พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 173 ขู่นักศึกษา
บทที่ 173 ขู่นักศึกษา
หลิงตู้ฉิงนั้นรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูก ๆ ของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาเลย
สิ่งที่เขาต้องกังวลตอนนี้คือนักศึกษาคนอื่น ๆ
แม้ว่าเขาจะเตรียมเนื้อหาของการบรรยายครั้งต่อไปแล้ว และเขาก็รู้ดีว่าหลังจากที่เด็กเหล่านี้ได้รับฟังเนื้อหาที่เขาจะบรรยายในอนาคตแล้ว พวกเขาจะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้อีกขั้นแน่นอน แต่แล้วตอนนี้เขากลับที่จะต้องยืดเวลาการบรรยายของเขาออกไปอีกเพื่อที่จะรอให้งานแต่งของเขากับเหลียงเฟ่ยเอ๋อจบสิ้นเพื่อที่เขาจะได้ให้นางฟังบรรยายด้วย ฉะนั้นจึงกลายเป็นว่าหลังจากที่เขาบรรยายบทเรียนของเขาเสร็จ บรรดาพวกนักศึกษาจะมีเวลาเหลือเพียงไม่ถึง 1 เดือนในการทำความเข้าใจสาระสำคัญของบทเรียน
เขากังวลใจอยู่มากว่า เหล่านักศึกษาหัวทึบเหล่านี้จะเข้าใจเนื้อหาได้ในเวลาที่เหลือได้ไหม?
หลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาข้าง ๆ เจียงซิงเฉิงและพูดว่า “พื้นฐานยังไม่แน่น แต่นี่เจ้ากลับฝึกใช้กระบวนท่าแล้วงั้นเหรอ? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสิ่งที่เจ้าต้องทำคือกลับไปทบทวนพื้นฐาน แทง ฟัน เหวี่ยง เสย… เมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถสร้างปราณกระบี่ได้ เจ้าค่อยเริ่มฝึกออกกระบวนท่าต่อ!”
เจียงซิงเฉิงรีบถาม “อาจารย์หลิง แล้วข้าจะสร้างปราณกระบี่ออกมาได้ยังไง?”
“นั่นเป็นคำตอบที่เจ้าต้องหาด้วยตัวเอง!” หลิงตู้ฉิตอบกลับและเดินจากไป
คราวนี้หลิงตู้ฉิงเดินไปหาเหวินเต๋าและถามว่า “เจ้าเรียนรู้วิชาไร้ประโยชน์มามากมาย ตอนนี้ข้าจะถามเจ้าว่าเส้นทางบ่มเพาะไหนกันแน่ที่เป็นเส้นทางการบ่มเพาะหลักของเจ้า?”
เหวินเต๋าตอบด้วยความกังวลใจ “อาจารย์หลิง ข้าอยากเรียนวิชากระบี่ด้วยได้ไหม?”
หลิงตู้ฉิงถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าถามเจ้าว่าเส้นทางการบ่มเพาะหลักของเจ้าคืออะไร?”
เหวินเต๋ารู้สึกประหม่ามากขึ้นในขณะที่เขาพูดติดอ่าง “อะ….อาจารย์หลิง ข้าอยากเรียนกระบี่!”
“ข้าถามว่าเส้นทางการบ่มเพาะหลักของเจ้าคืออะไร?” หลิงตู้ฉิงพูดซ้ำอีกครั้ง “ถ้าเจ้าตอบไม่ได้ภายในหนึ่งอึดใจข้าจะโยนเจ้าออกไป!”
เหวินเต๋าตกใจรีบตอบว่า “ข้าฝึกกระบี่!”
หลิงตู้ฉิงมองไปที่เหวินเต๋าอย่างเย็นชาและพูดว่า “จากวันนี้เป็นต้นไปจงลืมวิชาและเส้นทางการบ่มเพาะอื่น ๆ ซะ แล้วทุ่มเทให้กับเส้นทางการบ่มเพาะหลักของเจ้าเพียงอย่างเดียว!”
