พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 223 เตรียมการรับศึก
บทที่ 223 เตรียมการรับศึก
ในพริบตา เวลา 1 ปีได้ผ่านไปอีกครั้ง
ขณะนี้สีหน้าของขันทีทั้ง 12 ของอาณาจักรอ้าวเทียนเริ่มน่าเกลียดขึ้นมากเรื่อย ๆ
พวกเขาที่อยู่ในอาณาเขตทะเลชางหมางมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถพาเหลียงเฟ่ยเอ๋อกลับไปได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาอาจจะถูกลงอาญาจากเจ้านายของพวกเขาได้
ในเวลาเดียวกับที่พวกเขากำลังจะตัดสินใจไม่เชื่อคำแนะนำของเหลียงซานและบุกไปยังคฤหาสน์สราญรมย์ เหลียงซานได้ส่งคนให้มาบอกให้พวกเขาเข้าพบ “ทุกท่าน ฝ่าบาทได้มีรับสั่งให้พวกท่านเข้าพบ”
บรรดาขันทีได้พ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจ พวกเขาลุกขึ้นและเดินไปยังท้องพระโรงทันที
พวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าเหลียงซานต้องการที่จะทำอะไรต่อ และถ้าหากเหลียงซานยังมีความคิดที่ยังไม่ต้องการจะเคลื่อนไหวเช่นเดิม พวกเขาก็คงจะไม่สนใจอีกแล้วและจะเริ่มบุกคฤหาสน์สราญรมย์ทันที
พวกเขาไม่เชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้ง 12 คนที่ร่วมมือกันจะไม่สามารถถล่มคฤหาสน์สราญรมย์ให้ราบเป็นหน้ากลองได้
และเมื่อจบงาน พวกเขาจะปล่อยเหลียงซานทำหน้าที่เก็บกวาดงานที่เหลือด้วยตัวของเขาเอง
เมื่อเข้ามาถึงด้านในท้องพระโรง ไม่ใช่แค่อู่หยุนจี๋ที่ยืนรออยู่ แต่จางหมิงในเวลานี้ก็อยู่ที่ด้านในท้องพระโรงด้วยเช่นกัน
“เมื่อไหร่จะเริ่มลงมือ?” หัวหน้าขันทีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ
จางหมิงหัวเราะ “ขันทีหลี่ ท่านใจเย็นก่อน โปรดท่านฟังข้อมูลที่ข้ากำลังแจ้งท่านต่อไปนี้ให้จบ ข้าคิดว่าท่านจะต้องสนใจมันเป็นอย่างมากแน่”
ขันทีหลี่จ้องไปยังจางหมิงด้วยแววตาเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
เหลียงซาน มองไปทางจางหมิงและพูดว่า “จางหมิง แจ้งข้อมูลของเจ้าให้พวกเราทราบเร็วเข้า ข้าเบื่อกับเรื่องบ้าๆนี้เต็มทนแล้ว ข้าอยากให้มันจบไวๆสักที”
จางหมิงโค้งคำนับและพูดว่า “ฝ่าบาท เมื่อตอนที่ข้าได้กลับไปถึงสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิของเราแล้ว หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนักในที่สุดข้าก็สามารถโน้มน้าวตระกูลเฉินให้ส่งคนมาสนับสนุนเราได้ และไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังนำสมบัติประจำตระกูลของพวกเขามาด้วย ซึ่งก็คือเหรียญตราผนึกสวรรค์ ด้วยสมบัติชิ้นนี้เราจะสามารถผนึกพลังแห่งกฎระหว่างสวรรค์และโลกได้ ซึ่งนับได้ว่าสมบัติชิ้นนี้คือยาขมที่รุนแรงสำหรับเหล่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์เลยทีเดียวฝ่าบาท”
“เมื่อหลิงตู้ฉิงต้องเผชิญกับสมบัติชิ้นนี้ เขาจะไม่สามารถใช้ความสามารถของเขาได้และสิ่งที่เขาพึ่งได้จะมีเพียงพลังจากระดับการบ่มเพาะของเขา ซึ่งสำหรับพวกเราแล้วมันไม่น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย”
“และอีกอย่าง ทางสันเขาหมื่นอสูรเองก็ได้ส่งอสูรโลหิตของพวกเขามาแล้ว 12 ตน จากการคำนวณ พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ภายในครึ่งเดือน แต่ว่าพวกเราก็ต้องมีแผนรับมือกับบรรดาอสูรโลหิตพวกนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นพวกมันอาจจะทำการสังหารหมู่ชาวบ้านที่บริสุทธิ์ภายในเมืองได้ ซึ่งในเรื่องนี้ข้าแนะนำให้ท่านแม่ทัพอู่ควรเป็นผู้ออกไปต้อนรับเหล่าอสูรโลหิตพวกนี้ พวกมันจะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับอาณาจักรของเรา”
“และในเวลาเดียวกับที่พวกอสูรโลหิตมาถึง คนของจากหมู่บ้านราตรีทมิฬก็น่าจะมาถึงด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนี้ที่มาทีหลังข้าแนะนำว่าฝ่าบาทต้องเป็นผู้ต้อนรับพวกเขาเอง ขันทีหลี่ ข้าคิดว่าด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ที่ท่านได้ยิน ท่านคงจะสามารถรอเวลาได้อีกสักครึ่งเดือนจริงไหม?”
