พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 275 เตือนไม่ฟัง
บทที่ 275 เตือนไม่ฟัง
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ ในหมู่ตึกหยูอี่ แม้แต่ซือโถวเหวินหยวน เสี่ยวหลิงเฟิง และทุกคนที่มากับหลิงตู้ฉิงต่างก็มองเขาด้วยสายตาสงสัยคิดว่าเขาจะต้องจงใจตะโกนออกไปเช่นนั้นแน่ ๆ
เนื่องจากหลิงตู้ฉิงเองก็ต้องการยันต์สั่งสวรรค์เป็นอย่างมากถึงขนาดที่เขาต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง ฉะนั้นมันจึงอาจจะไม่แปลกอะไรที่ถ้าหากเขาเห็นผู้อื่นกำลังจะได้มันไป เขาจึงจงใจขัดขวางเอาไว้
ขณะนี้ในบรรดาผู้คนที่อยู่ภายในบริเวณรอบ ๆ เสี้ยวเฉินอู่และชายวัยกลางคน เป็นสองคนที่โมโหจนถึงขีดสุด ส่วนบรรดาคนอื่น ๆ ที่ต้องการยันต์สั่งสวรรค์เช่นกัน พวกเขาก็ทำแค่บ่นไปตามน้ำ
เสี้ยวเฉินอู่นั้นโมโหจนเกินจะทานทน เพราะว่าในขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปหยิบได้แล้วนั้น เขากลับถูกรบกวนสมาธิด้วยเสียงตะโกนและแถมยังต้องบาดเจ็บจากผลสะท้อนของค่ายกลที่ถูกวางไว้รอบ ๆ
ส่วนทางด้านชายวัยกลางคน ที่เขาโมโหนั้นก็เพราะผู้ถูกชะตากำหนดกำลังจะปรากฎตัวขึ้นแล้วแท้ ๆ แต่กลับมีไอ้บ้าคนไหนก็ไม่รู้มาทำเสียเรื่องจนหมด เขาจะไม่โกรธได้ยังไง? เนื่องจากพวกของเขาได้ตามหาและเฝ้ารอมากว่าหลายปีแล้ว
เมื่อเผชิญกับคำครหาของผู้คนมากมาย หลิงตู้ฉิงยิ้มและกล่าวขึ้นว่า “ข้าเองก็มาที่นี่เพื่อยันต์สั่งสวรรค์เช่นกัน และข้าเกรงว่านอกจากข้าแล้วคงจะไม่มีใครที่สามารถนำมันไปได้หรอก”
เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงกล่าวประกาศด้วยน้ำเสียงมั่นใจเช่นนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนก็เริ่มดูดีขึ้นมาบ้าง
เนื่องจากตราบใดที่มีใครสักคนสามารถนำยันต์สั่งสวรรค์ไปจากหมู่ตึกหยูอี่ได้นั่นก็หมายถึงคนผู้นั้นคือบุคคลที่ถูกชะตากำหนด และเขาจะเคารพผู้ใดก็ตามที่สามารถกลายเป็นผู้ถูกชะตากำหนดได้
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็ยังรู้สึกเจ็บใจนิดหน่อยที่อยู่ดี ๆ เสี้ยวเฉินอู่ที่ดูเหมือนใกล้จะทำสำเร็จกลับถูกขัดซะอย่างงั้น
“และข้าไม่ได้หลอกเจ้า เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ” หลิงตู้ฉิงหันไปพูดกับเสี้ยวเฉินอู่ “โดยปกติแล้วข้าคงจะไม่เตือนหรอก แต่บังเอิญว่าข้าเห็นเจ้านั้นไม่เลวเลยจริง ๆ ดังนั้นข้าเลยอดเสียดายไม่ได้หากเห็นเจ้าต้องตายลง ข้าเลยต้องห้ามเจ้าไว้ และอีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะทำยังไงเจ้าก็คงไม่อาจนำยันต์สั่งสวรรค์ไปได้หรอก ฉะนั้นเจ้าไม่ควรมาตายอย่างไร้ประโยชน์ในที่แห่งนี้”
เสี้ยวเฉินอู่ เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งโกรธ “เจ้าหยุดทำตัวเป็นพ่อพระเดี๋ยวนี้เลยไอ้ชั่ว! เจ้าบังอาจมากที่มาขวางวาสนาของข้าแบบนี้ ไม่รู้แหละวันนี้เจ้าจะต้องชดใช้ ถ้าออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้า!”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “เฮ้อ เจ้านี่ไม่รู้อะไรซะเลยว่าอะไรดีต่อตัวเจ้าเอง ถ้าเป็นแบบนี้ครั้งหน้าข้าจะไม่ช่วยคนแบบเจ้าแล้วจะดีกว่า…”
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาช่วยข้า! ขอบคุณนะไอ้เวร!” เสี้ยวเฉินอู่ตะคอกกลับ
เมื่อเห็นการตอบกลับเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงจึงขี้เกียจที่จะสนใจเสี้ยวเฉินอู่อีก เขาหันไปถามชายวัยกลางคนว่า “ตอนนี้ข้าสามารถเข้าไปเอายันต์สั่งสวรรค์มาได้รึยัง?”
