พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 172 ยังชี้แนะไม่ได้
บทที่ 172 ยังชี้แนะไม่ได้
หลังจากฟังการบรรยายของโม่หยูถังหลายคนรู้สึกหนาวสั่น
ใครบ้างไม่เคยคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป? ใครบ้างไม่เคยคิดถึงความเป็นอมตะ? ใครบ้างไม่เคยคิดที่จะเยาะเย้ยสวรรค์?
ตอนนี้การบรรยายของโม่หยูถังได้ทำลายความหวังของใครหลาย ๆ คน
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจเส้นทางการบ่มเพาะอย่างสมบูรณ์แล้ว
แน่นอนพวกเขาคิดว่าพวกเขาเข้าใจ
จ้าวปาเทียนมองไปที่บรรดาอาจารย์และพูดกับทุกคนว่า “ทุกคนเผยแพร่บทเรียนของวันนี้ไปยังทุกสถาบันการศึกษาของอาณาจักรนี้ทั้งหมดในทันที แม้ว่าพวกเขาบางคนจะต้องเดินต่อไปในเส้นทางเดิม เราก็ต้องให้โอกาสทุกคนในการเลือกอนาคตที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเหล่าเด็กอัจฉริยะทั้งหลายที่ยังคงมีโอกาสที่จะได้เข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะที่ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นบรรดาอาจารย์ก็รู้สึกตัว พวกเขาจึงรีบกลับไปแพร่กระจายข่าวนี้กับบรรดานักศึกษาของพวกเขาทันที
หลังจากอาจารย์ทั้งหมดออกไป หลูหลิงก็มายืนหน้าหลิงตู้ฉิงด้วยเนื้อตัวสกปรก เขาแสดงหลังมือและพูดว่า “อาจารย์หลิง ข้าทำได้แล้ว!”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ดีมาก ต่อไปนี้เจ้าจงฝึกฝนเต๋าพิษของตัวเองอย่างตั้งใจ และข้าจะมอบ ‘คัมภีร์พันพิษ’ ไว้ให้เจ้าได้ใช้ศึกษา”
อันที่จริงตั้งแต่วินาทีแรกที่รอยประทับบนหลังมือของหลูหลิงหายไป หลิงตู้ฉิงก็สามารถสัมผัสได้ทันที เนื่องจากรอยประทับนี้ถูกสร้างโดยเขาแล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรหากเกิดอะไรขึ้นกับมัน
ส่วนคัมภีร์พันพิษ เขาได้เตรียมมันไว้ให้กับหลูหลิงไว้นานแล้วตั้งแต่ที่เขารู้ว่าหลูหลิงมีดวงใจอสรพิษ เขาเพียงแค่รอให้หลูหลิงพร้อมที่จะยอมรับเส้นทางเต๋าพิษของเขาเท่านั้น
หลูหลิงดีใจมากเพราะเขาเป็นคนแรกในบรรดานักศึกษาทั้งหมดของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลิงตู้ฉิงเป็นการส่วนตัว
“ขอบคุณอาจารย์!”
คนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเพราะพวกเขาเห็นหลูหลิงได้รับผลประโยชน์มากมายจากหลิงตู้ฉิง
“ไปทำความสะอาดร่างกายของเจ้าและฝึกฝนต่อไป” หลิงตู้ฉิงพูด
หลูหลิงพยักหน้าและรีบวิ่งกลับไปที่บ้านของเขาทันที
แม้ว่าสภาพของเขาตอนนี้จะเหมือนขอทาน แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาอีกต่อไป
เมื่อเขาวิ่งกลับถึงเรือนพ่อแม่ถามเขาด้วยความตกใจว่า “หลิงเอ๋อ นี่เจ้ากลับมาบ้านทำไม? ทำไมเจ้าถึงไม่อยู่ที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ แล้วทำไมสารรูปของเจ้าถึงได้กลายเป็นขอทานแบบนี้?”
หลูหลิงพูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง “ก่อนหน้านี้ข้ากลับมาหาพวกท่านรอบนึงแล้ว แต่พวกท่านก็ไล่ข้าออกไป”
พ่อแม่ของเขาต่างมองหน้ากันเพราะในความทรงจำของพวกเขาหลูหลิงไม่เคยกลับมา ถ้าจะมีก็แต่ขอทานประหลาดที่จู่ ๆ ก็บุกเข้ามาในเรือนพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากนั้นหลูหลิงก็ได้รับการอธิบายจากพ่อแม่ของเขา จนเขาเริ่มเข้าใจถึงเหตุผลแล้วว่าทำไมทุกคนถึงตะคอกและทุบตีเขา แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังเกลียดเขา
เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร
อาจารย์ของเขา หลิงตู้ฉิงต้องเป็นคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้รับคัมภีร์พันพิษแล้ว ควาบเจ็บปวดที่ผ่านมาจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์ เหลียงเฟ่ยเอ๋อเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงว่างแล้วนางจึงเดินไปที่ด้านข้างของหลิงตู้ฉิง และถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ท่านช่วยชี้แนะเกี่ยวกับการบ่มเพาะของข้าได้ไหม? ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของข้าอยู่ที่ขอบเขตควบแน่นลมปราณระดับ 7 แต่ข้ารู้สึกว่ารากฐานของข้ายังไม่แข็งแรงพอ”
เนื่องจากปู่ของนางทำให้นางอับอายขนาดนี้แล้ว นางจึงไม่กลัวคำนินทาของคนอื่นอีกต่อไป นางตรงมาที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์เพื่อพบหลิงตู้ฉิง อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะนางได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจนนางยังมีความเป็นสุภาพสตรีอยู่ นางคงไปที่คฤหาสน์สราญรมย์โดยตรง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ไว้ข้าจะสอนเจ้าหลังจากที่เราแต่งงานกัน”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ขี้เหนียว! นี่ข้าจะเป็นผู้หญิงของท่านในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะ”
หลิงตู้ฉิงมองนางและสร้างกำแพงวิญญาณแยกตัวเขากับนางออกจากสภาพแวดล้อมรอบด้าน จากนั้นเขาก็พูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ “เจ้าครอบครอง ร่างกายแก่นแท้ปฐพี ซึ่งมันเป็นร่างที่พิเศษมาก ถ้าข้าสอนวิธีการฝึกฝนร่างนี้ให้แก่เจ้าตอนนี้ ลักษณะเฉพาะของมันจะปรากฎขึ้นทันทีพร้อมกับชะตากรรมของเจ้าที่เป็นเจ้าของร่างนี้จะเริ่มการเปลี่ยนแปลง อันที่จริงด้วยร่างกายนี้ของเจ้า เจ้าเหมาะที่จะเป็นจักรพรรดินีมากที่สุด ฉะนั้นถ้าข้าปลุกร่างกายของเจ้าเร็วเกินไป ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจอปัญหา”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อก้มศีรษะลงและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการเป็นจักรพรรดินี ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นคนที่มีความรู้สึกเย็นชาและไร้หัวใจ! นอกจากนี้ข้าเป็นคนของท่านแล้ว ถ้าใครต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ข้า ท่านก็แค่ช่วยข้าไม่ใช่เหรอ?”
“แน่นอน!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แต่ถ้าข้าช่วยเจ้าปลุกร่างกายของเจ้าตอนนี้ ปู่ของเจ้าจะรู้แน่นอนว่าเจ้าครอบครองร่างแก่นแท้ปฐพีอยู่ และปู่ของเจ้าจะไม่ยอมให้ข้าแต่งงานกับเจ้า แถมเขาอาจจะเก็บเจ้าไว้เองด้วยซ้ำ”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อตกใจ “ข้าเป็นหลานสาวของเขา อย่าบอกนะว่าเขาจะอยากแต่งงานกับข้า?”
“เจ้าอย่าได้ดูถูกคนที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิมากเกินไป” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ในใจของพวกเขาไม่มีใครหรืออะไรในโลกนี้ที่นำมาใช้ไม่ได้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีความคิดบิดเบี้ยว อันที่จริงพวกเขาอาจจะโหดเหี้ยมกว่าที่ข้าเคยเป็นด้วยซ้ำ ถ้ามีคนรู้ว่าเจ้าครอบครอง ร่างกายแก่นแท้ปฐพี พวกเขาจะพากันมาแย่งชิงตัวเจ้า”
“ในเมื่อเจ้ายังไม่รู้ว่าความวิเศษของกายาแก่นแท้ปฐพีของเจ้าว่าวิเศษยังไง ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าเอง หากมีใครบางคนที่อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมแสงดาราแต่ไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตนภาได้ หากได้ความช่วยเหลือจากเจ้าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5 ใน 10 ส่วน”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อเมื่อได้ยินเช่นนี้นางถึงกับตัวสั่น
นางโน้มตัวเข้าไปหาอ้อมแขนหลิงตู้ฉิงและพูดว่า “งั้นในอีกไม่กี่วันนี้ท่านต้องมารับข้าไปดูแลให้ดีด้วยล่ะ แล้วเมื่อถึงเวลาที่ข้าเป็นของท่าน ข้าจะเชื่อฟังท่านและจะช่วยเกื้อหนุนท่านอย่างสุดความสามารถ… เอ๊ะจริงสิ! ในเมื่อท่านเป็นคนบอกเองว่าคนที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิจะกลายเป็นคนที่มีความคิดบิดเบี้ยว แต่ทำไมท่านถึงต้องการให้ลูกชายของท่านแย่งชิงมันจากปู่ของข้า?”
