พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 168 ราชวงศ์ที่ไร้หัวใจ
บทที่ 168 ราชวงศ์ที่ไร้หัวใจ
หลิงตู้ฉิงเงียบรอให้เหลียงเฟ่ยเอ๋อตัดสินใจ เขาไม่ได้ต้องการที่จะเร่งรัดได้คำตอบจากนาง
อันที่จริงไม่ว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อจะตัดสินใจอย่างไร เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่
อย่างมากเขาก็แค่เสียน้ำลายเปล่า
เหลียงเฟ่ยเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ข้าอยากรู้ว่าลูกชายของท่านอายุเท่าไหร่?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ 5 ขวบ!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อหน้าเสียทันทีพร้อมกับพูดว่า “ท่านต้องการให้ข้าแต่งงานกับเด็กอายุ 5 ขวบเช่นนี้จริงเหรอ?”
“ถึงตอนนี้เขาจะเป็นเด็ก แต่เดี๋ยวไม่กี่ปีเขาก็กลายเป็นผู้ใหญ่ ลูกชายคนโตของข้าหมั้นกับคู่หมั้นของเขาตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นมองหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ข้าจะไม่แต่งงานกับลูกชายของท่าน แต่ข้าจะแต่งงานกับท่าน ถ้าท่านตกลงข้าจะทำตามที่ท่านบอกทุกอย่าง แต่ถ้าท่านไม่ต้องการข้า ข้าจะรอให้ท่านสู้กับปู่ของข้า จากนั้นท่านก็มาฆ่าข้าได้เลย”
หลิงตู้ฉิงมองไปยังเหลียงเฟ่ยเอ๋อด้วยสายตางุนงงและพูดว่า “นี่เจ้าไม่อยากเป็นมารดาแห่งโลกจริง ๆ งั้นเหรอ นี่คือสิ่งที่แม้แต่เทพธิดาบนสวรรค์ทั้งหลายใฝ่ฝันมาตลอดเลยเชียวนะ”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อ ในตอนนี้นางหน้าแดงและตอบกลับทันที “แต่ถ้าข้าแต่งงานกับท่าน ลูกของท่านก็ต้องเรียกข้าว่าแม่!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างเสียดายและพูดว่า “เฮ้อ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับลูกชายของข้าก็ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะติดตามข้า ข้าก็ไม่รังเกียจ แต่อันดับแรกข้าคงต้องขอเลือดของเจ้าสักหยดหนึ่งก่อน”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อมอบหยดเลือดให้หลิงตู้ฉิงอย่างเชื่อฟัง หลิงตู้ฉิงรับมองและเพ่งพิเคราะห์มันอย่างระมัดระวัง
เขาไม่ได้ใช้เลือดของนางเพื่อย้อนกลับไปสืบสายเลือดของนางเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องการเอาหยดเลือดของนางมาดูว่าในสายเลือดของนางยังมีอะไรอื่นอีกที่น่าสนใจหรือไม่
หลังจากมองดูอยู่นานเขาก็พูดอย่างจนใจ “เจ้าจะแต่งงานกับข้าจริง ๆ งั้นเหรอ? เจ้ายังเปลี่ยนใจทันไปแต่งงานกับลูกชายของข้าได้นะ”
“ถ้าข้าจะต้องแต่งงาน ข้าก็อยากจะแต่งกับท่าน!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอย่างมั่นใจ
“น่าเสียดายจริง ๆ!” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างเสียดาย “ในเมื่อเจ้ายืนยันที่จะแต่งงานกับข้า ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ๆ ในฐานะแม่ เจ้าก็ช่วยเขาได้มากเช่นกัน”
“อะไรนะ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋ออุทานอย่างประหลาดใจ
นางยังไม่ได้แต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ ตอนนี้เขากลับคิดถึงเรื่องให้นางช่วยสนับสนุนลูกชายเขาเสียแล้วงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรื่องราวมันกลับมาลงเอยได้ถึงขนาดนี้แล้วนางจึงไม่คิดมากอีกต่อไป นางมองไปที่หลิงตู้ฉิงและถามว่า “ในเมื่อท่านตกลงแล้ว ท่านจะแต่งงานกับข้าเมื่อไหร่?”
