พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 209 ใครไม่อยากอยู่ข้าก็ไม่รั้ง!
เมื่อเด็ก ๆ ทุกคนกินเสร็จและพวกเขาก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก
หลิงตู้ฉิงได้เอาเลือดของอสูรทมิฬและเลือดของกวางวิเศษออกมา รวมถึงไปเลือดของบรรดาอสูรที่เขาให้ตระกูลมี่และตระกูลจ้าวส่งมาให้เมื่อก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ผสมเลือดทั้งหมดเข้าด้วยกันและเริ่มทำการต้มมัน
หลังจากที่เลือดทั้งหมดถูกต้มในหม้อแล้วเขาก็ตรงไปที่เตียง
เมื่อเขาเดินผ่านห้องของโจวจื่อซิน เขาก็เหลือบไปมองนางในถังเหล็กและใส่ก้านของสมุนไพรอีก 2-3 ก้านเข้าไปในถังที่นางกำลังแช่อยู่
โจวจื่อซินซึ่งอยู่ในถังขนาดใหญ่ได้ดูดซับพลังและฤทธิ์ของสมุนไพรอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และทั้งร่างกายของนางในตอนนี้มีแต่กลิ่นหอมอย่างรุนแรงแพร่กระจายออกมา
ซึ่งกลิ่นที่รุนแรงนี้ หลิงตู้ฉิงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ เขาก็ยังคงได้กลิ่น
“นายท่าน กลิ่นของข้าตอนนี้น่ากินไหม?” โจวจื่อซินพูดติดตลกกับหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องระวังที่สุด เนื่องจากสายเลือดของเจ้าตอนนี้กำลังจะตื่นขึ้น ถ้ามีคนกินเจ้าในเวลานี้คนผู้นั้นจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล”
“มีนายท่านคอยปกป้อง ข้าไม่กลัว!” โจวจื่อซินหัวเราะคิกคักและพูดว่า “แต่ถ้านายท่านอยากกินข้า ข้าก็ยอมให้ท่านกินข้าด้วยความเต็มใจ”
หลิงตู้ฉิงไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘กิน’ เขาพูดอย่างแผ่วเบา “จงโคจรวิชาควบแน่นโลหิตพฤกษาสวรรค์และดูดซับพลังของสมุนไพรของน้ำในถังนี้ทั้งหมดเข้าสู่ร่างกายของเจ้า เมื่อสายเลือดของเจ้าตื่นรู้ขึ้น ความแข็งแกร่งของเจ้าน่าจะไปถึงขอบเขตรวมแสงดาราได้”
“เอ๊ะ? นี่ข้าไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะขอบเขตประสานทะเลปราณระดับอื่น ๆ อีกแล้วงั้นเหรอ?” โจวจื่อซินถาม
“ร่างกายของเจ้ามีกฎของสวรรค์บางอย่างที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเจ้าอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าจึงไม่จำเป็นต้องขอบเขตประสานทะเลปราณอีกต่อไป และหลังจากนี้เมื่อสายเลือดของเจ้าตื่นรู้ขึ้น เส้นทางการไปสู่ขอบเขตสวรรค์ของเจ้าจะราบลื่นขึ้นอย่างมาก โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าได้พบกับข้าก่อน ไม่งั้นเจ้าคงถูกใครจับกินไปนานแล้ว” หลิงตู้ฉิงพูด
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าซาบซึ้งในตัวท่านเป็นอย่างมาก นายท่าน!” โจวจื่อซินพูดอย่างซาบซึ้ง “เมื่อสายเลือดของข้าตื่นรู้ขึ้น ข้าจะขอเป็นหนึ่งในผู้หญิงของนายท่าน”
“เรื่องนี้เราค่อยคุยกันทีหลัง!” จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็จากไป
ด้วยชื่อเสียงของคฤหาสน์สราญรมย์ คนที่ยังมีสมองปกติย่อมไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามาด้านใน นอกจากนี้ยังมีหลิงจู้และมี่ไลที่อยู่ใกล้ ๆโจวจื่อซิน ดังนั้นหลิงตู้ฉิงจึงไม่ต้องกังวลอะไร
มี่ไลเองในช่วงเวลาที่นางอยู่ใกล้ ๆ โจวจื่อซิน นางก็ได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นกัน ด้วยพลังวิญญาณที่เปล่งออกมาจากร่างกายของโจวจื่อซินอย่างต่อเนื่อง มี่ไลเองก็ดูดซับมันเข้าไปเช่นกันเพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของนาง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานางได้รับประโยชน์จนถึงขนาดที่ระดับการบ่มเพาะของนางตอนนี้ไปถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 5 แล้ว และอันที่จริงถ้าหากว่าไม่ใช่นางเชื่อฟังหลิงตู้ฉิงและพยายามยับยั้งการบรรลุระดับอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นระดับการบ่มเพาะของนางจะต้องสูงกว่านี้มากแน่นอน
ในวันถัดมา เหล่าเด็ก ๆ ที่อ้วนขึ้นทั้งหมดตามหลิงตู้ฉิงไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อคนอื่น ๆ เห็นสภาพร่างกายที่อ้วนขึ้นของบรรดาเด็ก ๆ พวกเขาก็แสดงสีหน้าสงสัยกันทันที
เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาอ้วนขนาดนี้ได้ยังไงในวันเดียว?
