พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 126 ชนะขาด[รีไรท์]
บทที่ 126 ชนะขาด[รีไรท์]
เมื่อหลิงตู้ฉิงหยิบรากหญ้าแปดแฉกมาจากมือของตู้กู่หยางเจียน บรรดาผู้คนที่ชมการประลองจึงเริ่มหันไปให้ความสนใจกับหลิงตู้ฉิงทันที
ทุกคนหวังว่าจะเห็นความแตกต่างระหว่างวิธีการหลอมโอสถของหลิงตู้ฉิงและหลูเทียนหมิงว่าของใครจะพิสดารกว่ากัน แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นคือหลิงตู้ฉิงโยนสมุนไพรทุกชนิดเข้าไปในเตาหลอมทันที
“เฮ้อ…” ผู้อาวุโสที่ตะโกนถามหลิงตู้ฉิงเมื่อสักครู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ผู้อาวุโสท่านนี้ชื่อ ตันเหริน เขาเป็นผู้อาวุโสของคณะโอสถศาสตร์ที่ใช้เวลาทั้งชีวิตเดินตามเส้นทางเต๋าแห่งการหลอมโอสถ
เขาอยากเตือนหลิงตู้ฉิงว่านี่ไม่ใช่วิธีการหลอมโอสถที่ถูกต้องเลยสักนิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันมั่นใจของหลิงตู้ฉิง เขาจึงไม่เปิดปากทักอะไร
ส่วนคนอื่น ๆ ต่างมองไปยังวิธีการหลอมโอสถอันแปลกประหลาด ตอนนี้ทุกคนเริ่มไม่แน่ใจสักเท่าไหร่แล้วว่าหลิงตู้ฉิงหลอมโอสถเป็นจริง ๆ หรือไม่
ในขณะนี้เมื่อหลูเทียนหมิงเห็นการกระทำของหลิงตู้ฉิง เขายิ่งเบิกบานใจมากขึ้น ด้วยวิธีการที่จู่ ๆ โยนสวนผสมทั้งหมดลงไปในเตาหลอม เขาคิดเหมาได้ทันทีว่าหลิงตู้ฉิงต้องหลอมโอสถไม่เป็น!
ห้วงอารมณ์ตอนนี้เขากำลังคิดชื่นชมตัวเองที่คิดถูกจริง ๆ ที่เป็นคนแรกที่ขอท้าประลองด้านการหลอมโอสถกับหลิงตู้ฉิง เขามั่นใจกว่าเก้าส่วนว่าเขาจะต้องได้อาวุธวิเศษของหลิงตู้ฉิงแน่นอน
เมื่อเหลือบมองวิธีการหลอมของหลิงตู้ฉิงได้สักพัก หลูเทียนหมิงก็หันกลับมาเพ่งสมาธิกับการหลอมโอสถของตัวเองต่อ
ในอีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงที่เพิ่งโยนสมุนไพรทั้งหมดลงในเตาหลอม หลังจากปิดฝาเตาหลิงตู้ฉิงวาดค่ายกลเล็ก ๆ ลงด้านล่างของเตาและจากนั้นก็กระตุ้นให้เปลวเพลิงปะทุออกจากค่ายกล ให้ความร้อนกับเตาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อความร้อนเริ่มได้ที่ หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มใช้เคล็ดนวโคจรกำเนิดโอสถทันที ส่งผลให้เตาหลอมเริ่มหมุนควง ภายในเวลาประมาณ 1 ก้านธูปดับ เตาได้หมุนไป 9 ครั้ง หลิงตู้ฉิงจึงดับเปลวเพลิงและหันไปหาตู้กู่หยางเจียน “นำขวดโอสถมาให้ข้าที”
ตู้กู่หยางเจียนถามด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์หลิง นี่ท่านเสร็จแล้วเหรอ?”
ตู้กู่หยางเจียนได้แต่เหล่มองไปยังหลูเทียนหมิง ซึ่งอยู่ข้าง ๆ ที่ยังคงใส่สมุนไพรต่าง ๆ ลงในเตาหลอมยังไม่ครบด้วยซ้ำ แต่หลิงตู้ฉิงกลับหลอมเสร็จแล้ว?