“รอให้ข้าได้ไปถามความเห็นของจ้าวเหมิงลู่ก่อน แล้วข้าจะบอกเจ้าอีกครั้งเอง” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“นี่ข้าเป็นเจ้าหญิงนะ!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อแทบประสาทเสีย “แม้ว่าราชวงศ์ของข้าจะถูกแทนที่ด้วยตระกูลของท่านในอนาคต แต่ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นเจ้าหญิง! ท่านควรจะให้เกียรติข้าในฐานะเจ้าหญิงบ้าง!”
“แล้วยังไง?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเกือบจะกระอักออกมาเป็นเลือด เมื่อได้ยินคำตอบอันเรียบเฉยของเขา
หลิงตู้ฉิงยื่นมือออกมา และพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อว่า “มากับข้า มาเจอกับบรรดาลูก ๆ ของข้า ให้พวกเขารับรู้ว่าในอนาคตเจ้าจะเป็นแม่อีกคนของพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเกือบจะกระอักเลือดออกมาอีกรอบหนึ่ง
“ตอนนี้ข้ายังไม่พร้อม! ไว้ท่านจะแต่งงานกับข้าเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันเรื่องเจอลูกของท่านกันอีกที!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดจบและลุกขึ้นทันที
ในขณะที่นางกำลังจะจากไป แต่เมื่อนางคิดถึงเรื่องในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น นางจึงหยุดเดินและพูดอย่างหดหู่ว่า “ข้าไม่รู้ว่าในอนาคตท่านจะต่อสู้กับราชวงศ์ของข้าอย่างไร ข้าไม่รู้ว่าท่านจะแต่งงานกับข้าจริง ๆ หรือเปล่า แต่ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าข้าจะปล่อยวางเรื่องในอนาคตทั้งหมดที่กำลังจะเกิด และหากวันนั้นมาถึงวันที่ท่านต้องต่อสู้กับปู่ของข้าจริง ๆ ข้าหวังว่าท่านจะไม่ดูหมิ่นเกียรติของปู่ข้า ไม่ว่าจะยังไงถึงแม้ว่าเขาจะบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ แต่เขาก็ยังเป็นปู่ของข้าอยู่วันยังค่ำ”
นางไม่มีทางเลือกอื่น เพราะนางเป็นคนของยอดเขาหยกจักรพรรดิ นางจึงเข้าใจเกี่ยวกับผลของการบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิว่าตราบใดที่พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของการบ่มเพาะเต๋านี้ได้พวกเขาก็จะต้องตาย
และยิ่งในตอนนี้นางได้ฟังจากปากของหลิงตู้ฉิงว่าปู่ของนางไม่มีโอกาสอีกต่อไป สิ่งเดียวที่นางทำได้ก็คือการปกป้องตระกูลเหลียงที่เหลือ เพื่อที่พวกเขาจะไม่กลายเป็นเหยื่อของปู่นาง
นางรู้ดีว่าผู้คนที่ล้มเหลวในการบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิ ชะตาของคนในครอบครัวทั้งชายและหญิงจะถูกฆ่าตายอย่างอนาถ นางไม่อยากให้ครอบครัวของนางต้องลงเอยแบบนั้น ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะพึ่งพาหลิงตู้ฉิง เนื่องจากนางเองก็เป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอและมีความสามารถอันจำกัด
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เข้าใจแล้ว! ตอนนี้เจ้าจะกลับเลยงั้นเหรอ? ข้าคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเจ้าอยู่ต่อและให้ข้าชี้แนะการบ่มเพาะให้เจ้าสักหน่อย”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อที่ได้ยินเช่นนี้นางจึงเริ่มรู้สึกประหม่า นางจึงรีบพูดว่า “ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับท่าน ดังนั้นอย่ามีความคิดอกุศลกับข้าในตอนนี้เชียวนะ”