ขันทีหลี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ได้ ข้าจะรออีกครึ่งเดือน แต่ถ้าหลังจากครึ่งเดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้าอีกข้าจะบุกไปที่คฤหาสน์สราญรมย์ด้วยตัวเองทันที”
หลังจากพูดจบเขาหันหลังเดินออกไปจากท้องพระโรงทันที
ต่อให้จะเป็นที่อาณาจักรอ้าวเทียน ตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ก็ถือว่าสูงมาก และด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์ หากเมื่อไหร่ที่เขาหมดความอดทน เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไว้หน้าเหลียงซาน
เหลียงซานยิ้มและหันไปหาอู่หยุนจี๋ “ท่านแม่ทัพอู่ ในเรื่องของอสูรโลหิต ข้าคงต้องขอรบกวนท่านด้วยแล้ว”
อู่หยุนจี๋พยักหน้า “ไม่มีปัญหาฝ่าบาท พรุ่งนี้ข้าจะนำกองกำลังไปรับพวกเขาเองที่ชายแดนของอาณาจักร”
หลังจากอู่หยุนจี๋จากไป จางหมิงได้หันมาหาเหลียงซานและพูดว่า “ฝ่าบาท ครั้งนี้ตระกูลเฉินได้ส่งทายาทสายหลักของพวกเขา เฉินถิงฟาง มาด้วย ข้าคงต้องรบกวนให้ฝ่าบาทต้อนรับนาง ส่วนกระหม่อมจะไปดำเนินการติดต่อจือหมิงฮ่าว ให้พวกเขารู้ถึงแผนการของเรา”
เหลียงซานพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วงทางด้านของเฉินถิงฟาง ข้าจะดูแลนางเอง เจ้าไปหาจือหมิงฮ่าวเถอะ”
“เช่นนั้นกระหม่อมขอกราบถวายบังคมลา” จางหมิง เมื่อพูดจบเขาก็หันหลังและเดินจากไป
เหลียงซาน เมื่อเห็นจางหมิงจากไปแล้ว เขาจึงส่งคนให้ไปเตรียมพร้อมรอรับเฉิงถิงฟางทันที
เขารู้ดีว่าตระกูลเฉินนั้น คือตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสำนักหยกจักรพรรดิ และบ่อยครั้งที่ตระกูลเฉินนิยมส่งคนของพวกเขาไปช่วยเหลือบรรดาจักรพรรดิที่บ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิที่เป็นคนของสำนัก และทุกคนที่พวกเขายื่นมือช่วยเหลือล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาจักรพรรดิที่พวกเขาได้หมายตาไว้แล้วว่าเป็นผู้มีความสามารถและน่าส่งเสริม
แต่ตอนนี้ ผู้ที่ถูกส่งมาจากตระกูลเฉินกลับเป็นถึงทายาทสายหลัก ซึ่งนี่มันเป็นเรื่องที่แปลก เหลียงซานรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าตระกูลเฉินต้องการอะไรจากเขากันแน่
ทางด้านของจางหมิง ขณะนี้เขาได้มาพบกับจือหมิงฮ่าว และพูดว่า “พี่จื่อ ข้ามีข่าวดี ในอีกครึ่งเดือนจะถึงเวลาที่พวกเราจะลงมือแล้ว”
จือหมิงฮ่าวยิ้มและถามขึ้น “ข้าสงสัย ว่าข้อตกลงครั้งล่าสุดที่ข้าบอกไปพวกท่านตกลงหรือไม่?”