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ข้าเสร็จแล้ว แล้วขวดโอสถอยู่ที่ไหน? ถ้าท่านไม่เอาขวดโอสถมาให้ข้าใส่พวกมัน เช่นนั้นข้าจะมอบโอสถเหล่านี้ให้กับคนอื่นแทน”
ตู้กู่หยางเจียนหยิบขวดคริสตัลออกมาด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าควรมอบมันให้หลิงตู้ฉิงดีไหม เขาไม่แน่ใจว่าโอสถที่หลิงตู้ฉิงหลอมออกมามันจะกินได้หรือเปล่า
ตันเหรินมองหน้าหลิงตู้ฉิงและถามอย่างสงสัย “อาจารย์หลิง ข้าขอดูโอสถของท่านหน่อยได้ไหม?”
“หากท่านอยากดูก็เปิดดู พวกมันก็แค่โอสถระดับต่ำไม่มีอะไรน่าสนใจนักหรอก” หลิงตู้ฉิงกล่าวอย่างไม่แยแส
ตันเหรินเปิดเตาหลอมและตกตะลึงเมื่อเห็นรัศมีของโอสถชำระดารา ไม่เพียงแต่พวกมันจะเสร็จแล้ว แต่ทุกเม็ดล้วนเป็นโอสถคุณภาพสูงสุด
“นี่…” ตันเหรินพูดไม่ออก จากนั้นบรรดาผู้อาวุโสของคณะต่าง ๆ ก็เริ่มเข้ามารุมล้อมเพื่อมุงดูภายในเตาหลอมยา เมื่อหลิงตู้ฉิงหยิบโอสถชำระดาราออกมาแสดงให้กับทุกคนรอบตัวเขาเห็นมัน บรรดาผู้คนที่รุมล้อมพวกเขาทั้งหมดต่างร้องอุทานกันอื้ออึงด้วยความประหลาดใจ
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงได้คลายกำแพงกั้นเสียงของหลูเทียนหมิงออกแล้ว
หลูเทียนหมิงที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการหลอมโอสถ เขาอดหงุดหงิดไม่ได้ที่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านของหลิงตู้ฉิง เขาจึงตะโกนโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากเตาและพูดว่า “พวกท่านส่งเสียงดังทำไมกัน พวกท่านกำลังรบกวนการหลอมโอสถของข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กลุ่มคนมองไปที่หลูเทียนหมิงด้วยสีหน้างุนงง นี่เขาไม่รู้อะไรเลยจริงเหรอ?
หลูเทียนหมิง ซึ่งไม่ได้มองไปที่หลิงตู้ฉิง เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังคงจดจ่ออยู่กับการหลอมโอสถ
อาจารย์คนหนึ่งจากคณะโอสถศาสตร์ที่ทนมองไม่ไหว เขาจึงรีบเดินขึ้นไปหาหลูเทียนหมิง และกระซิบข้างหูเขาว่า “อาจารย์หลูหยุดการ…”
“มากวนข้าทำไม เจ้าไม่เห็นหรือยังไงว่าข้ากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของขั้นตอนการผสมสมุนไพร หากเจ้ามีอะไรรอข้า ให้ข้าหลอมมันเสร็จก่อนค่อยเข้ามาถามข้า!” หลูเทียนหมิงขมวดคิ้วตอบโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้น
ทางด้านของหลิงตู้ฉิงเมื่อเขาเห็นว่าผู้คนเริ่มขึ้นมาวุ่นวายบนเวทีมากขึ้น เขาจึงพูดขึ้น “พวกท่าน ลงไปจากเวทีก่อน แต่ก่อนลงไป ช่วยไปบอกกับเขาให้เคลื่อนย้ายเตาหลอมไปที่มุมด้านข้างเวที ปล่อยให้เขาหลอมโอสถต่อไปให้เสร็จและอย่าลืมเตือนเขาเรื่องสมบัติระดับสูงที่เขาต้องมอบให้ข้าด้วยหลังจากจบการประลองวันนี้”
อาจารย์จากคณะโอสถศาสตร์ที่ขึ้นมาบนเวที เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นจึงเดินไปหา หลูเทียนหมิงให้เขาย้ายเตาหลอมไปด้านข้าง ด้วยสีหน้าทั้งงุนงงและตกตะลึงพวกเขาไม่เข้าใจว่า ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงสามารถการหลอมโอสถออกมาได้อย่างรวดเร็วและทำไมสูตรยามันถึงไม่เหมือนกับที่พวกเขาเคยอ่านในตำรา แถมโอสถของหลิงตู้ฉิงกลับมีคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดอีกต่างหาก
ในขณะนี้ หลูเทียนหมิงที่ถูกเตือนให้เคลื่อนย้ายเตาออกไป ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่อาจารย์จากคณะของเขาอธิบายให้ฟัง
ใบหน้าของหลูเทียนหมิงซีดลงทันที เขารู้ตัวทันทีว่าไม่มีทางและไม่มีวันทำได้อย่างหลิงตู้ฉิง เขาจึงหยุดการหลอมโอสถลงทันทีและเดินลงไปจากเวทีด้วยอารมณ์หม่นหมอง
หลิงตู้ฉิงไม่สนใจอารมณ์ที่หม่นหมองของหลูเทียนหมิง เขามองไปยังอาจารย์คนอื่น ๆ ในคณะโอสถศาสตร์และถามว่า “ใครเป็นคนต่อไป?”
