พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) - บทที่ 294 รนหาที่ตาย
บริเวณสวนทั้งหมดสั่นสะเทือนเนื่องจากพลังของสมบัติวิเศษระดับเซียน ซึ่งทุกคนต่างก็รู้สึกได้
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ในขณะนี้กำลังหลับใหลอยู่ก็ถูกปลุกขึ้นโดยแรงสั่นสะเทือนนี้เช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเฟ่ยเฟ่ยลุกขึ้นและรีบแต่งตัว
ไม่เพียงแต่หลิวเฟ่ยเฟ่ยเท่านั้นที่ตื่นขึ้นมา แม้แต่เสี่ยวเยว่เฟิงก็ตื่นลุกขึ้นมาจากเตียง ทุกคนที่อยู่ในหมู่ตึกหยูอี่ทั้งหมดต่างสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งที่จู่ ๆ ก็ปะทุขึ้นในสวนด้านหลัง
ในทางกลับกัน หลิงตู้ฉิงซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าปู้หยุนฟานกับเสี่ยวหยูฉิงและรู้สึกได้ถึงการคุกคามของอำนาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสมบัติระดับเซียนของปู้หยุนฟาน แต่เขายังคงพูดด้วยรอยยิ้มราวกับไม่ได้แยแสถึงอันตรายใด ๆ “สิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้คือถ้าข้าเอายันต์สั่งสวรรค์ออกมาและถ้าพวกเจ้าสามารถนำมันไปได้มันก็จะเป็นของเจ้า ข้าจะไม่มอบมันให้เจ้ากับมือต่างหากล่ะ”
ปู้หยุนฟานพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดว่า ยันต์สั่งสวรรค์ที่เจ้าได้ปรับแต่งไปแล้วมันจะมีอำนาจในตัวของมันเองจน เจ้ามั่นใจว่าข้าจะไม่สามารถชิงมันไปได้สินะ สรุปแล้วก็คือเจ้าต้องการเพียงแค่จะโอ้อวดกับพวกข้าว่าตัวเจ้าแข็งแกร่งมากเพียงไหนใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “เจ้าจะคิดยังไงก็เรื่องของเจ้า แต่ข้าขอเตือนไว้ก่อน สิ่งที่เจ้ากำลังจะเผชิญต่อไปมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ไม่ใช่แค่ว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถนำยันต์สั่งสวรรค์นี้กลับไปได้ แต่พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องตายโดยไร้หลุมศพ”
“หยุดพูดมากได้แล้ว รีบหยิบยันต์สั่งสวรรค์ออกมา!” เสี่ยวหยูฉิงตะคอกด้วยอารมณ์หมดอดทน
เขาคาดหวังเป็นอย่างมากให้ผู้อาวุโสของเขาจะได้รับยันต์สั่งสวรรค์โดยเร็วที่สุด เพราะเขาได้รับคำสัญญาไว้แล้วว่าเขาจะได้รับการอนุญาตให้ศึกษามันเพื่อพัฒนาความเข้าใจกฎแห่งสวรรค์และโลก
ตอนนี้หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นางรีบเดินออกมายังสวนด้านหลังและตะโกนถามขึ้น “สามี เกิดอะไรขึ้น?”
ส่วนมี่ไลนั่งข้าง ๆ หลิงตู้ฉิง นางยิ้มโดยไม่พูดอะไร
นางรู้เรื่องยันต์สั่งสวรรค์เป็นอย่างดี และยันต์สั่งสวรรค์ยังคงอยู่ในความครอบครองของนาง ตอนนี้นางเพียงแค่รอการให้สัญญาณจากหลิงตู้ฉิงเพื่อนำมันออกมา และดูการแสดงที่น่าตื่นเต้นนี้เพียงอย่างเดียว
“ไม่มีอะไรหรอก แค่มีใครบางคนต้องการยันต์สั่งสวรรค์ของเราก็เท่านั้น!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะตอบกลับหลิวเฟ่ยเฟ่ย จากนั้นเขาหันกลับไปพูดกับปู้หยุนฟานอีกทีและพูดว่า “สรุปแล้วเจ้าจะเอายันต์สั่งสวรรค์ไปให้ได้ใช่ไหม? ว่าแต่พวกเจ้าได้ทำตามที่ข้าเตือนไว้แล้วรึยังที่ข้าให้พวกเจ้าส่งข้อความกลับไปยังสำนักของพวกเจ้าเองก่อนจะมาที่นี่ เพราะถ้าหากว่าพวกเจ้าตายไปแล้ว จะได้มีคนมารับศพ”
ปู้หยุนฟานพูดอย่างกระวนกระวาย “เจ้านี่พูดมากจริง ๆ รีบ ๆ เอามันออกมาได้แล้ว ความอดทนของเรามีจำกัด หรือว่านี่เจ้ากำลังพยายามถ่วงเวลา?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เฮ้อ จงจำเอาไว้นะว่าพวกเจ้ารนหาที่เอง! ดังนั้นข้าจะนำมันออกมาให้พวกเจ้าดู! เอาล่ะ มี่ไล เอาให้พวกเขาดู!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิงที่กล่าวออกมาเช่นนี้ มันทำให้ทั้งปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงประหลาดใจ ทำไมหลิงตู้ฉิงถึงดูมีความมั่นใจมากขนาดนั้น?