นางคิดว่าหลิงตู้ฉิงต้องการจะชิงสุกก่อนห่ามกับนาง นางจึงรีบวิ่งออกไปทันทีหลังจากที่พูดจบประโยค
เมื่อนางหายตัวไป หลิงตู้ฉิงส่ายหน้าอย่างเสียดายและพูดว่า “น่าเสียดายจริง ๆ ทั้งที่นางเหมาะสมกับยี่เทียนเป็นอย่างมาก แต่นางกลับไม่ต้องการ เฮ้อ…แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ๆ ก็ให้นางช่วยเหลือยี่เทียนในฐานะของมารดาก็แล้วกัน”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อวิ่งออกจากคฤหาสน์สราญรมย์ด้วยความเร่งรีบและสาวใช้ที่ติดตามนางมา 2 คนก็เข้ามาถามด้วยอาการตื่นตกใจ “องค์หญิงทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“ข้าสบายดี” เหลียงเฟ่ยเอ๋อที่ยังใจสั่นอยู่นางตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
สำหรับเนื้อหาของการสนทนาเกี่ยวกับคฤหาสน์สราญรมย์นั้น นางได้แต่เก็บมันไว้ในใจของนางเอง
หลังจากกลับวัง นางก็ถูกเหลียงเย่เรียกทันที เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่คฤหาสน์สราญรมย์?”
“ใช่!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้า
“เจ้าทำอะไรลงไป?” เหลียงเย่พูดด้วยความไม่พอใจ
“ข้าไปดูว่าจะมีทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ไหม” เหลียงเฟ่ยเอ๋อตอบ
เหลียงเย่ถอนหายใจ “ตอนนี้สิ่งที่เจ้าหวังมันคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าทำไมคนของสำนักเก้าเทพอสูรจึงปรากฏตัวในทวีปเทียนหยวน แต่เนื่องจากที่พวกเขาได้มาอยู่ที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขาย่อมไม่สามารถออกไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน ข้าคิดว่าพวกเขาต้องการเปิดสาขาย่อยของสำนักเก้าเทพอสูรที่นี่แน่ ๆ ดังนั้นเจ้าจงอย่าไปที่คฤหาสน์สราญรมย์อีก”
“ท่านพ่อเป็นไปได้ไหมที่ท่านปู่จะยอมถอยสักก้าวหนึ่ง?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถามขึ้น
เหลียงเย่ส่ายหัวและพูดว่า “เป็นไปไม่ได้! อันที่จริงเจ้าควรจะรู้ดีว่าปู่ของเจ้าพยายามจะทำลายอีกสองอาณาจักรในทวีปเทียนหยวนเพื่อพัฒนาให้เต๋าดวงใจจักรพรรดิของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมถอย”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเงียบไป นางรู้เรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
“เฟ่ยเอ๋อ เจ้าไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เจ้ามีใครที่ชอบหรือยัง? พ่อจะได้เลือกสามีให้เจ้ายังไงล่ะ” เหลียงเย่ถาม
เหลียงเฟ่ยเอ๋อทำหน้าเฉยเมย “ท่านจะยกข้าให้กับใคร?” นางเข้าใจดีว่าองค์หญิงแห่งราชวงศ์บางครั้งก็เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับความก้าวหน้าของอาณาจักร
เหลียงเย่หัวเราะ “พ่อกำลังถามเจ้าอยู่นะ! แต่ปู่ของเจ้าเคยพูดว่าเขาต้องการดูว่าเจ้าจะตกลงแต่งงานกับเจ้าชายของอาณาจักรเป่ยหยวนหรือไม่ เมื่อถึงเวลาเราจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพื้นที่ทางเหนือระหว่างที่เราโจมตีอาณาจักรซีหนิง เจ้าเป็นองค์หญิงที่สวยที่สุดของอาณาจักรเรา หากเจ้าเห็นด้วยเสด็จปู่ของเจ้าจะต้องพอพระทัยมากแน่นอน”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จากนั้นหลังจากที่ท่านปู่กำจัดอาณาจักรซีหนิงได้แล้ว พวกท่านก็คงจะเรียกข้ากลับมา เพื่อที่จะกำจัดอาณาจักรเป่ยหยวนต่ออีกใช่ไหม? นี่พวกท่านวางแผนให้ข้าไปเผชิญกับอันตรายเช่นนี้ชีวิตของข้าคงไม่สำคัญเลยสินะ”
“ใครว่าชีวิตของเจ้าไม่สำคัญ เมื่อถึงเวลาพ่อจะส่งผู้เชี่ยวชาญไปพาเจ้ากลับมา!” เหลียงเย่ส่ายหัวพลางตอบอย่างรวดเร็ว
“แล้วความสุขของข้าล่ะ?” เหลียงเฟ่ยเอ๋อถามด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ “แต่ข้าอยากจะบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านรู้ไว้เช่นกัน วันนี้เมื่อข้าไปพบหลิงตู้ฉิง ข้าตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นเขาเองก็อยากแต่งงานกับข้า เมื่อเทียบกับแผนการหลอกสร้างพันธมิตรกับอาณาจักรเป่ยหยวน การเป็นพันธมิตรกับหลิงตู้ฉิงควรจะสำคัญมากกว่าจริงไหมท่านพ่อ?”
ขณะนี้เหลียงเฟ่ยเอ๋อนึกถึงคำพูดของหลิงตู้ฉิงขึ้นมาในหัวทันที สุดท้ายแล้วนางก็เป็นได้แค่เครื่องมือของปู่นางเท่านั้น ราชวงศ์ของนางนั้นช่างไร้หัวใจ!
ในเมื่อตอนนี้นางรู้ตัวแล้วว่านางไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับการเอาตัวรอดในราชวงศ์ของนาง นางจึงรู้สึกว่าเป็นการดีที่สุดที่นางจะรีบบอกผลลัพธ์การเจรจาของนางกับหลิงตู้ฉิงให้พ่อของนางทราบก่อน มิฉะนั้นนางคงหนีไม่พ้นชะตาที่จะถูกส่งไปแต่งงานที่ดินแดนทางเหนือ
“นี่เจ้าพูดจริงงั้นเหรอ?” เหลียงเย่ถามอย่างตื่นเต้น “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ๆ ข้าจะไปบอกปู่ของเจ้าทันที ว่าแต่เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ส่ง ๆ เชียวนะ ถ้าเจ้าทำให้ปู่ของเจ้าเสียหน้าเขาอาจจะลงโทษเจ้าและส่งเจ้าไปแต่งงานที่อาณาจักรเป่ยหยวนทันทีจริง ๆ พรุ่งนี้พ่อจะไปที่คฤหาสน์ของแม่ทัพเจิ้งและคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นพ่อจะไปที่ตระกูลจ้าวและคุยกับจ้าวเหมิงลู่ให้รู้เรื่อง”
เมื่อได้ยินดังนี้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อจึงเดินจากไป ในตอนแรกนางยังคงเศร้าเล็กน้อยเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างหลิงตู้ฉิงและท่านปู่ แต่หลังจากที่ได้เห็นการปฏิบัติที่นางได้รับจากตระกูลของนางความเศร้าทั้งหมดของนางก็จางหายไป
“สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง คนที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิล้วนเป็นคนเห็นแก่ตัว ฉะนั้นพวกท่านก็อย่าได้โทษข้าที่ข้าเองก็ต้องการมีความสุขของข้าเองเช่นกันและบรรดาผู้คนในตระกูลที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ พวกคนเหล่านั้นข้าต้องรักษาชีวิตของพวกเขาให้ได้ นับตั้งแต่วันนี้ไปข้าขอเลือกทางเดินของข้าเองและทำในสิ่งที่ข้าคิดว่าถูกต้อง!”