ตอนนี้จือหมิงฮ่าวรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาไม่แน่ใจว่าเจ้าสำนักของเขาจะมาที่นี่ทันหรือเปล่า และถ้าหากมาไม่ทัน เขาคิดว่าสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องเผชิญมันจะต้องยุ่งยากมากแน่ ๆ
“แน่นอนพวกเราตกลง” จางหมิงหัวเราะ “ร่างกายของผู้ครองสายเลือดพฤกษาสวรรค์ไม่มีค่าพอที่จะทำให้เราผิดใจกับท่านแน่นอน แต่ข้าหวังว่าหลังจากที่ท่านได้มันมาครอบครองแล้ว ท่านคงจะมีน้ำใจแบ่งเลือดของมันมาให้ทางฝั่งข้าบ้างสักเล็กน้อย ซึ่งพวกข้าเองจะใช้ของที่มีค่าเทียบเท่ากับมันเพื่อแลกเปลี่ยน”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา!” จือหมิงฮ่าวตกลงทันที
“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าเราเข้าใจตรงกัน อีกครึ่งเดือนเราค่อยเจอกันอีกครั้งนะพี่จื่อ!” จางหมิงหัวเราะ
หลังจากจางหมิงบอกลาจือหมิงฮ่าว เขาก็เดินจากมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมบนใบหน้า
ในอีกไม่นาน คฤหาสน์สราญรมย์จะต้องลุกเป็นไฟด้วยฝีมือของเหล่าผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นคนจากสันเขาหมื่นอสูรหรือคนจากกลถ่มของจือหมิงฮ่าว ภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะต้องเป็นภาพที่น่าดูชมมากแน่นอน
ส่วนทางด้านของฝั่งเขาที่ได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรอ้าวเทียน พวกเขาย่อมมีความแข็งแกร่งเหนือกว่ากลุ่มอื่น ๆ และเมื่อถึงบทสรุปสุดท้ายพวกเขาจะใช้ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าหุบทุกอย่างมาไว้ในมือ
แต่น่าเสียดายที่จางหมิงคำนวณบางอย่างพลาดไป เนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ เจ้าสำนักของสำนักสวนร้อยพฤกษาได้ทะลวงขอบเขตไปสู่ขอบเขตสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
และในอีกด้านหนึ่ง
หลิงตู้ฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับแผนการต่าง ๆ ตอนนี้เขากำลังนั่งคุยกับหลิงเจิ้งสงผ่านคริสตัลสื่อสาร
“ตู้ฉิง เจ้าต้องระวังให้ดี ๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าทางฝั่งของเหลียงซานเริ่มจะมีความเคลื่อนไหวแล้ว” หลิงเจิ้งสงคุยกับหลิงตู้ฉิงผ่านคริสตัลสื่อสาร “ปู่ตรวจพบว่า ตอนนี้ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ปู่ มีผู้คนแปลกหน้ามาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ปู่ล่ะกังวลจริง ๆ ว่าถ้าหากพวกเขาเกิดบ้าขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกเขาคงได้ฉีกกำแพงคฤหาสน์ปู่ออกเป็นชิ้น ๆ แน่”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ไม่ต้องกังวลท่านปู่ การเตรียมการของข้าใกล้จะเสร็จแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความเรียบร้อยของกองกำลังของข้าครั้งสุดท้าย และเมื่อพวกเขาพร้อมเมื่อไหร่ ข้าจะส่งพวกเขาไปให้ท่านทันที”
หลิงเจิ้งสงเมื่อได้ยินเช่นนี้เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “หะ! ถ้าเจ้าส่งกองกำลังของเจ้าทั้งหมดมาให้ข้าแล้วเจ้าจะปกป้องตัวเองได้ยังไง ทำไมเจ้าถึงไม่ให้ข้าและคนอื่น ๆ ไปอยู่รวมกันที่คฤหาสน์ของเจ้าแทน หากทำเช่นนั้นพวกเราจะได้ไม่ต้องกระจายกำลังกันและยังสามารถรวมความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับพวกเขาได้”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “คฤหาสน์สราญรมย์ของข้าไม่ต้องการการปกป้องใด ๆ ทั้งสิ้น ข้าไม่ต้องการให้ใครในฝั่งของเรามาอยู่ที่นี่ทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาใครก็ตามที่มาบุกที่นี่ ทุกคนจะต้องตายทั้งหมด! มันง่ายกว่าหากเราแยกกำลังของฝั่งตรงข้ามออกจากกันและค่อย ๆ จัดการกับพวกเขา ถ้าหากพวกท่านมารวมตัวที่นี่กันหมด มันจะเป็นการลำบากที่จะจัดการพวกเขาได้พร้อม ๆ กัน และข้าเองยังอาจจะไม่สามารถปกป้องพวกท่านได้หมดทุกคนพร้อมกันด้วย”