“ว่านถิงน้อย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จูเหยียนถามอย่างสงสัย
“ศิษย์น้องยี่เทียนเจ้าอ้วนขนาดนี้ได้อย่างไร?” โกวเจี้ยนถามด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
หลิงยี่เทียนหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีอะไรหรอก พี่เจี้ยน ท่านพ่อของข้าสอนวิชาใหม่ให้พวกเราลองฝึกเท่านั้นเองน่ะพวกเราก็เลยกลายเป็นแบบนี้ ว่าแต่พี่เจี้ยนมานี่มา ๆ ข้าจะให้ท่านกินอะไรบางอย่างที่ท่านต้องชอบแน่ ๆ!”
หลังจากนั้นเขาจึงนำเนื้อกวางที่เก็บไว้ในแหวนมิติออกมาและมอบชิ้นส่วนเนื้อขนาดใหญ่ให้กับหลงเจี้ยน
“นี่คือเนื้ออะไร ทำไมหอมจัง?” หลงเจี้ยนถามอย่างสงสัย
“นี่เป็นเนื้อหายากที่ท่านพ่อหามาได้ข้ารับประกันได้ว่าไม่มีใครที่จะมีมันแน่นอน ข้าจึงอยากแบ่งมันให้ท่านลองชิมดู!” หลิงยี่เทียนพูดอย่างแบบเลี่ยงประเด็นคำถาม
เมื่อหลงเจี้ยนได้ยินว่าเป็นหลิงตู้ฉิงที่มอบมันให้กับเขาแถมยังเป็นของดี เขาก็พูดด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้ามาก น้องชายยี่เทียน”
จากนั้นเขาก็เริ่มกินอย่างมีความสุข ตามที่คาดไว้รสชาติของมันค่อนข้างดี
เมื่อหลิงว่านถิงและเด็กคนอื่น ๆ เห็น พวกเขาก็รีบเอาเนื้อกวางที่ตัวเองเก็บไว้ในแหวนมามอบให้กับนักศึกษาคนอื่น ๆ
พวกนางหวังว่าในไม่ช้าบรรดานักศึกษาจะอ้วนขึ้นทุกคน ดังนั้นพวกนางจะได้ดูกลมกลืนเข้ากับคนอื่นและจะได้ไม่มีใครกล้าล้อเลียนพวกนาง
หลิงตู้ฉิงมองดูเด็ก ๆ ที่ส่งเนื้อกวางออกมาให้คนอื่น เขายิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขายังมีเนื้อกวางมากกว่าหมื่นกิโลกรัมเหลืออยู่ที่คฤหาสน์ ซึ่งต่อให้พวกลูก ๆ ของเขาจะแจกให้กับคนอื่นไปบ้าง เขาก็ยังมีที่เหลือเก็บไว้ ซึ่งพอที่จะนำมาย่างกินได้อีกนาน
จ้าวเหมิงลู่ หลิวเฟ่ยเฟ่ยและคนอื่น ๆ เห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดอะไร พวกนางจึงปล่อยให้เด็ก ๆ แจกของดี ๆ ที่มีไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถกินของแบบนี้ได้และมันก็เป็นผลประโยชน์ที่ดีสำหรับนักศึกษาเหล่านี้
ผลข้างเคียงจากเนื้อกวางวิเศษเกิดขึ้นทันที หลังจากกินแล้วพลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในเนื้อกวางนั้น เกิดการปะทุขึ้นในร่างกายของเหล่านักศึกษาที่กินเข้าไปทันที ส่งผลให้ร่างกายของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน…
ตอนนี้ทุกคนในศาลาศักดิ์สิทธิ์อยากร้องไห้ แต่ไม่มีใครหลั่งน้ำตา ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าบรรดาเด็กน้อยเหล่านี้อ้วนได้อย่างไร ต้นเหตุทั้งหมดมันเกิดมาจากไอ้เนื้อก้อนนี้ที่พวกเขากินนี่เอง!
“อาจารย์…” จูเหยียนมาหาหลิงตู้ฉิงพร้อมกับร้องไห้ “ข้าอ้วนมากขนาดนี้หากข้ากลับไปที่บ้าน พ่อแม่ของข้าจะต้องจำข้าไม่ได้แน่ ๆ เลย ข้าควรทำยังไงดี?”
