อยุแหย่ให้หยุนตงไห่วางแผนเล่นงานหลิงตู้ฉิง
ในด้านของหยุนตงไห่
เขากำลังเจ็บแค้นคนตระกูลหลิงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลิงตู้ฉิงหรือหลิงฉุยฟงที่สั่งให้คนทุบตีเขาซะเละเทะอยู่กลางถนน และเมื่อมีคนเข้ามาแจ้งเขาว่าเจิ้นฟูเห่าได้มาหา เขาจึงออกไปต้อนรับด้วยอารมณ์บูดเบี้ยวในตอนแรก แต่เมื่อเจิ้นฟูเห่าแจ้งจุดประสงค์ในการมาเยือน หยุนตงไห่จึงเริ่มยิ้มออก พวกเขานั่งคุยวางแผนในการเอาคืนหลิงตู้ฉิงอย่างถูกคอ
ณ คฤหาสน์ตระกูลจ้าว เมืองหลวง
จ้าวปาเทียนในเวลานี้เขารู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงมาถึงเมืองหลวงแล้วพร้อมกับจ้าวเหมิงลู่
แต่จ้าวปาเทียนยังมีสิ่งหนึ่งที่คาใจ ทำไมพวกของหลิงตู้ฉิงมาถึงเมื่อหลวงได้รวดเร็วขนาดนี้? เฮ่อเจี้ยนปิงเองก็เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงได้ไม่กี่วันนี้เอง ทั้งที่เฮ่อเจี้ยนปิงออกเดินทางมาก่อนหน้าพวกเขาตั้งเป็นสัปดาห์
“เหมิงเอ๋อ เจ้าบอกปู่ได้ไหมว่าพวกเจ้ามาถึงเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?” จ้าวปาเทียนถามขึ้น
จ้าวเหมิงลู่ตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ท่านปู่ พวกเราบินมาที่นี่!”
“บินมาที่นี่?” จ้าวปาเทียนพูดด้วยความตกใจ “เอ่อ…มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราอุ้มพวกเจ้ามางั้นเหรอ? และพวกเขามากันกี่คน? และพวกเขาเป็นคนที่หลิงตู้ฉิงจ้างมาเหรอ? หรือว่าพวกเขาจะเป็นคนของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตที่เสี่ยวเยว่เฟิงสั่งมา?”
จ้าวเหมิงลู่ที่ได้เห็นว่าปู่ของนางยิงคำถามรัว ๆ นางได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัวและตอบว่า “พวกเราบินมาโดยรถม้าที่หลิงตู้ฉิงเป็นคนสร้างและเขายังให้ผู้นำกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตเสี่ยวเยว่เฟิงเป็นคนขับน่ะท่านปู่”
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงไม่ได้กำชับนางไว้ว่าไม่ให้บอกใครถึงเรื่องรถม้า นางจึงอาศัยเรื่องนี้เพื่อเพิ่มความมหัศจรรย์ของหลิงตู้ฉิงให้ปู่ของนางได้รับรู้
จ้าวปาเทียนเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาตกใจจนอ้าปากค้าง ตามที่เขาเคยศึกษามาเกี่ยวกับประเภทของสมบัติวิเศษ รถม้านี้น่าจะเป็นสมบัติวิเศษประเภทโดยสารที่ไว้ใช้สำหรับการเดินทางในอากาศ หลิงตู้ฉิงสามารถสร้างสมบัติวิเศษที่บินได้? นี่มันจะมากไปหน่อยไหม เป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์แล้วแถมยังมีทักษะการเป็นนายช่างระดับสูงอีกงั้นเหรอ?
“เจ้าแน่ใจหรือว่าหลิงตู้ฉิงสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองจริง ๆ?” จ้าวปาเทียนถาม
“แน่นอนข้าเห็นมันด้วยตาของข้าเอง” จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างได้ใจ “เมื่อเขาสร้างมันเสร็จ เขาก็พาครอบครัวของเรานั่งในรถม้าและบินจากเมืองฟีนิกซ์มาถึงที่นี่ภายในวันเดียว”
จ้าวปาเทียนนิ่งครุ่นคิดอะไรอยู่สักพักเข้าก็เอะใจในประโยคคำพูดของจ้าวเหมิงลู่ ทันใดนั้นเขาก็พูดกับจ้าวเหมิงลู่อย่างรวดเร็วว่า “เอ๊ะ ครอบครัวเรา? เจ้าพูดว่าครอบเรา? ครอบครัวไหน? เจ้าพูดแบบนี้เจ้าแต่งงานกันแล้วหรือยังไง? เจ้ายังไม่สามารถเอ่ยว่าเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับเขาได้ในตอนนี้นะ ตอนนี้เจ้ายังเป็นหลานสาวของข้า เจ้ายังเป็นคนในตระกูลของข้าอยู่!”
จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างเขิน ๆ ว่า “ท่านปู่ ท่านกำลังจะบอกว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานระหว่างข้ากับผู้ชายที่โดดเด่นเช่นนี้งั้นเหรอ?”