หลังจากเห็นความสามารถในด้านการหลอมยาของหลิงตู้ฉิงแล้ว อาจารย์ในคณะโอสถศาสตร์เริ่มขยาดไม่อยากขึ้นไปเสียหน้าเพื่อประลองกับหลิงตู้ฉิง
ส่วนคณะช่างหลอมนั้น พวกเขาตอนนี้กำลังรวมกลุ่มล้อมวงปรึกษากันหน้าดำหน้าแดง และในที่สุดพวกเขาก็นำอาจารย์คนหนึ่งออกมาประลองกับหลิงตู้ฉิง ตอนนี้เป้าหมายของทุกคนได้เปลี่ยนไป เมื่อพวกเขารู้ว่าตัวเองไม่มีวันชนะ ฉะนั้นอย่างน้อย ๆ พวกเขาก็ต้องศึกษาวิธีการสร้างสมบัติของหลิงตู้ฉิงให้ได้มากที่สุดโดยการส่ง ‘เหยื่อ’ ขึ้นไปให้หลิงตู้ฉิงเชือดเล่น ๆ เพราะหากไม่มีใครขึ้นไปประลอง หลิงตู้ฉิงจะไม่เผยความสามารถต่ออย่างแน่นอน
‘เหยื่อ’ ผู้นั้นมองบรรดาสหายร่วมคณะของเขาด้วยสีหน้าสลด แต่การตัดสินใจนี้เป็นการลงความเห็นของคนหมู่มาก เขาจึงไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากจะต้องออกไปให้หลิงตู้ฉิงเชือด เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม
และผลลัพธ์ก็เช่นเดียวกันกับการแข่งขันหลอมโอสถ อาจารย์ที่เป็นตัวแทนคณะช่างหลอมพ่ายแพ้อย่างน่าเวทนา วัสดุที่เขาเตรียมมายังไม่ทันจะละลายหมด ส่วนด้านหลิงตู้ฉิงได้สร้างสมบัติวิญญาณระดับกลางขึ้นมาอย่างลวก ๆ จนเสร็จเรียบร้อย
ทุกคนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงเป็นตัวอะไรกันแน่? เทพเซียนกลับชาติมาเกิดหรือยังไง?
หลิงตู้ฉิงเมื่อสร้างสมบัติเสร็จ เขาหันไปทางคณะเตรียมทหารแล้วถามว่า “ใครจะมาต่อ?”
เว่ยเทียนไล้ คณบดีคณะเตรียมทหารหัวเราะและพูดว่า “เช่นนั้นข้าอยากแลกเปลี่ยนกับอาจารย์หลิงเกี่ยวกับกลยุทธทัพม้า! โดยมีเงื่อนไขว่าท่านและข้า เราต่างนำกองทหารม้าศึกเกราะเบา 3,000 นายต่อสู้กันในสภาพแวดล้อม…”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “นี่มันเสียเวลามากเกินไป ข้าไม่มีเวลาทั้งวันมาเถียงกับท่านเรื่องกลยุทธด้วยปากเปล่าแบบนี้ ข้าเสนอให้เรามาเล่นหมากรุกกัน หลังจากเล่นจบข้าแน่ใจว่าท่านจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ท่านรู้วิธีเล่นหมากรุกใช่ไหม?”