ไม่ว่ายังไงก็ตามของสิ่งนี้มันยังคงอยู่ในความครอบครองของผู้อื่นอยู่ ฉะนั้นหลิงตู้ฉิงจึงต้องถามความเห็นชอบก่อน
ชายวัยกลางคนพยักหน้า ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าสามารถเข้าไปลองได้!”
เขาไม่ได้เอาคำพูดของหลิงตู้ฉิงมาใส่ใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากตั้งแต่ที่มีการเฟ้นหาผู้ถูกชะตากำหนดสำหรับยันต์สั่งสวรรค์ มันก็มีอยู่หลายครั้งที่จะมีคนพูดจาโอ้อวดขึ้นมาเช่นนี้ และในท้ายที่สุดพวกเขาทุกคนก็ต่างล้มเหลวไม่เป็นท่า
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าตอบรับ และจากนั้นเขาก็เริ่มสาวเท้าก้าวไปหายันต์สั่งสวรรค์
“ช้าก่อน!” เสี้ยวเฉินอู่ตะโกนขึ้นขัดจังหวะ
หลิงตู้ฉิงหันกลับไปมองเสี้ยวเฉินอู่ด้วยสายตาสงสัยว่าไอหนุ่มคนนี้มันต้องการจะทำอะไร?
ชายวัยกลางคนเองก็หันไปมองที่เสี้ยวเฉินอู่เช่นกัน พลางคิดใจ “นี่เสี้ยวเฉินอู่พยายามที่จะเอาคืนโดยการปั่นป่วนโดยวิธีที่คล้ายกับที่เขาโดนงั้นเหรอ?”
เมื่อคิดสงสัยเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นไม่พอใจมากยิ่งขึ้น
“ผู้อาวุโสจง เมื่อครูท่านก็เห็นอยู่ว่าข้าถูกรบกวน!” เสี้ยวเฉินอู่พูดด้วยสายตาขอความเป็นธรรม “ทุกคนก็เห็นกันอยู่ว่าข้านั้นสามารถเข้าไปใกล้ได้มากแค่ไหน แต่ข้ากลับถูกรบกวนสมาธิทำให้ต้องล้มเหลว นี่มันไม่ยุติธรรมกับข้าเลยสักนิด ข้าไม่รู้หรอกว่าไอ้คนหยาบช้านี่มันจะสามารถเข้าไปเอายันต์สั่งสวรรค์มาได้รึเปล่า แต่ในเมื่อข้าเป็นผู้ที่ถูกรังแกก่อน ฉะนั้นอย่างน้อย ๆ ท่านก็ควรอนุญาตรอให้ข้าได้พักฟื้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้หายและให้ข้าได้มีโอกาสลองใหม่ก่อนหน้าเขา!”
บรรดาผู้คนที่ฟังอยู่ต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เนื่องจากที่เสี้ยวเฉินอู่อ้างมาก็มีเหตุผล
ชายวัยกลางคนมองไปยังหลิงตู้ฉิงอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้อ ก็ในเมื่อเจ้าเป็นคนฝืนกฎก่อน ฉะนั้นข้าคงต้องตัดสินใจให้เจ้ารอก่อนล่ะนะ”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ก็ได้ ในเมื่อเขาไม่เชื่อข้าและอยากรนหาที่ตายแบบนี้ข้าก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน”
“ท่านจะใช้เวลาในการพักรักษาตัวนานเท่าไหร่?” ชายวัยกลางคนถามไปยังเสี้ยวเฉินอู่
เสี้ยวเฉินอู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคารพ “อาการบาดเจ็บที่ข้าได้รับ คงต้องใช้เวลาราว 10 วันเป็นอย่างน้อยเพื่อฟื้นฟู”
อันที่จริงเขาเองก็ได้คำนวณเวลาล่วงหน้าไว้แล้วในใจ ถึงแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บจากผลสะท้อนของค่ายกล แต่ในช่วงที่เขาได้รับผลสะท้อนเขาก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของกลไกในค่ายกลบ้างแล้ว ด้วยระยะเวลาระหว่างที่พักฟื้นเขามั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่เขาหายและนำภาพกลไกของค่ายกลที่อยู่ในหัวเขามาวิเคราะห์ เขาจะสามารถเข้าไปเอายันต์สั่งสวรรค์ออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
และเมื่อไหร่ที่เขาได้ครอบครองยันต์สั่งสวรรค์มาไว้ในมือ เต๋าแห่งอักขระเวทย์ของเขาจะต้องพัฒนาไปอีกหลายขั้นจนต่อให้ระดับการบ่มเพาะของเขาที่ยังคงอยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา แต่เขาก็ยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญได้อย่างแน่นอน
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอีกครั้งและพูดว่า “เจ้ายังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เจ้ากำลังจะเผชิญมันคืออะไร แต่นี่เจ้ากลับคิดถึงการผ่านมันแล้วงั้นเหรอ? ข้าจะบอกอะไรให้ ต่อให้เจ้าต้องใช้ความพยายามไปอีกสักพันปีเจ้าก็ไม่มีวันผ่านมันไปได้! และอีกอย่างการที่ต้องรอเจ้าอีก 10 วันนี้ต่อให้เจ้าจะมีเวลาว่าง แต่ข้าไม่มีเวลาจะมาเสียกับเจ้าขนาดนั้น ถ้าเป็นแค่การฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เจ้าก็จงเอาโอสถวิญญาณบริสุทธิ์นี่ไปกินซะ ด้วยอาการบาดเจ็บเล็กน้อยของเจ้ามันคงจะทำให้เจ้าหายได้ภายในพริบตา และพอเจ้าหายแล้ว เจ้าช่วยรีบ ๆ เข้าไปลองอีกรอบนึงไว ๆ อย่าทำข้าเสียเวลาให้มันมากนัก”
“โอสถวิญญาณบริสุทธิ์คุณภาพสูงสุด?” บรรดาผู้คนที่มองเห็นโอสถที่หลิงตู้ฉิงโยนให้เสี้ยวเฉินอู่ต้องอุทานกันเสียงหลง
ตอนนี้ทุกคนต่างมองไปยังหลิงคู้ฉิงด้วยความสงสัยว่าเขาจะเป็นนายน้อยมาจากสำนักใหญ่ที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า?
เสี้ยวเฉินอู่ที่ได้รับโอสถวิญญาณบริสุทธิ์มา เขาจึงรีบตรวจสอบมันทันที และเมื่อดูอย่างละเอียดแล้วว่ามันไม่มีปัญหาแถมคุณภาพของมันยังอยู่ในระดับสูงสุด เขาจึงรีบกลืนมันลงท้องทันที
ในตอนแรกเขาเองต้องการที่จะประวิงเวลาเอาไว้ แต่ในเมื่อตอนนี้หลิงตู้ฉิงกลับหยิบเอาโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมาเช่นนี้ เขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอามาอ้างประวิงเวลาได้อีกแล้ว
“ข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดีอีกรอบ ถ้าหากเจ้าไม่อยากตาย จงอย่าลอง บางครั้งบางสิ่งที่เจ้าอาจเห็นว่ามันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่บางทีมันก็อาจจะอยู่แสนไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เสี้ยวเฉินอู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “เก็บคำพูดของเจ้าเอาไว้ซะ ไม่ว่าเจ้าจะขู่ให้ข้ากลัวแค่ไหน ข้าก็ไม่มีทางถอย! ข้ายังคงยืนยันในวาจาที่ข้าเคยเอ่ยไว้แล้ว ยันต์สั่งสวรรค์จะต้องเป็นของข้าแน่นอนเท่านั้น!”
ในส่วนของด้านชายวัยกลางคน ตอนนี้ท่าทีของเขานั้นกำลังดูเหมือนว่าจะจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
หลังจากกลืนโอสถวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปแล้ว เสี้ยวเฉินอู่ก็สงบจิตของตัวเองและจากนั้นเขาก็เริ่มเดินเข้าไปหายันต์สั่งสวรรค์
ในรอบนี้ เสี้ยวเฉินอู่ได้เข้าไปใกล้กับยันต์สั่งสวรรค์อย่างรวดเร็วจนอยู่ห่างกันเพียงแค่ 1 เมตร
ในมุมมองของคนธรรมดา มันอาจจะดูเหมือนว่าไม่มีอะไร
แต่ทว่าในสายตาของผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ เสี้ยวเฉินอู่นั้นได้มองเห็นเส้นสายลวดลายมากมายที่ประจุเต็มไปด้วยกฎแห่งสวรรค์และโลก
เสี้ยวเฉินอู่ได้เดินตามช่องว่างกลไกที่เขาได้เห็นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งสุดท้ายเขาก็ได้เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ จุดที่กฎแห่งการระเบิดดำรงอยู่ ซึ่งตอนนี้ร่างของเขาเองก็ได้อยู่ห่างจากยันต์สั่งสวรรค์แค่เพียงหนึ่งก้าวครึ่ง
ด้วยระยะเพียงแค่นี้ แค่เขาเพียงเอื้อมมือไปหยิบก็ควรจะถึง
เขาเอี้ยวตัวหลบเส้นลวดลายที่เต็มไปด้วยอักขระเวทย์ที่ดูโบราณเป็นอย่างมากอย่างระมัดระวัง และค่อย ๆ เอื้อมมือไปยังแท่นที่วางยันต์สั่งสวรรค์อยู่ตรงกลาง
“เขาตายแน่นอนแล้วล่ะ” หลิงตู้ฉิงพูดเสียงต่ำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เขาได้ยิน
และเกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน เสี้ยวเฉินอู่เองก็รู้สึกได้ว่าปลายนิ้วของเขาได้ไปสัมผัสกับอะไรบางอย่าง
เขาคิดขึ้นในใจ “ทำไมมันเหมือนกับว่าเมื่อครู่เขาได้สัมผัสกับผิวน้ำ?”
และนี่ก็คือห้วงความคิดสุดท้ายในชีวิตของเขา…
ในเวลาเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงพูดจบประโยค จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาจากยันต์สั่งสวรรค์ และจากนั้นร่างกายของเสี้ยวเฉินอู่ก็หยุดนิ่ง
บรรดาผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้สึกงุนงง พวกเขาศึกษายันต์สั่งสวรรค์มาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน
และจากนั้นทุกคนก็ได้รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากภาพต่อมาที่ทุกคนได้เห็นก็คือร่างของเสี้ยวเฉินอู่ได้ค่อย ๆ กลายเป็นฝุ่นผงและสลายหายไป
ซึ่งถ้าจะพูดให้ดีแล้ว การตายของเสี้ยวเฉินอู่นั้นก็ไม่ได้ดูน่าอนาถมากสักเท่าไหร่ เนื่องจากเขาได้ตายลงทันทีโดยไม่ทันจะได้รู้สึกเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