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก ตราบใดที่หลิงตู้ฉิงนำยันต์สั่งสวรรค์ขึ้นมาให้พวกเขาเห็น พวกเขาก็มั่นใจว่าจะสามารถนำมันมาครอบครองได้แน่นอน
มี่ไลเอื้อมมือเข้าไปในแขนเสื้อของนางและพูดเบา ๆ ว่า “พี่สาวทุกอย่างตอนนี้คงขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”
หลังจากนั้นนางจึงคลี่ยันต์สั่งสวรรค์ออกมาเผยให้ทุกคนเห็น
เมื่อปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงเห็นยันต์สั่งสวรรค์ปรากฏขึ้น พวกเขาก็ตื่นเต้นมากในทันที
จากนั้นพวกเขาก็เห็นหญิงสาวยืนหันหลังให้อยู่ในภาพวาด ปู้หยุนฟานรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ไอ้สารเลวนี่ใช้ยันต์สั่งสวรรค์อย่างนี้จริง ๆ เหรอ? เอามาวาดรูปคนงั้นเหรอ? ถ้าเป็นการประทับอักขระเวทย์ลงไป พวกเขายังคงสามารถลบล้างได้หากพวกเขานำมันกลับไปที่สำนัก แต่ตอนนี้ยันต์สั่งสวรรค์กลับถูกวาดรูปลงไปแล้วแม้ว่าพวกเขาจะเอากลับไปแก้ไขได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์การสำแดงอำนาจของมันได้
ขณะที่เขากำลังโกรธ ผู้หญิงในภาพวาดก็หันหน้ามา
“งะ งะ งดงามมาก!” ปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาต่างจ้องมองเข้าไปในดวงตาหญิงสาวที่อยู่ในภาพวาดและก็ได้ทราบความหมายที่แฝงอยู่ในดวงตานั้นทันที ‘มดสองตัว เจ้ากล้าที่จะละเมิดศักดิ์ศรีของข้า!’
นี่เป็นเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่พวกเขาเห็นและไม่มีอะไรอื่น
จากนั้นร่างของปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิงก็หายไปอย่างไร้ร่องลอยโดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ต่อต้านเลยด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากหลิงตู้ฉิงแล้ว ทุกคนที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็มีสีหน้าตกใจ เนื่องจากในช่วงเวลาเมื่อยันต์สั่งสวรรค์ถูกคลี่ออก และปู้หยุนฟานกับเสี่ยวหยูฉิงต่างมองไปที่หญิงสาวในภาพวาด จากนั้นเมื่อนางหันกลับมาจ้องพวกเขากลับคืน ลำแสงที่ดูเหมือนจะเดินทางข้ามกาลเวลามานับไม่ถ้วนสาดส่องไปยังร่างของปู้หยุนฟานและเสี่ยวหยูฉิง จากนั้นร่างของสองทั้งคนก็ดูเหมือนถูกเร่งให้อายุมากขึ้นเป็นพันปีในพริบตาและอายุขัยของพวกเขาก็มอดดับลงและสลายหายกลายเป็นฝุ่นผงไปในที่สุดราวกับว่าตัวตนของพวกเขาไม่เคยมีอยู่จริง
ในตอนนี้ หลังจากที่ร่างของทั้งสองได้สลายหายไป บรรดาสมบัติต่าง ๆ และแหวนมิติ ก็ได้ตกลงสู่พื้นพร้อมเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง
ในเวลานี้หญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาโกรธเคือง
“นี่เจ้าหลอกใช้ข้าอีกแล้วเหรอ!?” ผู้หญิงคนนั้นตะโกน
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าควรจะเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลที่ข้าอัญเชิญเจ้าออกมานั่นก็คือเพื่อช่วยข้า!”
