พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 271 หนึ่งร้อนหนึ่งเย็น
บทที่ 271 หนึ่งร้อนหนึ่งเย็น
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ทั้งคู่อยู่สักพักและพบว่าอายุขัยของพวกเขากำลังจะหมดลงแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาจึงพอจะเข้าใจได้ว่าทำไมคนทั้งคู่ถึงรีบต้องการโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ของเขานัก
ถึงแม้ว่าโอสถวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ใช่โอสถยืดอายุขัย แต่ด้วยระดับคุณภาพของมันที่อยู่ในระดับสูงสุดสรรพคุณของมันจึงไม่ได้ต่างอะไรจากโอสถยืดอายุขัย มันจึงกลายเป็นโอสถที่ล้ำค่าอย่างมากสำหรับผู้ที่อายุขัยใกล้จะหมดลง
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทั้งสอง เมื่อได้ยินเงื่อนไขของหลิงตู้ฉิงเช่นนี้ พวกเขาต่างยืนครุ่นคิดไม่กล้ารับปาก เนื่องจากถ้าพวกเขารับปากว่าจะให้หลิงตู้ฉิงเลือกของ 3 สิ่งได้ นั่นมันหมายถึงมูลค่าที่พวกเขาต้องจ่ายมันจะสูงอย่างมหาศาล
และอีกอย่างคือพวกเขายังไม่เชื่อสักเท่าไหร่ว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณผู้นี้จะช่วยให้พวกเขาทะลวงขอบเขตได้
หลิงตู้ฉิงเมื่อเห็นสีหน้าลังเลของพวกเขา เขาส่ายหัวและพูดว่า “พวกท่านยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจในตอนนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ที่พวกท่านสามารถตัดสินใจได้แล้วในอนาคตพวกท่านมาหาข้าได้ที่สวนอี้หลาน และถามหานามข้า หลิงตู้ฉิง แต่ราคาที่พวกท่านต้องจ่ายจะต้องสูงขึ้นไปอีก”
หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็พาคนของเขาเดินลงไปชั้นล่าง
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงนั้นมีของหลายอย่างที่เขาหมายตาไว้ แต่เขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนพวกมันได้ต่อให้เขาจะนำโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมาแสดงแล้วก็ตาม เนื่องจากมูลค่าของสิ่งของที่เขาต้องการล้วนแต่มีมูลค่ามากกว่าโอสถวิญญาณบริสุทธิ์
แต่ในทันทีที่พวกของหลิงตู้ฉิงเดินออกจากหอการค้าพิรุณทองคำ พวกเขาก็ถูกล้อมโดยกลุ่มคนของจื่อหวง
“ไอ้หนุ่ม แกมีโอสถวิญญาณบริสุทธิ์อยู่กับตัวเยอะนักนะ!” จื่อหวงชี้หน้าหาเรื่อง “มอบผลึกปฐพีเวหามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะจับตัวพวกเจ้าทุกคนให้หมด!”
เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนต่างมองไปที่หลิงตู้ฉิงพร้อม ๆ กัน เพื่อดูสัญญาณว่าพวกเขาควรจะจัดการกับคนเหล่านี้ทันทีเลยหรือไม่
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อย และพูดกับมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยที่อยู่ข้างเขาว่า “พวกเจ้าคนไหนอยากจะลองสู้กับเขาบ้าง? ที่ผ่านมาพวกเจ้าถูกข้าคุ้มครองมาโดยตลอด จนพวกเจ้าไม่เคยลงมือต่อสู้เองเลยสักครั้ง ซึ่งมันทำให้พวกเจ้าไม่มีประสบการณ์การต่อสู้เลย และในอนาคตพวกเจ้าจะต้องได้เจอกับการปะทะกันของจริงแน่นอน ข้าคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่พวกเจ้าควรมีประสบการณ์ตั้งแต่ในตอนนี้ไว้เลย”
หลิงตู้ฉิงได้คิดเรื่องนี้ไว้นานแล้วว่าจะต้องให้พวกนางได้มีประสบการณ์การต่อสู้จริง เนื่องจากที่เมื่อไหร่พวกเขาได้เข้าไปด้านในเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ หลิงตู้ฉิงเองก็มีเป้าหมายของตัวเองที่เขาต้องไปจัดการ ซึ่งเขาคงไม่สามารถพาพวกนางไปด้วยได้ จากนั้นเขาคงจะต้องปล่อยให้พวกนางดูแลตัวเองในช่วงระยะเวลาที่เขาไม่อยู่ด้วย
และตอนนี้ เมื่อเห็นโอกาสที่เหมาะเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงให้พวกนางได้ฝึกฝน
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยต่างมองหน้ากัน จากนั้นมี่ไลจึงเป็นคนตะโกนขึ้นก่อน “งั้นขอข้าเป็นคนแรก!”
หลังจากได้ยินมี่ไลตอบกลับ หลิงตู้ฉิงจึงพูดกับจื่อหวง “สู้กับนาง ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะเอาผลึกปฐพีเวหาให้เจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะไม่ได้อะไรเลย ส่วนถ้าเจ้าตายมันก็ถือว่าเจ้าไร้ความสามารถเอง”
เมื่อได้ยินเงื่อนไขนี้ มี่ไลก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
นางรู้ว่าผลึกปฐพีเวหานี้ราคาของมันไม่ใช่น้อย ๆ เลย นางตั้งใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนางก็ไม่สามารถแพ้ได้
ผู้ติดตามของจื่อหวงผู้หนึ่งที่ระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์ได้พูดขึ้น “นายน้อย อันที่จริงท่านไม่จำเป็นค้องเสียเวลามาคุยอะไรกับคนพวกนี้หรอก ที่นี่คือเมืองเจินไห่ซึ่งเป็นถิ่นของเรา เดี๋ยวข้าจะส่งคนของเรามาจัดการกับพวกเขาเอง”
“ไม่จำเป็น นางก็แค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 ส่วนข้าเองเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 การเอาชนะนางมันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามืออยู่แล้ว” จื่อหวงโบกมือไปทางมี่ไล และพูดต่อ “เข้ามา ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความแตกต่างของพลังระหว่างเจ้ากับข้า!”
หลังจากพูดจบ จื่อหวงก็เริ่มโคจรพลังวิญญาณของเขาทันที และควบแน่นพลังระดับรวมแสงดาราไว้ในฝ่ามือและพูดขึ้น “ถ้าเจ้ายังไม่กล้าลงมือก่อน งั้นก็อย่ามาหาว่าข้าหยาบคายก็แล้วกัน!”
เมื่อมี่ไลเห็นว่าจื่อหวงโคจรพลังวิญญาณของเขาเพื่อเตรียมที่จะจู่โจมนางแล้ว นางจึงรีบใช้วิชาฝนใบไม้ผลิและปล่อยหมอกหนาออกมาจากร่างกาย จากนั้นนางชี้นิ้วไปยังจื่อหวงและตะโกนขึ้น “ก่อเกิด!”
หลังจากสิ้นเสียงของมี่ไล ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ได้ยินเสียงของฟ้าร้องดังเปรี้ยงขึ้นทันที พร้อมกับภาพของร่างจื่อหวงที่ถูกเส้นสายฟ้าที่จู่ ๆ ก็โผล่ออกมาจากหมอกที่ล้อมรอบอยู่รอบตัวของมี่ไลผ่าเข้าที่ร่างเขาอย่างจัง ส่งผลให้เขาลงไปนอนตัวงออยู่ที่พื้นทันที
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ มันอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนเป็นอย่างมาก
นี่มันคือคาถาหรือวิชาบ้าอะไรกันแน่?
แล้วไอ้หมอกนั่นมันคืออะไรกันแน่? ที่สำคัญนี่มันไม่ใช่วิชาธาตุอัสนีสักหน่อย แล้วสายฟ้านั่นมันออกมาได้ไง?
มี่ไล ตอนนี้นางมองไปที่จื่อหวงที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตางุนงงเช่นกัน นางเองก็นึกไม่ถึงว่าท่าไม้ตายของนางที่นางคิดขึ้นมามันจะรุนแรงขนาดนี้!
“สามี!” มี่ไลหันหลังไปมองหลิงตู้ฉิง
หลิงคู้ฉิงยิ้มและตอบกลับว่า “ที่ผลมันออกมาง่ายเช่นนี้นั่นก็เพราะคู่ต่อสู้ของเจ้ามันเป็นแค่พวกโง่เง่าที่ไร้ประสบการณ์ แต่ถ้าหากเจ้าไปเจอกับพวกผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์สูง เจ้าจะไม่สามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ แบบนี้แน่นอน”
เสี่ยวเยว่เฟิงและซื้อโถวเหวินหยวนมองไปที่มี่ไลด้วยสายตาแปลกประหลาดและถามขึ้น “นายท่าน นี่มันคืออำนาจในการบังคับฤดูของท่านหญิงมี่งั้นเหรอ?”
พวกเขาทั้งคู่ต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิและความรุนแรงของปราณอัสนีในเวลาพร้อมกันเมื่อครู่ ซึ่งมันเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดมาก ๆ
“ใช่และไม่!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัวเล็กน้อย
ขณะนี้ผู้ติดตามของจื่อหวงก็ตะโกนขึ้นไปยังบรรดาคนของเขาเช่นกัน “พวกเจ้ารออะไรกันอยู่ รีบไปฆ่าพวกมันเร็วเข้า!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่จื่อหวงถูกสายฟ้าผ่าจนร่วงลงพื้น เขาคือคนเดียวที่พุ่งเข้ามาประคองร่างของจื่อหวงเอาไว้
และเมื่อตรวจสอบดูแล้วว่าจื่อหวงนั้นยังไม่ตาย แต่นอกจากที่ร่างกายจะดำเป็นตอตะโก อาการของจื่อหวงกลับดูประหลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันประหลาดยังไง มันเหมือนกับว่ามีบางอย่างอยู่ในร่างกายของจื่อหวง ซึ่งแน่นอนว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ๆ
เขารีบทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้จื่อหวงก่อนทันทีด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อเขาจัดการบาดแผลของเจ้านายเขาเสร็จแล้วเรียบร้อย เมื่อเขาหันกลับมามองไปยังบรรดาพรรคพวกคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนตะลึงงันกันอยู่ เขาก็รู้สึกโกรธจนหัวหมุน
เมื่อบรรดาผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ของจื่อหวงได้ยินคำสั่ง พวกเขาก็ได้สติและพุ่งเข้าหากลุ่มของหลิงตู้ฉิงทันที
“พวกเจ้าจงจัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง” หลิงตู้ฉิงพูดกับมี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ย
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็ได้พูดกับเสี่ยวเยว่เฟิงเช่นกันว่า “ในอนาคต หากไม่มีความจำเป็นจริง ๆ เจ้าไม่ต้องลงมือทำอะไรทั้งนั้น และปล่อยให้หลิงเฟิงลงมือแทนเจ้าไป”
หลิงเทียนหยุนรีบตะโกนขึ้นเช่นกัน “ท่านพ่อข้าก็จะช่วยด้วยอีกคน!”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเทียนหยุนจะเข้าไปช่วย เขารีบตะโกนห้ามขึ้นทันที “เจ้าไม่ต้องลงมือ ถ้าเจ้าเข้าไปยุ่งพวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”
หลิงตู้ฉิงรู้ดีว่าถึงแม้เทียนหยุนจะอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นล้ำหน้าไปไกลระดับการบ่มเพาะไปมากแล้ว
เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากพุ่งเข้ามาหา มี่ไลเปลี่ยนวิชาที่ใช้งานจากวิชาฝนใบไม้ผลิเป็นวิชาสุริยะสาดแสง และตะโกนขึ้น “คิมหันต์สังหาร!”
ด้วยท่าไม้ตายที่นางใช้ ตราบใดที่เหล่าผู้คุ้มกันของจื่อหวงคนไหนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตนภา พวกเขาจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นในร่างไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ ส่วนพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาขึ้นไป พวกเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความร้อนเช่นกัน และความร้อนที่พวกเขารู้สึกอยู่นี้มันพิสดารอย่างมากเพราะพวกเขาไม่สามารถต่อต้านมันได้เลย ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้นี้ที่กำลังเกิดขึ้นและพวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านมันได้ด้วย แค่เพียงเวลาชั่วครู่เดียว มวลอากาศร้อนอันรุนแรงก็พวยพุ่งออกจากร่างของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่โชคร้าย และพวกเขาก็ล้มลงสิ้นใจทันที ทีละคนทีละคน
ส่วนทางด้านหลิวเฟ่ยเฟ่ย นางโบกมือและตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สายลมเยือกแข็ง!”
สายลมเย็นสุดขั้วซึ่งผสมไปด้วยกลิ่นอายพลังอันน่าสยดสยองบังเกิดขึ้นออกจากมือของนางและพักไปทางเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงหน้านางทันที ส่งผลให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญเริ่มมีชั้นน้ำแข็งเกาะตามร่างกายทับถมกันไปเรื่อย ๆ จนร่างของพวกเขาเป็นสีขาวโพลน และกลายเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็งไปในที่สุด
“ปราณน้ำแข็งทมิฬ!” เสี่ยวเยว่เฟิงพึมพำกับตัวเอง
เสี่ยวเยว่เฟิงมองไปที่มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ยด้วยสายตาตกตะลึง นางคิดมาตลอดว่าบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงนั้นแข็งแกร่งเหมือนปีศาจกันทุกคน แต่นางไม่นึกว่าเหล่าภรรยาของเขาเองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
ปราณน้ำแข็งทมิฬ นั้นปกติแล้วไม่ใช่พลังที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณจะสามารถเข้าถึงได้ เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นผู้ที่บรรลุกฎเยือกแข็งได้ไปถึงระดับสูง ซึ่งกว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้ก็ต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบปีในการทำความเข้าใจ
ส่วนพลังควบคุมฤดูกาลที่มี่ไลฝึกฝนนั้น นางไม่เคยได้ยินมันมาก่อนด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากเสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวน บรรดาผู้คนอื่น ๆ ที่เห็นภาพนี้ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
ผู้เชี่ยวชาญหญิงขอบเขตประสานทะเลปราณ 2 คน ฆ่าผู้เชี่ยวชาญไปเป็นจำนวนมากโดยการออกวิชาเพียงครั้งเดียว แถมมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เพียงหยิบมือที่สามารถหลบได้ทัน? คนพวกนี้มันเป็นใครจากที่ไหนกัน?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ที่เป็นผู้ติดตามจื่อหวง เมื่อเห็นเช่นนี้เขายิ่งโกรธแค้น
ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะยังไงเขาจะต้องฆ่านังผู้หญิงปีศาจสองตนนี้ให้จงได้