พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 263 ทางออกทะเลชางหมาง
บทที่ 263 ทางออกทะเลชางหมาง
ผู้บ่มเพาะแทบทุกคนรู้ดีว่าพรสวรรค์และความสามารถของพวกเขาได้ถูกฟ้ากำหนดมานานแล้วว่าแต่ละคนจะไปได้ถึงจุดไหน
แน่นอนว่ายังมีคนที่มีตระกูลที่ดีที่สามารถผลักดันความสามารถและพรสวรรค์ของพวกเขาไปจนเลยขีดจำกัดได้บ้าง
อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากที่ไม่โชคดีขนาดนั้น
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือหลายคนที่ยังไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของโชคชะตาชะตาชีวิต โชคลาภของพวกเขาจึงถูกพรากไปและพวกเขาก็ถูกบังคับให้ละทิ้งในเส้นทางการบ่มเพาะก่อนเวลา
ตัวอย่างเช่นหากใครที่อยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ต้องการที่จะทะลวงผ่านระดับ 13 แต่หากต้องกลับเผชิญกับสถานการณ์ถูกไล่ล่าที่ร้ายแรงถึงตาย พวกเขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดาราก่อนเวลาเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เผชิญอยู่
แต่โลกใบนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์อยู่ นั่นก็คือบนโลกนี้ยังมีตัวช่วยสำหรับผู้ที่ในอดีตได้บ่มเพาะไปในแนวทางที่ผิดพลาด ซึ่งก็คือใช้เหล่าสมบัติวิเศษจากสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นและนำพวกมันมาชดเชยในเรื่องนี้
ตราบเท่าที่พบสมบัติสวรรค์ชนิดที่ถูกต้อง ผู้ที่ในอดีตทำผิดพลาดไปในขั้นตอนการบ่มเพาะก็จะสามารถเพิ่มศักยภาพของตัวเองได้อีกครั้ง
เนื่องจากสมบัติสวรรค์บางชนิดสามารถทำลายขีดจำกัดของระดับการบ่มเพาะของตัวเองที่ถูกฟ้ากำหนดไว้ได้
อย่างไรก็ตามสมบัติสวรรค์ชนิดนี้เป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากจนเหนือกว่าที่จะจินตนาการได้ การได้พานพบกับพวกมันนั้นย่อมต้องเป็นผู้ที่มีโชควาสนาเหนือล้ำกว่าผู้คนมากมายนับล้านล้านคน แต่ในอีกแง่หนึ่งมันก็ถือว่าเป็นหายนะแก่คนผู้นั้นเช่นกัน
เนื่องจากต่อให้จะได้สมบัติมาครอบครองแล้วปัญหาก็ยังคงไม่จบ เพราะเมื่อไหร่ที่สมบัติแบบนี้ปรากฏขึ้นมันก็เหมือนกับเป็นสัญญาณลั่นกลองรบให้เหล่าผู้คนมากมายหรือแม้แต่ขุมอำนาจใหญ่ต่าง ๆ ต้องฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงมันมาครอบครอง
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเป็นสถานที่ที่อันตรายแต่มันก็เป็นโอกาสสำหรับผู้ฝึกฝนระดับล่างที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาให้แข็งแกร่งขึ้น
ตามตำนาน เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเป็นสถานที่ที่จะสามารถค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้เกือบทั้งหมด มีหลายสิ่งที่สามารถเพิ่มศักยภาพของผู้บ่มเพาะ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อยู่ทุกหนทุกแห่งภายในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่อย่างน้อยก็มีโอกาสมากกว่าโลกภายนอกหลายเท่า
ที่สำคัญที่สุดคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปจะไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้และจะต้องตายหากฝืนเข้ามา สิ่งนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะระดับล่างมีโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากขึ้น
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือผู้ที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ได้จะต้องมีกุญแจเพื่อที่จะผ่านเข้าไปได้เท่านั้น และกุญแจทุกดอกต่างก็จำกัดจำนวนคนที่มันจะพาเข้าไปด้านในได้อีกต่างหาก ฉะนั้นในบรรดาคนนับล้านคนมันก็จะมีเพียงแค่คนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าเสี่ยงโชคในสถานที่แห่งนี้ได้
ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเยว่เฟิงได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงอาจให้โอกาสแก่น้องสาวของนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะละล่ำละลักขอบคุณ
ในเวลานี้ เสี่ยวหลิงเฟิงยังไม่ทราบถึงการมีอยู่ของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เมื่อนางตอนที่นางยังอาศัยอยู่ในภูเขาฟีนิกซ์นางยังเด็กเกินไปที่จะรู้เรื่องราวของสถานที่สำคัญต่าง ๆ บนโลก และเมื่อนางมาถึงทะเลชางหมางก็ไม่มีใครที่จะบอกนางเกี่ยวกับการมีอยู่ของมัน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ถึงความสำคัญในการได้รับโอกาสได้เข้าไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ แต่ก็นางเข้าใจถึงคุณค่าของคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นวิธีการบ่มเพาะระดับสูงสุดในสายเลือดฟีนิกซ์ของพวกนาง
ดังนั้นเมื่อหลิงตู้ฉิงอนุญาตให้พี่สาวของนางถ่ายทอดคาถาวัฏจักรศักดิ์สิทธิ์ให้นาง นางจึงแสดงความขอบคุณต่อหลิงตู้ฉิงอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณ นายท่าน!” เสี่ยวหลิงเฟิงพูดอย่างซาบซึ้ง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าก็เหมือนกับพี่สาวของเจ้า ซึ่งมีศักยภาพที่จะบ่มเพาะไปได้ถึงขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 เท่านั้น เจ้าต้องฝึกฝนจนถึงระดับ 12 ให้ได้และใช้ศักยภาพของเจ้าให้ถึงขีดจำกัด จากนั้นเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถึงจะมีประโยชน์กับเจ้า”
“แม้ว่าจะยังมีเวลามากกว่า 30 ปี แต่เจ้าอยู่ในระดับ 5 เท่านั้น มันยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะฝึกฝนจนถึงขอบเขตประสานทะเลปรารณระดับ 12 ให้ทันในเวลาที่เหลืออยู่ ดังนั้นจงฝึกฝนให้หนักขึ้น!”
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบว่า “นายท่าน ข้าจะกระตุ้นให้นางฝึกฝนอย่างหนัก หากนางไม่สามารถไปถึงขอบเขตประสานทะเลปรารณระดับ 12 ได้ พวกเราสองพี่น้องคงจะละอายเกินไปที่จะขอโอกาสจากนายท่าน”
“อืม” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ไปกันเถอะ”
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า หลังจากที่หลิงตู้ฉิงและคนอื่น ๆ ขึ้นรถม้ากันหมดแล้ว นางก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนบังคับโดยมีน้องสาวของนางนั่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นกงหนิวก็พารถม้าบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
สำหรับจักรพรรดิของเกาะวายุคลั่ง ทั้งหลิงตู้ฉิงและเสี่ยวเยว่เฟิงต่างไม่ได้สนใจเขาเลย ถึงแม้ว่ากลุ่มเสื้อคลุมโลหิตหลายคนจะถูกคนของจักรพรรดิคนนี้สังหาร แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาโดยเฉพาะที่เสี่ยวเยว่เฟิงได้ประกาศต่อหน้าเหริ่นอี้ฟางไปแล้วว่านางจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตอีก
และถึงแม้ว่าน้องสาวของนางจะได้รับบาดเจ็บ แต่อาการบาดเจ็บของนางก็ไม่ได้ร้ายแรงแถมยังเป็นน้องสาวของนางเองที่รนหาที่เป็นคนเริ่มสังหารคนพวกนี้ก่อน ดังนั้นนางจึงไม่คิดติดใจอะไรกับคนเหล่านี้สักเท่าไหร่
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงจากไป ผู้คนของเกาะวายุคลั่งก็เผยสีหน้าครุ่นคิด
ในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงบังคับรถม้าไปยังทางออกของทะเลชางหมาง นางก็ได้บอกถึงการมีอยู่ของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้เสี่ยวหลิงเฟิงฟัง
เสี่ยวหลิงเฟิง เมื่อได้ยินเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ของสถานที่ที่เรียกว่าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ นางก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพี่…นายท่านของท่านพี่นี่เป็นใครกันแน่?”
เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัว “ข้าไม่รู้ว่านายท่านคือใคร แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่สามารถตัดสินได้จากระดับการบ่มเพาะของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์พยายามที่จะต่อกรกับนายท่าน แต่บทสรุปชะตากรรมของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นก็ต้องจบลงด้วยความตายจากน้ำมือของนายท่านมาแล้ว ดังนั้นแม้ว่าในอนาคตเจ้าจะโชคดีพอที่จะเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ เจ้าก็ยังต้องฟังคำพูดของนายท่าน”
เสี่ยวหลิงเฟิงมองเข้าไปในรถม้าและแอบส่งข้อความทางโทรจิตไปหาเสี่ยวเยว่เฟิงและถามว่า “เอ่อ…ท่านพี่ แล้วทำไมท่านถึงไม่คิดที่จะแต่งงานกับนายท่านล่ะ?”
“เรื่องนี้ซับซ้อนมาก เจ้าจะได้รู้เรื่องนี้ในเวลาต่อไป” เสี่ยวเยว่เฟิงถอนหายใจ “สำหรับนายท่าน ถ้าท่านต้องการเจ้า เจ้าก็สามารถรับใช้เขาได้ ถ้าเขาไม่ต้องการเจ้า เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าเข้าใจไหม?”
เสี่ยวหลิงเฟิงพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
เสี่ยวเยว่เฟิงก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์เสียดาย เนื่องจากตอนนี้นางได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ไปแล้วและจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปยังเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อีก หากนางต้องการเพิ่มศักยภาพของตัวเอง นางคงจะต้องหวังพึ่งโอกาสอื่น ๆ ที่อยู่บนโลกภายนอก ซึ่งมันคงไม่มีโอกาสมากนัก
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่น้องสาวของนางจะได้รับ
อย่างไรก็ตามกงหนิวที่ได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขารู้ถึงประโยชน์ของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องการเข้าไปเช่นกัน
กงหนิวติดตามหลิงตู้ฉิงมานานแล้ว เขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงมีกุญแจเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับอยู่ 2 อัน
เนื่องจากเสี่ยวเยว่เฟิงไม่สามารถเข้าไปได้ เขาก็ยังคงหวังว่าจะมีโอกาสบ้าง แต่ตอนนี้เสี่ยวหลิงเฟิงเป็นฝ่ายได้รับโอกาสแล้ว เขาก็กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เข้าไป แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากในตอนแรกที่เขาได้เข้ามารับใช้หลิงตู้ฉิงนั้นมันเนื่องมาจากสาเหตุที่เขาต้องทำคุณไถ่โทษ ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาได้รับโอกาสให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้ในช่วงเวลาอันสั้นนั้นก็ถือว่าดีมากสำหรับเขาแล้ว
ในทางกลับกัน ซือโถวเหวินหยวนไม่ได้คิดอะไรมากนักกับการที่ตนเองจะได้เข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับหรือไม่ เนื่องจากหลิงตู้ฉิงได้สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะพาเขาเข้าไปด้วย
ในตอนนี้เขาจึงมีแค่ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
และสิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้ก็คือวิชาอะไรที่หลิงตู้ฉิงกำลังถ่ายทอดให้กับคนของครอบครัวในตอนนี้ภายในรถม้า? ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงไม่อนุญาตให้เขาดูด้วยซ้ำ?
ในขณะนี้ภายในรถม้า หลิงตู้ฉิงได้สร้างกำแพงปิดกั้นไม่ให้คนภายนอกสามารถมองเห็นหรือได้ยินเสียงที่อยู่ภายในได้
ทันใดนั้นหลิงตู้ฉิงที่กำลังสอนคนในครอบครัวของเขาให้ฝึกฝนเทคนิคการเปลี่ยนแปลงก็รู้สึกว่ารถม้าหยุดลง เขาหยุดพูด สลายกำแพงปิดกั้นออกและชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่างดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถึงแล้วงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเยว่เฟิงตอบว่า “นายท่าน เรามาถึงทางออกของทะเลชางหมางแล้ว!”
“อืม!” หลิงตู้ฉิงตอนนี้กำลังมองไปยังกำแพงล่องหนที่สายตาของคนทั่วไปมองไม่เห็น เขาเดาได้มานานแล้วว่าทะเลชางหมางถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสมดุล
อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขาหยุดสังเกตการณ์อยู่ จู่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์กลุ่มหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นห้อมล้อมพวกเขาไว้และถามว่า “พวกเจ้าเป็นใคร? จงจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าออกทะเลชางหมางมาเดี๋ยวนี้!”