พูดจบหลิงตู้ฉิงก็เดินไปหยุดที่ด้านหลังโกวเจี้ยน
ในขณะนี้โกวเจี้ยนกำลังเล่นหมากล้อมกับหลิงยี่เทียน
หลิงตู้ฉิงเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งโกวเจี้ยนพ่ายแพ้ให้กับหลิงยี่เทียน จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็พูดว่า “ทักษะการคำนวณของเจ้าอ่อนแอเกินไป ช่วงเวลาต่อไปนี้หยุดเล่นเกมหมากทั้งหมด และจงไปฝึกฝนการคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร โดยใช้ชุดตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 99 นำชุดตัวเลขพวกนั้นสุ่มขึ้นมาสองชุดและนำพวกมันขึ้นมาทำการบวก ลบ คูณ หารกัน ฝึกจนกว่าเจ้าได้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ผิดพลาดเลยภายในหนึ่งลมหายใจ”
หลิงยี่เทียนส่ายหัวมองไปที่โกวเจี้ยน และสลับกลับไปเล่นหมากรุกกับหลิงว่านจุนต่อ
เนื่องจากพ่อของเขาให้ภารกิจกับโกวเจี้ยน เขาจึงไม่สามารถเล่นกับโกวเจี้ยนต่อได้
หลังจากนั้น หลิงตู้ฉิงยังคงเดินใหคำชี้แนะบรรดานักศึกษาทีละคน จนกระทั่งเขามาถึงข้างจูเหยียนและลั่วหาว
หลังจากเหลือบมองคนทั้งสองวาดภาพและปักลายผ้าอยู่นั้น หลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรหันหลังกลับและเดินไปทางอื่น
จากนั้นเขาก็เปล่งเสียงประกาศว่า “พวกเจ้าคงจำได้ว่าพวกเรามีข้อตกลงกับคณะอื่นและพวกเจ้าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน พวกเจ้าต้องเป็นตัวแทนของศาลาศักดิ์สิทธิ์ของเราเพื่อต่อสู้กับพวกเขา”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการเดิมพันของเราคืออะไร? ถ้าใครแพ้หนึ่งนัด ข้าจะเสียสมบัติวิเศษระดับวิญญาณ 1 ชิ้น ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียสมบัติวิเศษไปง่าย ๆ หากก่อนการต่อสู้ยังมีใครในหมู่พวกเจ้าที่ไม่สามารถทำตามมาตรฐานที่ข้าวางเอาไว้ให้ได้ ข้าจะไล่คน ๆ นั้นออกไปจากคณะของข้าซะ”
ทุกคนที่ได้ยินเช่นนี้ต่างตื่นตระหนก พวกเขาต่างเริ่มฝึกฝนตามที่หลิงตู้ฉิงชี้แนะอย่างตั้งใจมากกว่าเดิม
หากพวกเขาถูกไล่ออก มันจะกลายเป็นตราบาปที่น่าอับอายและน่าเสียใจที่สุด
เมื่อเห็นว่าทุกคนมีความกระตือรือร้นมากขึ้น โม่หยูถังก็ยิ้มและพูดว่า “นายท่าน ไม่ต้องกังวลถึงที่ผ่านมาเด็กพวกนี้เหลาะแหละกันมาตลอด แต่เดี๋ยวต่อไปนี้ข้าจะเป็นคนเฆี่ยนการฝึกของพวกเขาเอง ข้ารับรองว่าผลลัพธ์ที่ออกมานายท่านจะต้องพึงพอใจมากขึ้นแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความไม่พอใจ “พวกเด็กเหล่านี้ หากพวกเขาไม่ก้าวหน้าเพราะเป็นคนไร้พรสวรรค์ข้าจะไม่ว่าเลย แต่ที่ผ่านมาพวกเขาเอาแต่ฝึกฝนอย่างเหลาะแหละ นี่เป็นสิ่งที่ข้ารับไม่ได้!”