เว่ยเทียนไล้พยักหน้าและพูดว่า “แน่นอน”
เว่ยเทียนไล้สงสัยมากจริง ๆ เขาไม่เข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงทำไมถึงได้มั่นใจในตัวเองนัก เขาอายุแค่เท่าไหร่กัน? เคยออกรบมากี่ครั้ง? ความสามารถทางทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมโอสถหรือแม้แต่กับศิลปะการต่อสู้ ความสามารถด้านนี้มันไม่ได้มาจากการฝึกฝนได้เพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ การผ่านสมรภูมิรบมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง
“เมื่อท่านรู้วิธีเล่นก็ดีแล้ว” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าไร้กังวล “ว่านจุนเอากระดานหมากมาให้พ่อ”
หลิงว่านจุนรีบหยิบกระดานหมากที่หลิงตู้ฉิงเคยสร้างไว้ออกมาจากแหวนมิติ มาวางตรงหน้าหลิงตู้ฉิง ในการแข่งกันระหว่างเขากับหลิงยี่เทียน ในท้ายที่สุดเขามีจำนวนครั้งชนะที่มากกว่า เขาจึงได้เป็นผู้ครอบครองกระดานหมากนี้ไปโดยปริยาย
“เจ้าอยากเริ่มก่อนหรือให้ข้าก่อน?” หลิงตู้ฉิงถาม
เว่ยเทียนไล้หัวเราะ “ใครเริ่มก่อน เริ่มหลังมันจะแตกต่างกันยังไง?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามีความแตกต่าง ถ้าเจ้าเริ่มก่อนข้าก็จะเริ่มก่อนไม่ได้”
เว่ยเทียนไล้ได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกหงุดหงิดทันที จู่ ๆ เขากลับโดนเด็กรุ่นราวคราวลูกหยอกล้อราวกับรุ่นเดียวกันแบบนี้ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอมาก่อน
“เจ้าเริ่มก่อน!” เว่ยเทียนไล้พูดด้วยความหงุดหงิด เขาต้องการดูว่าหลิงตู้ฉิงจะเล่นได้สมราคาคุยหรือเปล่า
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว และจากนั้นเขาเริ่มหยิบเบี้ยขึ้นมาและวางลงไปบนกระดาน
ในเวลาเดียวกับที่เบี้ยวางลง เว่ยเทียนไล้เหงื่อแตกพลั่กทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาหวาดกลัว
ในสายตาของเขา เบี้ยที่หลิงตู้ฉิงวางในจุดนั้น เมื่อเขาคิดตาเดินล่วงหน้าไปร้อยตาเดินเขาพบแต่จุดจบ ไม่ว่าจะเลือกใช้แผนหมากวิธีไหนก็ตัน เพียงแค่ตาแรกของการวางหมากหลิงตู้ฉิงกลับทำให้เขาแพ้!
“ถ้าท่านยังไม่ยอม ท่านจะลองเดินหมากของท่านต่อก็ได้” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นพลางมองไปยังเว่ยเทียนไล้
เว่ยเทียนไล้ในตอนนี้ใจของเขายังไม่อยากยอมแพ้ เขามีความคิดอุตริผุดขึ้นในหัว เขาอยากลองสุ่มหยิบหมากตัวไหนก็ได้ลองเดินออกไปมั่ว ๆ ดูเผื่อจะโชคดีหาทางแก้หมากเจอ
แต่ปัญหามันติดอยู่ที่เขาไม่กล้าเอื้อมมือไปหยิบตัวหมากบนกระดาน เขารู้สึกได้ถึงรังสีสังหารแรงกล้าแผ่ออกมาจากเบี้ยตัวนั้นที่หลิงตู้ฉิงเพิ่งวางไป เขาสัมผัสได้ว่าหากเขายื่นมือไปใกล้กระดาน เบี้ยตัวนั้นมันจะพุ่งเข้ามาฆ่าเขาให้ตายลงตรงนี้ยังไงยังงั้น
ตอนนี้เหงื่อเริ่มออกไปทั่วร่างกายของเว่ยเทียนไล้ โดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัวขาของเขาเริ่มก้าวถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด