พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 167 เหลียงเฟ่ยเอ๋อ
บทที่ 167 เหลียงเฟ่ยเอ๋อ
ไม่นานหลังจากที่หลิงเจิ้งสงบินจากไป องค์หญิงปริศนาก็เดินเข้ามาด้วยความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ หลิงตู้ฉิงมองดูนางพลางเอียงคอด้วยความสงสัย นี่ไม่ใช่เหลียงเจี๋ยจากครั้งที่แล้ว?
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นใครตราบใดที่มีวัสดุขั้นสูงให้เขา เขาก็ยินดีที่จะให้เข้าพบ
หญิงงามผู้นี้ไม่น่ามีอายุเกิน 16 หรือ 17 ปี นางมีใบหน้าและรูปร่างที่งดงาม และกิริยาท่าทางของนางที่แสดงออกสามารถบ่งบอกได้ถึงการถูกอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับเหลียงเจี๋ย นางมีความเยือกเย็นน้อยกว่าแต่ดูอ่อนหวานมากกว่า
โดยไม่รอให้หลิงตู้ฉิงพูด นางชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ข้าชื่อ เหลียงเฟ่ยเอ๋อ และพ่อของข้าคือองค์ชายใหญ่เหลียงเย่”
“นั่งลงก่อน” หลิงตู้ฉิงทักทาย “เจ้าต้องการที่จะรู้อะไร?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าต้องการติดตามท่าน!”
หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นจงตอบคำถามข้า ถ้าวันหนึ่งข้าเป็นศัตรูกับราชวงศ์ของเจ้า เจ้าจะช่วยใคร?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าข้าเป็นคนของท่านแล้วเหตุการณ์อย่างนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไง?”
หลิงตู้ฉิงพูดเบา ๆ ว่า “ปู่ของเจ้ากำลังบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ ดังนั้นมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นเพื่อเห็นแก่ข้า ท่านถอยให้ท่านปู่ของข้าได้ไหม?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถาม
“ปู่ของเจ้าและเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะบังคับให้ข้าถอย!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสาตามั่นใจ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อ เมื่อได้ยินเช่นนี้นางเงียบลงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
หลิงตู้ฉิงมองประเมินเหลียงเฟ่ยเอ๋อ และพูดต่อ “วันนี้เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเองหรือมีคนอื่นสั่งให้เจ้ามา?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อก้มศีรษะลงและพูดว่า “ข้ามาด้วยตัวของข้าเอง! ข้ารู้ว่าข้าสวยที่สุดในบรรดาองค์หญิงทั้งหมดและข้ามั่นใจในความสามารถของตัวเอง ดังนั้นข้าจึงต้องการใช้ตัวของข้าเพื่อแลกให้ท่านสามารถอยู่ร่วมกันกับราชวงศ์ของข้าได้อย่างสันติ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ว่าเจ้าจะมีใบหน้าที่งดงามสักแค่ไหน สำหรับข้ามันไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ เลย ที่ข้ายอมคุยกับเจ้านานถึงขนาดนี้นั่นก็เพราะข้าสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกอันจริงใจและบริสุทธิ์ของเจ้า”
ความงดงามของนาง? สิ่งนี้ไม่มีทางที่จะสามารถล่อลวงเขาได้แน่นอน ในชีวิตที่แล้วเขาได้พบกับหญิงสาวที่สวยกว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อหลายแสนเท่า
“เราจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติไม่ได้เลยงั้นเหรอ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอย่างไม่เต็มใจ
“การที่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้หรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับปู่ของเจ้าไม่ใช่ข้า” หลิงตู้ฉิงตอบ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “แต่ปู่ของข้าคือองค์จักรพรรดิ ท่านจะให้เขายอมถอยให้ท่านได้ยังไง! ถ้าท่านสามารถอยู่ร่วมกับปู่ของข้าได้อย่างสงบสุขและยอมสาบานว่าท่านจะไม่รุกรานตระกูลของข้าต่อหน้าผู้คน ข้าขอท่านเพียงเท่านี้ ข้าจะยอมเป็นผู้หญิงของท่านทันที!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและโบกมือให้เหลียงเฟ่ยเอ๋อ “มานั่งข้างหน้าข้า!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อ เมื่อเห็นท่าทีของหลิงตู้ฉิงที่จู่ ๆ ก็กวักมือเรียกนางให้เข้าไปหา นางรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก นางขยำชายกระโปรงของนาง แล้วค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าหลิงตู้ฉิงและนั่งลง นางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะทำอะไร นางเริ่มคิดหวาดกลัวไปว่าเขาต้องการจะลวนลามนาง
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ใบหน้าที่เป็นกังวลของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ และค่อย ๆ พูดกับนางว่า “ถ้าเจ้ายินยอมสาบานและทำสัญญากับข้าว่าจะเก็บเรื่องที่เราคุยกันในวันนี้เป็นความลับ ข้าจะยอมอธิบายกับเจ้าว่าทำไมราชวงศ์ของเจ้ากับข้า เราถึงไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน หลังจากทำสัญญาแล้ว ถ้าเจ้ากล้าเปิดเผยคำพูดแม้แต่คำเดียวในสิ่งที่เราพูดกันวันนี้ เจ้าจะตายทันที จงคิดให้รอบคอบ เมื่อคิดได้แล้วค่อยให้คำตอบกับข้า”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้าตกลง!”
หลังจากนางพูดจบ นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงเขียนสัญญาบนอากาศอย่างน่าอัศจรรย์
ถึงแม้ว่านางจะเกิดในราชวงศ์อันสูงศักดิ์และเป็นผู้มาจากยอดเขาหยกจักรพรรดิ แต่นางก็ไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้ที่หลิงตู้ฉิงกำลังแสดงให้นางดู ตอนนี้นางรู้แล้วว่าเรื่องเล่าต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับหลิงตู้ฉิงที่ผู้คนภายนอกร่ำลือกันถึงเขานั้นมันต่ำเกินไปจริง ๆ
หลังจากที่นางลงสัญญาด้วยหยดเลือดของนาง สัญญาก็หายไป จากนั้นนางพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เอาล่ะ ตอนนี้ท่านบอกกับข้าได้แล้วใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดช้า ๆ “ปู่ของเจ้าเป็นผู้ที่ฝึกฝนเต๋าดวงใจจักพรรดิ ข้อเสียของผู้ที่ฝึกเต๋าดวงใจจักพรรดิคือพวกเขาจะยึดเอาประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ในสายตาของพวกเขาผู้ที่สำคัญที่สุดจะมีแต่ตนเอง ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนมองมันเป็นแค่เพียง ‘เครื่องมือ’ เท่านั้น แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็เป็นเครื่องมือในสายตาของพวกเขา เจ้าที่น่าจะเป็นคนที่ออกมาจากยอดเขาหยกจักรพรรดิ เจ้าน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วใช่ไหม?”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้าอย่างเศร้า ๆ นางเกิดมาในราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงเข้าใจเรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อเข้าใจ หลิงตู้ฉิงจึงพูดต่อ “ในเมื่อพวกเขามีเพียงแค่ตัวเองในสายตา พวกเขาจึงไม่ยอมให้ใครฝ่าฝืนคำสั่งเด็ดขาด เพราะคนที่ฝึกวิชาดวงใจจักรพรรดิต้องยืนหยัดอยู่ในเส้นทางที่ไร้ผู้กล้าต่อกร”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้า “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านถอยให้กับปู่ของข้า…”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ปู่ของเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้ข้าถอย แต่อันที่จริงแล้วไม่มีใครในโลกนี้ที่มีความสามารถพอทำให้ข้าถอยได้เว้นแต่ข้าจะเต็มใจเอง”
“และที่สำคัญ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าผู้ที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักพรรดิ ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถถอยหนีได้ แต่ทุกรอบที่พวกเขาถอย ระดับของเต๋าดวงใจจักรพรรดิของพวกเขาจะลดลงไปหนึ่งระดับ”
“และถ้าหากก่อนหน้านี้ ปู่ของเจ้ายินยอมเสียสละระดับเต๋าของเขาสักหน่อยและเข้ามาคุยกับข้าดี ๆ เส้นทางการบ่มเพาะต่อไปของเขาจะราบรื่นขึ้นมากด้วยความช่วยเหลือจากข้า ไม่เช่นนั้นข้าสามารถบอกได้ทันทีว่าต่อให้เขาไม่มาเจอกับข้า โชคชะตาของเขายังไงก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ว่ายังไงเขาก็ไปไม่ถึงจุดสูงสุดของเต๋าดวงใจจักรพรรดิแน่นอน”
“แต่น่าเสียดายที่ผ่านมาเขานั้นโง่เขลา หลงคิดไปว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งที่สุดและก่อกวนข้าอยู่หลายครั้งหลายครา ฉะนั้นในตอนนี้มันจึงสายไปแล้วที่ข้าและเขาจะสามารถปรองดองกันได้อีก เมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหวในครั้งหน้า ข้าจะลงมือจัดการกับเขาทันที”
“แต่…” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอย่างกังวล
หลิงตู้ฉิงพูดแทรกด้วยนางด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น อย่าว่าแต่ปู่ของเจ้าที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิเลย ไม่ว่าใครในโลกนี้ที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักพรรดิ พวกเขาทุกคนจะต้องหลีกทางให้ลูกชายของข้า ปู่ของเจ้าเป็นเพียงจักรพรรดิของอาณาจักรกระจ้อยร่อยในเกาะเล็ก ๆ กันดารเท่านั้น ข้าต่อให้เป็นเจ้าเหนือทวีปหรือเจ้าเหนือสวรรค์ พวกเขาก็ต้องหลีกทางให้ลูกข้า! สำหรับในสายตาของข้าปู่ของเจ้านั้นไม่นับเป็นตัวอะไรได้เลย!”
“ลูกชายของท่าน?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“ข้ามีลูกชายคนหนึ่งเขามีสายเลือดมหาจักรพรรดิโบราณแห่งหมู่มนุษย์ เขาเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าเหนือหัวเท่านั้น” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเล่าเรื่องให้เจ้าฟังมากมายขนาดนี้”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อรีบถาม “ทำไม?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะว่า ข้าคิดว่าเจ้านั้นไม่เลวเลยทีเดียว ข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับลูกชายของข้าและช่วยเหลือเขาในเส้นทางการบ่มเพาะของเขาในอนาคต!”
“เมื่อลูกชายของข้ากลายเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เหนือเก้าสวรรค์ เจ้าจะได้รับเกียรติให้เป็นเหมือนพระมารดาของโลกใบนี้ ถ้าเจ้าแต่งงานกับลูกชายของข้า ปู่ของเจ้าก็ยังต้องตาย แต่ตระกูลของเจ้าจะอยู่รอด แต่ถ้าวันนี้เจ้าปฏิเสธข้า ข้าเกรงว่าตระกูลของเจ้าทั้งหมดคงไม่พันจุดจบที่น่าสังเวช”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อรู้สึกตกตะลึง นางคิดกับตัวเองว่า ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นภรรยาของเขา แต่ตอนนี้เขากลับจะให้ข้าเป็นลูกสะใภ้เสียแล้ว?
นางนั่งงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้น “แล้วถ้าปู่ของข้าเชิญผู้เชี่ยวชาญจากยอดเขาหยกจักรพรรดิมาล่ะ? แม้ว่าท่านจะแข็งแกร่งมาก แต่ท่านก็ไม่สามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญจากยอดเขาหยกจักรพรรดิทั้งหมดได้จริงไหม?”
“ผู้เชี่ยวชาญ? ระดับไหน? แล้วใครบ้างล่ะ?” หลิงตู้ฉิงแสยะยิ้ม “อย่าได้เชิญพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์มาจะดีกว่า เพราะพวกเขาจะมาตายกันอย่างเปล่าประโยชน์! ส่วนผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ของสำนักเจ้าจะมีใครอีกล่ะที่พอไปวัดไปวาได้? ชิงหมิง? ตงซวน? เต๋าเฉียน? หรือจักรพรรดิฉิง? จนป่านนี้ยอดเขาหยกจักรพรรดิของเจ้ายังไม่รู้เลยว่าภูมิหลังของสำนักเจ้ามีที่ไปที่มายังไง และตอนนี้เจ้ากลับพูดขู่ข้าให้ระวังผู้เชี่ยวชาญจากสำนักเจ้างั้นเหรอ? หากสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิของเจ้ารู้ที่มาที่ไปของสำนักตัวเองแล้ว และรู้ว่าข้าเป็นใครและว่าข้าอยู่ที่นี่ด้วย”
“พวกเขาคงไม่แคล้วจะต้องรีบส่งคนมาฆ่าปู่ของเจ้าเพื่อเอาใจข้าแทนต่างหาก!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อรู้สึกสับสน นางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงพูดโม้หรือว่าเขากำลังพยายามสร้างเรื่องที่นางไม่เข้าใจเพื่อทำให้นางตกใจ
นางเงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดในที่สุด “ถ้าอย่างนั้นท่านกับปู่ของข้าจะไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขใช่ไหม?”
“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าคงไม่สนใจอะไรตระกูลเจ้าที่เหลือ แต่ตอนนี้ในเมื่อข้าได้พบเจ้าแล้ว และข้ายังได้บอกเหตุผลมากมายไปให้เจ้าฟัง ฉะนั้นเจ้าควรจะต้องปลงใจได้แล้วว่าปู่ของเจ้านั้นต้องตายอย่างแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่เจ้าทำได้คือมีเพียงยอมติดตามลูกชายของข้าและเป็นภรรยาให้กับเขา! ถ้าหากเจ้าทำเช่นนั้น เจ้าจะสามารถช่วยให้คนในตระกูลที่เหลือของเจ้ารอดได้ ไม่เช่นนั้น หากเจ้าไม่ฟังข้าเจ้าจะต้องเสียใจ”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อ เมื่อได้ยินคำพูดที่เด็ดขาดเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง นางทำได้แต่เงียบและเริ่มคิดอย่างถี่ถ้วน