โม่หยูถังพูดด้วยรอยยิ้มที่บูดเบี้ยว “หรือไม่บางทีพวกเขาอาจจะเห็นตัวอย่างจากบรรดานายน้อย จนทำให้พวกเขาเข้าใจผิดและพากันเกียจคร้านก็เป็นได้”
อันที่จริงสิ่งที่โม่หยูถังนั้นพูดมาก็ไม่ผิด การฝึกฝนของบรรดาลูก ๆ หลิงตู้ฉิงแต่ละคนนั้นมันแปลกพิสดารเกินไป จนเหล่านักศึกษาที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์การฝึกของพวกเขาต่างพากันคิดว่าที่คณะแห่งนี้พวกเขาจะสามารถฝึกฝนอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ได้
ตัวอย่างเช่น การฝึกของหลิงว่านถิงที่เอาแต่นั่งแกว่งอยู่บนชิงช้าจนเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่ตลอด หลิงเทียนหยุนที่ยังคงนั่งเฉย ๆ กับสีหน้าอันงุนงงราวกับว่าเขานั่งอู้ไปวัน ๆ หลิงฟ่างหัวที่เอาแต่เดินเข้าออกประตูบานแปลก ๆ ส่วนหลิงว่านจุนและหลิงยี่เทียนมักจะยุ่งอยู่กับการเล่นหมากรุก แม้แต่หลิงไช่หยุนก็ออกเที่ยวเล่นไปทั่วหลังจากนั่งลงฝึกโคจรพลังในร่างของนางได้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว
คนเดียวที่ดูเกือบจะปกติที่สุดคือ หลิงยู่ชาน
หลิงยู่ชานที่ฝึกซ้อมต่อสู้กับซ่งเหวินเถาวันละ 2-3 ครั้งต่อวัน พร้อมกับฝึกออกหมัดวันละร้อยตามเดิม แต่ในบางครั้งหลิงยู่ชานเองก็มีอาการยืนเหม่อลอยอยู่ในความงุนงงเป็นครั้งคราวบ้างเช่นกัน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ลูก ๆ ของเขา จากนั้นมองไปที่นักศึกษาคนอื่น ๆ และถอนหายใจ “นี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างเด็กที่สวรรค์ประทานพรลงมาให้กับเด็กธรรมดาที่โง่เขลา! พวกเขาแค่มองอย่างผิวเผินและเข้าใจไปเองว่าคนอื่นเล่นสนุก แต่อันที่จริงพวกเขาไม่รู้เลยว่าคำว่า ‘เล่น’ ที่พวกเขาเข้าใจมันอาจจะมีหมายความอีกอย่างที่พวกเขานึกไม่ถึง พ่อบ้านโม่ เคี่ยวเข็ญพวกเขาทุกวิถีทาง พัฒนาทักษะพื้นฐานของพวกเขาให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้อีกไม่กี่วันเมื่อข้าสอนบทเรียนใหม่ให้กับพวกเขา พวกเขาน่าจะเข้าใจมันได้ดีมากขึ้น”
โม่หยูถังพยักหน้า “อันที่จริงนายท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ด้วยวิธีที่เราชี้แนะพวกเขา พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กธรรมดาได้อย่างไร?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่กังวลเกี่ยวกับการพ่ายแพ้ ข้าแค่คิดว่าในอนาคตถ้าพวกเขายังคงไร้ความสามารถ พวกเขาจะทำให้ข้าอับอายและทำให้คนที่รู้จักข้าหัวเราะเยาะข้าได้!”
โม่หยูถังอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ต้องมีความสามารถขนาดไหนกัน ถึงจะถือว่ามีความสามารถตามมาตรฐานของเจ้านายเขา?