“เขาไม่ได้ฝึกวิชาดวงใจจักรพรรดิและข้าก็ไม่ได้จะให้ลูกชายของข้าแย่งชิงมันมาจากปู่ของเจ้า ลูกชายข้าเขาแค่เกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดิในอีกเส้นทางหนึ่ง!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“เฮ้อ…งั้นข้าก็โล่งใจ ไม่งั้นข้าคงเป็นห่วงตัวเอง” เหลียงเฟ่ยเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองหลิงตู้ฉิง และกระซิบว่า “ข้าแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะแต่งงานกับท่าน”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตบไหล่ของเหลียงเฟ่ยเอ๋อ เขาพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อว่า “เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเดือน เดิมทีข้าอยากจะสอนบทเรียนพิเศษใหม่ให้กับนักศึกษาของข้าฟังด้วยตัวเอง แต่เพื่อรอเจ้า ข้าคงต้องเลื่อนเวลาออกไปหลังจากเราแต่งงานกันเสร็จ”
เหลียงเฟ่ยเอ๋อหัวเราะเบา ๆ “ท่านดีที่สุดเลย!”
เมื่อนางเห็นมี่ไลเดินมา นางก็รีบลุกขึ้นยืนจากอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิง
แม้ว่านางจะเป็นองค์หญิง แต่นางก็เข้าใจดีว่าฐานะองค์หญิงของนางนั้นไร้ประโยชน์สำหรับตระกูลหลิง
มี่ไลทักทายเหลียงเฟ่ยเอ๋อ แล้วพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “นายท่าน วิชาสุริยะสาดแสงที่ท่านสอนให้ข้าเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่ามันยังมีบางอย่างที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ คืนนี้ท่านช่วยมาที่ห้องข้าสักหน่อยได้ไหม ข้าอยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่าน”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนค่ำหรอก ตอนนี้ข้าก็กำลังว่างอยู่ เจ้าสามารถถามข้ามาตอนนี้ได้เลย”
“ท่านกับองค์หญิงกำลังคุยกันอยู่ข้าจะรบกวนเวลาของท่านได้อย่างไร ข้าจะรอจนถึงคืนนี้!” มี่ไลก้มหัวลงและหน้าแดงขณะที่นางจากไป
ถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะเข้าใจในเรื่องของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมากขึ้นแล้วก็จริง แต่การบอกใบ้ของมี่ไลเช่นนี้มันล้ำลึกเกินไปสำรับเขาเช่นกัน หลิงตู้ฉิงจึงไม่เข้าใจว่าอันที่จริงแล้วมี่ไลไม่ได้ต้องการให้เขาชี้แนะเกี่ยวกับเรื่องของเคล็ดวิชาเลยสักนิด แต่จริง ๆ แล้วนางเพียงต้องการให้เขาเผด็จศึกนางก็เท่านั้นเอง!
ส่วนทางมี่ไลเอง เนื่องจากนางติดตามหลิงตู้ฉิงมานานแล้ว แต่นางก็ยังไม่สามารถเป็นผู้หญิงของเขาได้เต็มตัวสักที นางจึงเริ่มกระวนกระวายใจ
และยิ่งโดยเฉพาะในตอนนี้จ้าวเหมิงลู่ได้เข้าหอกับหลิงตู้ฉิงไปแล้ว
ดังนั้นรอบนี้ที่หลิงตู้ฉิงอยู่ในห้องกับนางสองต่อสอง เขาควรจะไม่เย็นชาเหมือนเดิมจริงไหม?
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ
เหลียงเฟ่ยเอ๋อที่เฝ้าดูจากด้านข้าง นางกัดริมฝีปากแล้วกลั้นหัวเราะ
ดูเหมือนว่าจ้าวเหมิงลู่จะพูดถูกเกี่ยวกับผู้ชายที่นางอยากแต่งงานด้วย แต่เมื่อนางนึกถึงเวลาที่นางจะต้องรับใช้ชายคนนี้ในอนาคต ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ข้าขอตัวกลับก่อน!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพูดอำลาและจากไป
หลังจากเหลียงเฟ่ยเอ๋อจากไป หลิงตู้ฉิงก็เริ่มเดินตรวจการฝึกฝนของนักศึกษาที่เหลือในสนาม เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วที่การประลองกับคณะอื่น ๆ เพื่อชิงเดิมพันทรัพยากรบ่มเพาะของคณะจะเริ่มขึ้น