ผู้หญิงคนนั้นคร่ำครวญ “คราวหน้าข้าจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว ข้าจะปล่อยให้พวกมันพาข้าไป!”
“เจ้าไม่ยอมหรอก พวกเขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะมองดูเจ้าด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับจะพาเจ้าไปได้” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว
หญิงสาวในภาพวาดถลึงตาใส่พลางเม้มริมฝีปากแล้วค่อย ๆ หันหลังกลับ อย่างไรก็ตามหลังจากที่นางหันหลังกลับไปนางก็ได้เผยรอยยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ โดยไม่สนใจคำพูดของหลิงตู้ฉิงว่าเขาจะพูดว่าอะไร
จากนั้นยันต์สั่งสวรรค์ก็บินลอยกลับไปหามี่ไลอย่างนุ่มนวล ซึ่งมี่ไลก็เอื้อมมือไปรับยันต์สั่งสวรรค์มาโดยไม่รู้ตัว นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าสาวงามในภาพวาดนั้นจะน่าเกรงขามและทรงพลังเช่นนี้
“สามี พี่สาวนาง…” มี่ไลพูดตะกุกตะกัก “ทำไมนางถึงมีพลังขนาดนี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นางน่าทึ่งมากใช่ไหมล่ะ?”
“แล้วสามีท่าน…” มี่ไลมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความสับสน
นางเคยได้ยินหญิงสาวในภาพวาดพูดว่า หลิงตู้ฉิงรู้จักนาง ถ้านางมีพลังมากขนาดนี้ หลิงตู้ฉิงจะทรงพลังขนาดไหน?
สามีของนางที่ผ่านมาเขาอยู่แต่ในเมืองฟีนิกซ์มาตลอดไม่ใช่เหรอ?
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องเหล่านี้ เอาล่ะ เฟิงเก็บสมบัติต่าง ๆ ที่หล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมา ข้าจะให้เจ้าเก็บสมบัติระดับสวรรค์ไว้กับตัวเจ้าเองไว้ก่อน ส่วนสมบัติวิเศษระดับเซียนนั้นจงนำมันมาให้ข้า หากข้าหลอมโอสถบำรุงวิญญาณเสร็จแล้วข้าจะกลับมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลกระบี่เหินเมฆาอีกที”
เสี่ยวเยว่เฟิงที่เห็นภาพการสำแดงเดชของหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ นางยังคงรู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อนางได้ยินคำสั่งของหลิงตู้ฉิง นางจึงรีบเก็บสมบัติทั้งหมดที่ร่วงอยู่บนพื้นและส่งสมบัติวิเศษระดับเซียนให้กับหลิงตู้ฉิง
นางไม่เคยคิดว่าหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จะมีอำนาจมากขนาดนี้ นางใช้เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาก็ทำให้ทั้งสองคนนั้นสลายหายไปเหมือนพวกเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้
ที่สำคัญที่สุดคือหนึ่งในคนที่ถูกสลายร่างไปนั้นกำลังเปิดใช้งานสมบัติวิเศษระดับเซียนอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งพลังของนางก็ทะลุผ่านอำนาจของสมบัติวิเศษนั่นจนเหมือนกับมันไม่มีค่าอะไรเลยซะอย่างนัั้น
“นายท่าน ผู้อาวุโสคนนั้นคือ…” เสี่ยวเยว่เฟิงถามด้วยสาตาคาดหวัง
นางเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่บ้าง นางเข้าใจว่าภาพร่างของหญิงสาวนางนี้ที่ หลิงตู้ฉิงวาดลงไปในยันต์สั่งสวรรค์นั้นคือผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับอันสูงส่งในอดีต และด้วยอำนาจของยันต์สั่งสวรรค์ จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกวาดลงไปสามารถแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้บางส่วน แต่นี่มันไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยเหรอ?
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและไม่ตอบคำถามของเสี่ยวเยว่เฟิง เขาแค่พูดว่า “เจ้าลงแรงไปมากแล้ว เมื่อข้าหลอมโอสถบำรุงวิญญาณให้เจ้าเสร็จแล้ว เมื่อเจ้ากินมันเข้าไปร่างกายของเจ้าก็จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม”
“ขอบคุณนายท่าน!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบขอบคุณเขา
แต่นางก็ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไม มันดูเหมือนหลิงตู้ฉิงนั้นไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับหญิงสาวที่อยู่ในยันต์สั่งสวรรค์ แต่ถึงแม้ว่าจะสงสัยขนาดไหนนางก็ไม่กล้าถามออกไป