ขณะที่นักศึกษาหญิงร้องไห้และบ่น บรรดานักศึกษาชายต่างก็หงุดหงิดกันอย่างมาก
“ไม่ต้องกังวล เพียงแค่พวกเจ้ารีบไปฝึกเผาผลาญพลังวิญญาณให้เยอะ ๆ เดี๋ยวร่ายกายของพวกเจ้าก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม” หลิงตู้ฉิงพูด
บรรดานักศึกษาที่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจที่ร่างกายของพวกเขาเป็นแบบนี้ ซึ่งอันที่จริงถ้าหากพวกเขาได้รู้ว่าตัวเองได้กินอะไรเข้าไปอารมณ์ของพวกเขาคงจะต้องกลับตาลปัตรไม่ใช่แบบนี้แน่นอน
โม่หยูถังที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “อาหารที่เหล่านายน้อยและคุณหนูมอบให้พวกเจ้า นั้นคือเนื้อของกวางวิเศษขอบเขตนภาระดับ 12 มันเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของพวกเจ้าทุกคน จับคู่สู้กันให้ดี! เมื่อพวกเจ้าเผาผลาญพลังวิญญาณจากเนื้อกวางที่พวกเจ้ากินหมดไป ร่างกายของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ซึ่งจะช่วยให้พวกเจ้าไม่เจ็บปวดจากการฝึกฝนร่างกาย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขาพึ่งกินเข้าไปมันวิเศษขนาดไหน พวกเขาจึงรีบพูดขอบคุณหลิงยู่ชานและคนอื่น ๆ ทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองสามารถบ่มเพาะจนถึงขอบเขตนภาระดับ 12 ได้หรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเขาได้กินเนื้อกวางวิเศษไปแล้ว อย่างน้อย ๆ ประโยชน์ของมันก็คงช่วยให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่แน่นอนในอนาคต
เมื่อพวกเขาทุกคนคิดได้ พวกเขาจึงเริ่มทำการจับคู่ประลองกันทันทีและการต่อสู้อันวุ่นวายก็เริ่มขึ้นภายในศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคนต่างก็ต่อสู้กันอย่างสุดใจจนหมดเรี่ยวแรง
จ้าวปาเทียนที่เดินมาถึงศาลาศักดิ์สิทธิ์พอดีและได้เห็นสถานการณ์นี้เขาก็ยิ้มและพูดว่า “แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าการบ่มเพาะอย่างแท้จริง”
จ้าวปาเทียนเดินมาอยู่ตรงหน้าหลิงตู้ฉิง และพูดว่า “ครั้งนี้มีทั้งหมด 23 สำนักที่มาถึงแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาจะมาที่สถาบันราชวงศ์ของเราและเริ่มรับสมัครศิษย์ และเมื่อถึงเวลาข้าอยากให้เจ้าเตรียมตัวให้ดี เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ที่อาจจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่สนใจเรื่องการรับศิษย์อะไรนี่หรอก ข้าจะไม่มาที่นี่ในวันพรุ่งนี้”
“แต่ถ้าพวกเขาเลือกนักศึกษาของศาลาศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?” จ้าวปาเทียนถาม
“ข้ายังยืนยันเหมือนเดิม ถ้านักศึกษาของพวกนี้ต้องการจากไป ข้าจะไม่รั้งไว้ แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะไม่ไป ข้าก็จะชี้แนะให้พวกเขาตามเดิม” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ถ้าพวกเขาเต็มใจที่จะเข้าร่วมสำนัก นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีของสำนักพวกนั้น แต่ถ้าพวกเขาไม่ยินยอมและสำนักใดก็ตามยืนยันที่จะบังคับให้พวกเขาเข้าร่วม มันก็หม่ายความว่าพวกเขารนหาที่ตายแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จหลิงตู้ฉิงก็ปรบมือและพูดกับเหล่านักศึกษาที่กำลังประลองกันอยู่ “ทุกคนหยุดแล้วฟังข้า!”
หลิงตู้ฉิงไม่เพียงเรียกแค่เพียงคนอื่น ๆ เท่านั้นเขายังเรียกจิ๋นชานที่กำลังหลับอยู่และเหมยจู้ที่กำลังฝึกอยู่ในโดมฝึกฝนพิเศษ
จิ๋นชานและเหมยจู้ตกใจมาก ขณะที่พวกเขามองไปยังก้อนไขมันเดินได้ที่มีอยู่เต็มคณะของพวกเขาไปหมด
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงอ้วน?
ก่อนที่พวกเขาจะได้ถาม หลิงยี่เทียนได้ส่งเนื้อกวางให้ทั้งสองคนละชิ้น แล้วพูดกับจิ๋นชานและเหมยจู้ว่า “ท่านพ่อของข้าให้มา พวกเจ้ากินสิ”
ทั้งสองคนจึงเริ่มกินมันโดยไม่ถามอะไรมากมาย พวกเขากินมันก็เพื่อเพียงแค่ต้องการให้หลิงยี่เทียนไม่เสียน้ำใจ