“งั้นก็เอาแบบที่เจ้าว่าก็แล้วกัน” หลิงเจิ้งสงพยักหน้า “ต่อไปนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว แต่ถ้าหากเจ้ารับมือพวกเขาไม่ไหวจริง ๆ เจ้าจงพาคนของพวกเจ้าหนีไปซะ ตราบใดที่เจ้าสามารถหนีรอดไปได้ ข้าเชื่อว่าเหลียงซานคงไม่กล้าทำอะไรกับพวกเราแน่ เพราะว่าเขาจะต้องกังวลกับการแก้แค้นของเจ้า”
หลังจากคุยกับหลิงเจิ้งสงจบ หลิงตู้ฉิงได้มองไปยังบรรดาทหารของเขาทั้ง 750 คนที่กำลังยืนนิ่งเงียบรอรับคำสั่ง และตะโกนขึ้น “พวกเจ้าทุกคนล้วนได้รับการสนับสนุนและฝึกฝนจากข้ามาก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่พวกเจ้าจะได้แสดงให้โลกรู้ว่าพวกเจ้านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน”
“6 ปีที่ผ่านมา ระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้าล้วนก้าวมาสู่ขอบเขตประสานทะเลปราณ มีแม้กระทั่งบางคนก้าวมาถึงขอบเขตรวมแสงดาราแล้วด้วยซ้ำ แต่อย่าคิดว่านี่มันคือปลายทางของพวกเจ้า เพราะข้าอยากจะบอกกับพวกเจ้าว่านี่มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ในอนาคตพวกเจ้าจะต้องเผชิญกับศึกที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงกว่าที่พวกเจ้ากำลังจะเผชิญในเร็ว ๆ นี้มาก และระดับการบ่มเพาะที่พวกเจ้าจะได้ก้าวไปถึงนั้นมันจะอยู่สูงซะจนพวกเจ้าจินตนาการไม่ออก”
“ตอนนี้ข้าจะสอนบทเรียนสุดท้ายให้กับพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ถึงความหมายของการสร้างกลยุทธ์การทำสงครามเทพสังหารศัตรูที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็เริ่มสอนกลยุทธ์การทำสงครามต่าง ๆ ให้กับบรรดาทหาร
วันถัดมา หลิงตู้ฉิงตะโกนเรียก “หลิงฉุยฟง!”
“รับทราบ!” หลิงฉุยฟงรีบเดินมาหาเขาและตอบกลับทันที
“พาเหล่าทหารไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงเพื่อปกป้องที่นั่น จงลอบเคลื่อนทัพไป นอกจากท่านปู่แล้วอย่าให้ใครเห็นว่าพวกท่านได้อยู่ที่นั่น และเตรียมพร้อมรอสัญญาณจากข้าเพื่อที่จะเข้าโจมตี”
“รับทราบ!” หลิงฉุยฟงตอบรับ
หลังจากนั้นเขาพูดต่อว่า “หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว เจ้าจงให้เหล่าทหารรั้งอยู่ที่คฤหาสน์แม่ทัพหลิงต่อเพื่อปกป้องที่นั่นก่อน และรอรับคำสั่งจากข้าอีกที เอาล่ะจงไปได้แล้ว!”
เมื่อรับคำสั่งจากหลิงตู้ฉิงจบ หลิงฉุยฟงหันกลับและตะโกนสั่งเหล่าทหารทันที “จัดรูปขบวนปฐพีอำพลาง! ที่หมายคฤหาสน์ตระกูลหลิง!”
หลังจากได้รับคำสั่ง เหล่าทหารทั้ง 750 คนเริ่มแปรรูปกระบวนทัพทันที และจากนั้นพวกเขาจึงเริ่มมุดดินไปหาหลิงเจิ้งสงโดยที่คนนอกไม่มีทางรู้ได้
เมื่อเห็นว่าบรรดาทหารจากไปแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงเรียกทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์ให้ออกมาหาเขา
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงตะโกนว่า “เหมิงลู่ ข้าจะให้เจ้านำหลิงจู้ไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเจ้า แต่ถ้าหากไม่จวนตัวจริง ๆ เจ้าอย่าได้เปิดเผยว่าเจ้ามีหลิงจู้อยู่ในครอบครอง ด้วยการปกป้องของหลิงจู้ต่อให้เจ้าจะเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เจ้าจะสามารถอยู่รอดได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าไปที่ตระกูลของเจ้าเอง”