เนื่องจากคำพูดของหลิงตู้ฉิง บรรดานักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดรู้สึกกังวลอย่างมากและทุกคนต่างหยุดเล่นสนุก พวกเขาเลิกหาช่วงเวลาอู้จากการไปเล่นหรือไปช่วยเหลือลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงด้วยเหตุผลต่าง ๆ
เนื่องจากตอนนี่พวกเขารู้แล้วว่าการเอาใจหลิงตู้ฉิงผ่านทางลูกของเขานั้นไม่มีประโยชน์ หากพวกเขาไม่ตั้งใจบ่มเพาะอย่างถูกต้อง พวกเขาจะไม่สามารถรักษาสถานะการเป็นนักศึกษาในศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน
หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าคำประกาศของเขานั้นส่งผลไปในด้านบวก ทำให้เหล่านักศึกษาที่ก่อนหน้านี้ยังเกียจคร้านเริ่มกลับมากระตือรือร้นอีกครั้ง เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเขาเริ่มสบายใจขึ้นแล้วเขาจึงนั่งลง และสนใจกับการบ่มเพาะของตัวเองต่อ
วิธีการบ่มเพาะของเขาตอนนี้เรียบง่ายมาก เขาเพียงแค่ทำการหลอมโอสถต่าง ๆ และใช้โอสถเหล่านั้นในการพัฒนาร่างกายของเขา บางครั้งเขาก็ลุกขึ้นมาฝึกรำหมัดเพื่อปรับอารมณ์ของตัวเอง
บรรยากาศภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์ ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคึกคักตลอดเวลาจนถึงต้นเดือนเมษายน
วันที่ 5 ของเดือน คือกำหนดการงานสมรสอันยิ่งใหญ่ของหลิงตู้ฉิงและเหลียงเฟ่ยเอ๋อ ดังนั้นผู้คนจากตระกูลหลิงจึงต้องล่าช้าในการฝึกฝนเพราะเรื่องนี้
ส่วนนักศึกษาคนอื่น ๆ ในศาลาศักดิ์สิทธิ์ยังคงพากเพียรในการฝึกฝนต่อ เนื่องจากเวลาของการแข่งขันใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พวกเขายังห่างไกลจากเป้าหมายของหลิงตู้ฉิง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามต่อไปไม่สามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นได้
แม้ว่าเหลียงเฟ่ยเอ๋อจะเป็นองค์หญิง แต่งานแต่งงานระหว่างหลิงตู้ฉิงและเหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ไม่ได้คึกคักจนเกินไป
ส่วนเหลียงซานนั้นเขาไม่ได้มาร่วมงานด้วยตนเอง เขาได้แต่สั่งให้ตัวแทนของเขามามอบของขวัญให้แก่หลิงตู้ฉิงและพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แก่เขาด้วย
ซึ่งการมอบบรรดาศักดิ์ในครั้งนี้ เหลียงซานไม่ได้ถามความเห็นหรือความยินยอมใด ๆ แก่หลิงตู้ฉิงมาก่อนว่าเขาเห็นด้วยกับการแต่งตั้งหรือไม่ เขาถือวิสาสะประกาศแต่งตั้งหลิงตู้ฉิงออกมาโต้ง ๆ ซะอย่างนั้น
“จักรพรรดิผู้นี้ขี้เหนียวเกินไป!” จ้าวเหมิงลู่พูดกับหลิงตู้ฉิง “เขาเองก็รู้ว่าสามีของข้าสามารถสร้างสมบัติระดับวิญญาณได้ง่าย ๆ แต่เขากลับให้สมบัติระดับวิญญาณกับสามีของข้าเพียง 2 ชิ้น!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แต่จริง ๆ แล้วมันก็ดีที่ได้มา หลังจากที่ข้าละลายสมบัติวิญญาณทั้งสองนี้และดึงวัสดุชั้นสูงของพวกมันออกมา ข้าจะผสานมันเข้ากับรถม้า พื้นที่ในรถม้าของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า ซึ่งมันจะได้สอดคล้องกับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นในคฤหาสน์ของเรา ฉะนั้นสำหรับของ 2 ชิ้นนี้ที่ได้มานั้นถือว่าเป็นประโยชน์กับเราในตอนนี้มากทีเดียว”
จ้าวเหมิงลู่กลอกตา นางมองหลิงตู้ฉิงและเตือนเขาว่า “ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้พาผู้หญิงเข้ามาเพิ่มอีก! อย่างน้อยก็ต้องรอการอนุมัติจากข้าและเฟ่ยเอ๋อก่อน ท่านเข้าใจไหม?”
“ได้ ๆๆๆ ข้าเข้าใจแล้ว” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวพลางตอบกลับ
จ้าวเหมิงลู่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ ข้าขอตัวก่อน วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่าน ดังนั้นข้าจะไม่รบกวนความสุขของท่านกับนางต่อแล้ว หึหึ”
หลังจากจ้าวเหมิงลู่พูดจบ คนอื่น ๆ ก็พาหลิงตู้ฉิงและเหลียงเฟ่ยเอ๋อไปที่ห้องหอตามธรรมเนียมปกติ
….